เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก - ตอนที่ 345
หยางหลิงซินถามเต็มไปด้วยความสงสัย “พี่หมินหมิ่น นี่มัน…”
“ไม่เป็นไรจ้ะ พี่ไปไม่นานหรอก ที่บ้านน่าจะมีปัญหาอะไรซักอย่าง” เธอยื่นเอกสารให้หยางหลิงซิน “นี่เป็นเอกสารของหลินเช่อ เธอเอามันกลับไปด้วยแล้วเอามาคืนให้พี่ที่ออฟฟิศพรุ่งนี้นะจ๊ะ”
“ได้ค่ะ” หยางหลิงซินมองไปยังกลุ่มคนที่อยู่ตรงหน้าและรู้สึกงุนงง คนพวกนี้ดูมีอิทธิพลและไม่น่าจะใช่คนจากบริษัท
ทว่า เธอมองอวี๋หมินหมิ่นแล้วก็ไม่กล้าพูดอะไรออกมา ได้แต่ยืนดูด้วยความหวาดหวั่นขณะที่คนพวกนั้นนำตัวอวี๋หมินหมิ่นไปจากสตูดิโอ
ที่ทำเนียบประธานาธิบดี เกลซท์ ไทล์ พาเลซ
นับเป็นครั้งแรกที่อวี๋หมินหมิ่นได้มาในสถานที่แบบนี้ เธอมักจะดูรายการเปิดทำเนียบให้ประชาชนได้เข้าชมประจำปีทางทีวี แต่ไม่เห็นว่ามีการรักษาความปลอดภัยแน่นหนาเท่านี้ ตอนที่เธอเข้ามา มีการป้องกันหลายชั้น ข้าวของของเธอก็ถูกเก็บเอาไปด้วย
กู้จิ้งหมิงเข้ามาและยื่นของที่มีอยู่กับตัวให้ผู้ติดตาม เขามองอวี๋หมินหมิ่นแล้วเดินขึงขังเข้าไปหา ใบหน้าแสดงความไม่พอใจขณะที่จ้องเธอขมึงทึง ชายหนุ่มรู้สึกหงุดหงิดรำคาญ เขาเพียงชำเลืองมองแล้วก็โยนกระดาษปึกหนึ่งมาให้เธอ
อวี๋หมินหมิ่นตกตะลึง เธอมองกู้จิ้งหมิงพร้อมกับหยิบกระดาษปึกนั้นขึ้นมาอย่างหวาดระแวง แล้วสีหน้าของเธอก็ซีดลง
กู้จิ้งหมิงเอ่ย “ทางเลือกเดียวที่ฉันพอจะคิดได้ในตอนนี้คือประกาศต่อหน้าสาธารณชนว่านี่เป็นภาพส่วนตัวของฉันกับคู่หมั้น ฉันต้องแก้ต่างว่านี่เป็นแค่ส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันส่วนตัวของฉัน ไม่เกี่ยวอะไรกับโลกภายนอก”
อวี๋หมินหมิ่นตัวสั่นเทา “รูปของฉันมันเห็นไม่ชัดนี่คะ มันไม่น่าจะเป็นปัญหาใช่มั้ย”
“มันเป็นไปได้ที่พวกนั้นจะมีรูปที่เห็นเราทั้งสองคนชัดเจน เพราะฉะนั้น เธอต้องยินยอมต่อข้อตกลงทุกอย่างของ เกลซท์ ไทล์ พาเลซ”
“ว่าไงนะ” อวี๋หมินหมิ่นมองเขาด้วยความประหลาดใจ “คุณหมายความว่ายังไงคะ”
“ก็หมายความว่าจากนี้ไป เธอจะเป็นคู่หมั้นของฉันไงล่ะ”
“…” อวี๋หมินหมิ่นตกตะลึงทำอะไรไม่ถูก เธอจะเป็นคู่หมั้นของเขาได้อย่างไร
“แต่…”
“ไม่มีคำว่าแต่ เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นต้นเหตุมาจากเธอ และตอนนี้เธอต้องรับผิดชอบผลของการกระทำที่ตามมา ฉันขอให้เธอมาที่นี่ไม่ใช่เพื่อที่จะมาถกเถียงกัน แต่เพื่อที่จะบอกเธอว่าจากนี้ไปเธอจะเป็นคู่หมั้นของฉัน ถึงตอนนี้เรื่องของเธอจะยังไม่ถูกขุดคุ้ย แต่เธอก็ยังต้องเตรียมตัวเตรียมใจรับมือกับมันเมื่อวันนั้นมาถึง ถ้าต้องทำอะไรนอกเหนือจากนี้ ฉันจะแจ้งให้เธอรู้อีกที”
“อะไรนะ” อวี๋หมินหมิ่นมองกู้จิ้งหมิงไม่อยากเชื่อหูของตัวเอง “นี่คุณกำลังขอให้ฉันแกล้งทำเป็นว่าคบกับคุณอย่างนั้นรึ ด้วยเหตุผลอะไรมิทราบคะ”
กู้จิ้งหมิงก้าวเข้ามาใกล้อวี๋หมินหมิ่น จ้องที่หน้าเธอแล้วบอกน้ำเสียงราบเรียบ “ไม่อย่างนั้น ฉันจะโยนเธอและครอบครัวให้ไปเน่า***อยู่ในคุกด้วยเหตุผลที่ว่าเธอคือผู้ต้องสงสัยเป็นสายลับที่จะมีผลต่อความมั่นคงของชาติ”
“คุณ…นี่มันถือว่าเป็นการใช้อำนาจโดยมิชอบนะ”
“อยากพูดอะไรก็พูดไปเถอะ”
“คุณ…”
“รู้ไว้ด้วยนะ นี่เป็นเพราะเธอเป็นเอเยนต์ของหลินเช่อหรอกนะ ฉันถึงไม่ได้กำจัดเธอโดยทันที ไม่อย่างนั้นแล้ว เธอคงไม่มีสิทธิมาอยู่ตรงนี้และพูดกับฉันอย่างนี้”
อวี๋หมินหมิ่นมองหน้ากู้จิ้งหมิงและไม่สามารถควบคุมความโกรธของเธอเอาไว้ได้ “ฉันคิดว่าที่คุณยังไม่ได้กำจัดฉันออกไปเพราะคุณยังต้องใช้ฉันอยู่ต่างหาก ฉันมีสิทธิที่จะยืนอยู่ตรงนี้!”
กู้จิ้งหมิงหรี่ตาลง
สายตาคุกคามคู่นั้นดูดุร้ายเอาเรื่อง
จ้องมองไปยังหญิงสาวใจกล้าที่อยู่ตรงหน้าเขา สายตากินเลือดกินเนื้อนั้นแทบจะทำให้เธอหายใจไม่ทั่วท้อง
ทว่า อวี๋หมินหมิ่นไม่สนใจเลยสักนิด
เป็นหรือตายเธอก็ขออยู่ที่นี่ ช้าหรือเร็วยังไงก็ต้องตาย แต่เธอไม่รู้ว่าจะถูกเขี่ยทิ้งเพราะหมดประโยชน์ไหมหรือเมื่อไหร่จะโดนฆ่าตายเพราะความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนพวกนี้
ตอนนี้มีทางเดียวให้เลือกเดิน ทำไมเธอยังต้องกลัวอะไรอีกเล่า
อวี๋หมินหมิ่นพูด “คุณยังมีข้อเรียกร้องอะไรอีกมั้ย เขียนออกมาให้หมดซะตอนนี้และไม่ต้องอ้อมค้อมแล้ว ยังไงทุกอย่างมันก็เป็นเรื่องโกหกอยู่ดี ฉันเอาชนะนักการเมืองอย่างคุณไม่ได้หรอก ฉันจะเอาชนะท่านประธานาธิบดีผู้ยิ่งใหญ่ได้ยังไง เพราะฉะนั้นฉันไม่เล่นตุกติกอะไรทั้งนั้น แค่บอกกันมาตรงๆ ไม่ต้องเสียเวลาชักแม่น้ำทั้งห้า”
กู้จิ้งหมิงได้ยินเช่นนั้นแล้วเขาก็จ้องลึกลงไปในดวงตาของเธอ “ขอให้เธอคิดอย่างนั้นจริงๆ เถอะ”
“คุณคิดว่ายังไงล่ะ คุณมีอำนาจล้นเหลือ ฉันจะทำอะไรได้” อวี๋หมินหมิ่นถาม
กู้จิ้งหมิงจ้องไปที่เธอใบหน้าเรียบเฉย จนเวลาผ่านไปครู่หนึ่งเขาจึงเอ่ยขึ้น “ดี ขอให้เธอจำคำพูดของตัวเองวันนี้ไว้ให้ดี ฉันไม่มีเรื่องอะไรปิดบังเธอทั้งนั้น ตั้งแต่นี้ไป เธอเป็นคู่หมั้นของฉัน เธอไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงอะไร แค่เป็นตัวของตัวเองก็พอ ฉันเพียงต้องการให้เธอจำไว้ให้ดีว่าอย่าคิดหนี ไม่อย่างนั้น เธอจะต้องเสียใจกับการตัดสินใจของตัวเอง”
“ไม่ต้องห่วง ฉันไม่หนีหรอก”
เป็นความจริงที่กู้จิ้งหมิงไม่ได้ต้องการให้เธอทำอะไรอื่นอีก ถึงอย่างไร ภรรยาที่เป็นแค่คนธรรมดาสามัญยิ่งจะเป็นประโยชน์ต่อภาพลักษณ์ของเขา มีการคาดเดาต่างๆ นานาเกี่ยวกับตัวเขาอีกทั้งครอบครัวเขาเองก็เร่งเร้าให้แต่งงานเสียที ฝ่ายตรงข้ามเองหลบซ่อนตัวได้เป็นอย่างดีและไม่ว่าตระกูลกู้จะฉลาดเพียงใด พวกเขาก็ยังไม่รู้ว่าอีกฝ่ายถือไพ่อะไรอยู่ในมือ
กู้จิ้งหมิงว่า “มาเถอะ ฉันจะส่งเธอกลับบ้านเอง”
“ไม่จำเป็น ฉันกลับเองได้” เธอบอกแล้วหันจะเดินออกไป
แต่กู้จิ้งหมิงหยุดเธอไว้ก่อน “ฉันจำเป็นต้องประเมินสถานการณ์ของครอบครัวเธอด้วย”
อวี๋หมินหมิ่นเงยหน้าขึ้นมองรู้สึกคลางแคลงใจ
ชายหนุ่มบอก “ไปกันเถอะ”
อวี๋หมินหมิ่นมองดูขณะที่เขาสาวเท้ายาวๆ ออกไปและเธอทำได้แค่เพียงเดินตามหลังเขาเท่านั้น
อวี๋หมินหมิ่นมองไปยังพวกการ์ดที่อยู่ด้านนอกแล้วก็สูดลมหายใจเข้าลึกขณะที่นั่งอยู่ในรถของประธานาธิบดี ท่านประธานาธิบดีผู้เป็นที่รักและเคารพยิ่งนั้นนั่งอยู่ถัดไปจากเธอเพียงไม่กี่คืบ เธอถอนใจเงียบๆ คิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ช่างเป็นเรื่องที่ไม่คาดฝัน มันจู่โจมรวดเร็วเกินกว่าที่เธอจะตั้งรับได้ทัน
สถานการณ์ในบ้านของอวี๋หมินหมิ่นไม่ค่อยสู้ดีนัก เงินที่เธอหาได้และเก็บออมไว้อย่างยากลำบากถูกพ่อขี้พนันเอาไปถลุงจนหมด ตอนนี้ครอบครัวของเธอไม่เหลืออะไรแล้วและเธอยังมีน้องชายที่ยังเรียนอยู่ในโรงเรียนอีกด้วย
กู้จิ้งหมิงมองไปที่ถนนข้างนอกขณะที่พวกเขาขับผ่านไปตามซอยแคบๆ พื้นผิวถนนเป็นหลุมเป็นบ่อและชุมชนแออัดในเมืองก็แลดูสกปรกกว่าทุกๆ วัน
กู้จิ้งหมิงมองออกไป คนจากทำเนียบประธานาธิบดีเตรียมกล้องถ่ายรูปไว้เรียบร้อยแล้ว ในหนังสือพิมพ์ฉบับวันรุ่งขึ้นจะมีรายงานข่าวลงรูปเขามาส่งคู่หมั้นที่บ้านของเธอ
เป็นธรรมดาที่จะไม่มีใครบอกอวี๋หมินหมิ่นเกี่ยวกับเรื่องนี้
เขามองดูหญิงสาวที่นั่งอยู่ด้านข้าง ชายหนุ่มไม่มีแผนการที่จะแต่งงานตอนนี้ ฉับพลันเขาก็มีคู่หมั้นเสียอย่างนั้น
พวกเขามาถึงบ้านของเธอในเวลาไม่นาน อวี๋หมินหมิ่นพูดขึ้น “ขอบคุณนะคะที่มาส่ง”
เมื่อมองไปที่ตึกทรุดโทรมแห่งนี้ เธอถาม “เป็นยังไงคะ ท่านประธานาธิบดีคงไม่เคยมาในที่ซอมซ่อแบบนี้สินะ ถ้าคุณนึกเสียใจที่ให้ฉันร่วมมือกับคุณ อย่าลืมรีบบอกฉันเลยนะคะ”
กู้จิ้งหมิงกวาดตามองไปทั่วตรอกเล็กๆ สกปรกข้างนอกนั้นแล้วก็นิ่งเงียบ
อวี๋หมินหมิ่นเองไม่ได้พูดอะไรต่อเช่นกัน เธอปิดประตูรถแล้วมองกลับไปที่คณะผู้ติดตามประธานาธิบดีกลุ่มใหญ่จากนั้นก็เดินเข้าซอยไป
“พี่ครับ” อวี๋หมินหมิ่นได้ยินเสียงน้องชายของเธอเรียก เธอหันไปแล้วยิ้มให้เด็กหนุ่มวัยรุ่นที่กำลังเดินเข้ามาหา
เธอมองน้องชายและยิ้มอย่างรักใคร่ “เพิ่งเรียนเสร็จเหรอจ๊ะ”
“ครับพี่ ครูสอนพิเศษปล่อยช้าน่ะวันนี้ พี่ครับ คนพวกนั้นเป็นใครกัน” น้องชายของเธอมองไปด้านนอกด้วยใบหน้าอ่อนโยนพลางถาม
อวี๋หมินหมิ่นมองดูขบวนรถเคลื่อนออกไปช้าๆ “โอ้ ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ พวกเขาแค่มาส่งพี่น่ะจ้ะ”
“จริงเหรอครับ พวกเขาดูน่ากลัวมากเลย”
อวี๋หมินหมิ่นหัวเราะแล้วเอาแขนโอบคอน้องชายของเธอไว้ “มาเถอะ เข้าบ้านกันดีกว่า”