เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก - ตอนที่ 360.1
เมื่อมองอยู่ไกลๆ เห็นว่าครั้งนี้ตระกูลลู่มากันเป็นกลุ่มใหญ่ เพราะพวกเขามีข้อตกลงร่วมมือกันกับเจ้าของเรือยอร์ช ตระกูลลู่ได้รับเชิญมาเป็นพิเศษและได้รับการยกย่องอย่างสูง
เป็นธรรมดาที่กู้จิ้งเจ๋อจะดูโดดเด่นที่สุดไม่ว่าเขาจะไปแห่งใด เจ้าของเรือยังมาต้อนรับกู้จิ้งเจ๋อด้วยตัวเองที่ลานจอดแม้ว่าเขาจะมาหลังจากที่งานเริ่มไปแล้ว
ลู่เป่ยเฉินมองลู่ชูเซี่ยที่จู่ๆ ก็ดูร่าเริงขึ้นมา ลู่เป่ยเฉินมองเธอ “หยุดนะ คุณพ่อกับคุณแม่อยู่ที่นี่ทั้งคู่ เธอทำตัวสุภาพหน่อยจะดีกว่า”
ลู่ชูเซี่ยยิ้มหยันและมองไปยังเขา “เคยมีด้วยเหรอที่ฉันไม่สุภาพน่ะ”
เธอลุกขึ้นและบอกว่า “ฉันเดินไปดูก่อน”
ลู่เป่ยเฉินจ้องเขม็งไปที่เธอ
กู้จิ้งเหยียนกำลังเต้นรำอยู่ ข้างกายเธอมีหนุ่มน้อยผมบลอนด์ตาสีฟ้าคุยเล่นอยู่กับเธอ เธอดูสวยสะดุดตาเป็นพิเศษบนเรือยอร์ช
ลู่เป่ยเฉินมองแล้วก็หยิบแก้วไวน์ขึ้นมาและเดินเข้าไปด้านใน
ลู่เป่ยเฉินเดินออกมาหลังจากที่ล้างมือแล้ว เขากำลังจะใช้โทรศัพท์เมื่อหันมาเห็นใครบางคนกำลังถือถาดอยู่ด้านใน
ฟู่เฉินซี
แขนของลู่เป่ยเฉินตกลงทันทีแล้วเขาก็รีบเดินเข้าไป
“เฉินซี เธอมาทำอะไรที่นี่”
วินาทีที่ฟู่เฉินซีเห็นลู่เป่ยเฉิน เธอเกือบหยุดหายใจและอยากจะวิ่งหนีไป
ลู่เป่ยเฉินรีบหยุดเธอไว้และดึงเธอออกมาด้านข้าง
ลู่เป่ยเฉินเพ่งมองไปที่ฟู่เฉินซี “ทำไมเธอไม่บอกฉันว่าเธอมาเสิร์ฟอาหารที่นี่” เขามองไปที่ชุดสาวเสิร์ฟของเธอ
ฟู่เฉินซีก้มหน้าลง เธอพูดอย่างนอบน้อม “ขอโทษนะคะ ฉันมาทำงานพิเศษน่ะ มันเป็นการรบกวนคุณหรือเปล่าคะ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้ล่ะ ฉันไม่มีทางที่จะ…”
“ยัยทึ่ม” ลู่เป่ยเฉินมองไปยังฟู่เฉินซี “ทำไมเธอไม่บอกฉันเรื่องนี้ เกิดอะไรขึ้น ทำไมเธอต้องทำงานพิเศษด้วยล่ะ”
“คือ…แม่ฉันหัวใจวายและพ่อของฉันไม่มีอะไรเลย ฉันอยากดูแลแม่ก็เลยต้องหาเงิน”
“เด็กโง่ ฉันบอกเธอแล้วใช่มั้ยว่าฉันช่วยเธอเรื่องเงินได้” ลู่เป่ยเฉินกล่าวพลางหยิบเอาการ์ดออกมาจากกระเป๋า “เอานี่ไป”
“ไม่ ฉันรับไว้ไม่ได้ ฉันรู้ว่าคุณอยากทำดีด้วย แต่คุณแต่งงานแล้วนะ ยิ่งกว่านั้น ฉันยังต้องพึ่งพาตัวเอง…”
“เธอ…”
ลู่เป่ยเฉินขมวดคิ้วมองไปยังหญิงสาว
“เฉินซีรึ” เสี้ยววินาทีนั้น มีเสียงดังมาจากด้านหลังทำให้ใบหน้าฟู่เฉินซีเปลี่ยนเป็นสีขาว
คนๆ นั้นคือกู้จิ้งเหยียน
กู้จิ้งเหยียนยิ้มตามองไปยังฟู่เฉินซี “เฉินซี เธอมาที่นี่แล้วทำไมไม่มาหาฉันล่ะ”
ฟู่เฉินซีจ้องหน้ากู้จิ้งเหยียน
ชุดราตรีสีฟ้าเป็นคลื่นระลอกพลิ้วราวกับมหาสมุทร ใบหน้าพริ้งเพราดั่งดอกโบตั๋นอันงดงาม คำทุกคำที่มีไว้เยินยออิสตรีคงจะใช้ได้ทุกคำกับกู้จิ้งเหยียน
เพราะไม่มีข้อกังขาใดๆ ว่าเธอนั้นสวยงามโดดเด่นเพียงใด
ในขณะเดียวกัน ฟู่เฉินซีเป็นได้แค่เพียงนางรองในช่วงหลายปีนั้น
เมื่อก่อน กู้จิ้งเหยียนมักจะเป็นศูนย์กลางของความสนใจ ใครๆ ต่างพากันพูดถึงเธอและเธอยังเป็นดาวเด่นหมายเลขหนึ่งของมหาวิทยาลัยในสายตาของทุกคนอีกด้วย
ในเวลาเดียวกัน ผู้คนเริ่มให้ความสนใจฟู่เฉินซีก็ต่อเมื่อเธอเริ่มเดตกับลู่เป่ยเฉิน อย่างไรก็ตาม เธอมักรู้สึกต่ำต้อยเวลาที่อยู่กับคนทั้งสอง ฐานะของเธอต่างกับพวกเขาเกินไปและเธอเป็นแค่คนธรรมดา คนพวกนี้เป็นคุณหนูคุณชายที่ทรงอิทธิพล
แต่ในตอนนั้น ลู่เป่ยเฉินกับกู้จิ้งเหยียนเป็นเพียงแค่เพื่อนกัน ถึงขนาดที่ว่าคนทั้งสองจะถกเถียงกันทุกวันและความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ก็ไม่สู้ดีนัก พวกเขามักจะจบลงที่โต้เถียงกันทันทีที่มีเรื่องเห็นต่างและไม่เคยเลยที่จะปรองดองกัน ทว่า ฟู่เฉินซีก็ยังไม่มีความสุขเมื่อใดก็ตามที่เห็นพวกเขาอยู่ด้วยกัน
เพราะถึงอย่างไร กู้จิ้งเหยียนก็ยังเป็นคนที่มีเสน่ห์มาก ถ้าลู่เป่ยเฉินตกหลุมรักเธอล่ะ
วันนี้ กู้จิ้งเหยียนกลายเป็นภรรยาของลู่เป่ยเฉินแล้ว หวานใจวัยเด็กอย่างไรก็ยังลงเอยด้วยกัน ซินเดอเรลล่าคนนี้ก็ต้องกลับไปใช้ชีวิตสามัญชนของเธอหลังจากที่ออกจากโรงเรียน
ฟู่เฉินซีรีบพูด “จิ้งเหยียน ฉัน…”
กู้จิ้งเหยียนมองฟู่เฉินซี “ฉันจำได้ว่าเราสนิทกันแค่ไหนตั้งหลายปี เธอน่าจะบอกฉันว่าเธอจะมาที่เรือยอร์ชนี่ เป่ยเฉินกำลังทำอะไรน่ะ”
สายตาของเธอมองไปเห็นการ์ดในมือลู่เป่ยเฉิน
เธอยิ้ม จนได้ เขาช่วยเหลือแฟนเก่าอีกแล้ว
กู้จิ้งเหยียนว่า “เป่ยเฉินเขาให้เธอก็รับไว้สิ อย่ากังวลเลย นั่นไม่ใช่เงินฉันหรอก พวกเราอาจจะแต่งงานกันแต่เรื่องการเงินของเราแยกจากกัน ในเมื่อเราเป็นเพื่อนกัน ฉันทนเห็นเธอลำบากไม่ได้หรอก รับเงินไปเถอะ”
“ฉัน…” ฟู่เฉินซีจะรับไว้ได้อย่างไร
กู้จิ้งเหยียนกระชากการ์ดไปจากมือลู่เป่ยเฉิน และยัดเยียดให้ฟู่เฉินซี “ยังไงซะเขาก็มีเงินเยอะแยะ ไม่ใช่ว่าเธอไม่รู้ซักหน่อย”
ใช่ ฟู่เฉินซีคบกับเขาตั้งหลายปี เธอจะไม่รู้เรื่องความมั่งคั่งของตระกูลลู่ได้อย่างไร
ฟู่เฉินซีพูด “ฉันขอโทษนะ จิ้งเหยียน ฉ-ฉ-ฉันไม่เอาเงินเธอหรอก ฉันมาที่นี่เพื่อทำงาน จริงๆ นะ”
กู้จิ้งเหยียนยิ้ม “ฉันรู้ว่ามันเป็นงานพิเศษ มาเถอะ ไม่ต้องทำแล้ว ให้เป่ยเฉินไปคุยกับเจ้านายเธอ มานั่งนี่สิ”
“ไม่…จริงๆ นะ ฉันทำอย่างนั้นไม่ได้หรอก ฉัน…ฉันไม่มีเสื้อผ้า ฉันจะทำให้ขายหน้าเปล่าๆ ถ้าฉันนั่งกับพวกเธอ”
“โอ้ เสื้อผ้าเหรอ ได้เลย ฉันจะให้ใครไปเอาชุดมาให้เธอเอง น่าจะมีชุดทางการอยู่บ้าง ไปกันเถอะ”
“แต่มันวุ่นวายเกินไป…”
“เฉินซี พวกเราแบ่งเสื้อผ้ากันใส่ตั้งแต่เด็ก ตอนนี้พวกเราโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ก็ไม่เห็นต้องแบ่งแยกกันนี่”
ใช่ นั่นก็จริงอยู่ ตอนที่พวกเธอเป็นเด็กรุ่น ทั้งสองคนมักจะแบ่งเสื้อผ้ากันใส่
เสื้อผ้าของฟู่เฉินซีเป็นของราคาถูก แต่กู้จิ้งเหยียนไม่เคยรังเกียจเลย เธอเองก็ใส่เสื้อผ้าของกู้จิ้งเหยียนเหมือนกัน เสื้อผ้าราคาแพงให้ความรู้สึกที่แตกต่างเวลาสวมใส่บนตัวเธอ
อย่างไรก็ดี กู้จิ้งเหยียนเป็นผู้หญิงที่ดูดีมาก ดังนั้นถึงเธอจะใส่เสื้อผ้าราคาถูกเธอก็ยังดูสวย เสื้อผ้าพวกนั้นดูไม่เหมือนของเกรดต่ำเลยสักนิดเวลาที่เธอสวมใส่
หลังจากนั้นไม่นาน ฟู่เฉินซีใส่ชุดของกู้จิ้งเหยียนและออกมา
ลู่เป่ยเฉินเดินออกมาและเห็นฟู่เฉินซีในชุดสีแดงทันที
ชุดนั้นยังดูใหม่ เขาไม่เคยเห็นกู้จิ้งเหยียนใส่ชุดนี้มาก่อน ฟู่เฉินซีมองลู่เป่ยเฉินอย่างถ่อมตน เธอยังคงรู้สึกอับอาย
ลู่เป่ยเฉินมองไปยังฟู่เฉินซีแล้วก็ตัวแข็งทื่อ
อันที่จริงเมื่อฟู่เฉินซีใส่ชุดนี้แล้ว เธอไม่ได้ดูชวนมองเท่ากู้จิ้งเหยียน
กู้จิ้งเหยียนและฟู่เฉินซีตัวผอมเท่าๆ กัน แต่กู้จิ้งเหยียนดูสะโอดสะองกว่า อาจเป็นเพราะเธอเป็นนักเต้นอยู่หลายปี เพราะฉะนั้นหญิงสาวจึงดูดีไม่ว่าเธอจะใส่อะไร
ฟู่เฉินซีไม่ใช่คนขี้เหร่ แต่เธอไม่มีออร่าเจิดจ้าอย่างที่กู้จิ้งเหยียนมี
ลู่เป่ยเฉินหน้าบึ้ง เขามองไปยังกู้จิ้งเหยียนและเดินเข้าไปถาม “เธอกำลังทำอะไรฮึ”
“มีอะไรเหรอ อย่าบอกนะว่าจะให้นั่งดูเฉินซีทำงานในขณะที่พวกเราสนุกกัน คุณคงทนดูไม่ได้หรอก จริงมั้ย”
“เธอ…” สิ่งที่เธอพูดมานั้นถูกต้อง แต่ลู่เป่ยเฉินยังคงไม่ชอบใจที่เธอเข้าไปวุ่นวายกับเรื่องของฟู่เฉินซี