เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก - ตอนที่ 370
หลินเช่อเสียการทรงตัวจนเกือบล้ม
ต้องขอบคุณกู้จิ้งเจ๋อที่คว้าเธอเอาไว้ได้ก่อนจะล้มลงไปกอง หลินเช่อคิดว่าเธอจะตายเสียแล้ว
ผู้คนในงานสังเกตเห็นได้ว่าทั้งคู่หยุดเต้น จึงพากันมองด้วยความสงสัย
หลินเช่อได้แต่คิดในใจว่า ตายแน่ ฉันตายแน่ๆ น่าขายหน้าเป็นบ้า
เต้นจนส้นรองเท้าหักต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้
แล้วเธอก็นึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับลู่ชูเซี่ยก่อนหน้านี้ ถึงแม้ว่าเธอจะไม่เป็นอะไร แต่ส้นรองเท้าของเธอคงจะเสียหายจากการที่เธอใช้มันเหยียบเท้าลู่ชูเซี่ยแน่ๆ ตอนนั้นเธอไม่ทันได้สังเกต และตอนนี้มันก็หักเสียแล้ว
หลินเช่อพูดขึ้นด้วยความเจ็บใจ “ให้ตายสิ เราจะทำยังไงดีล่ะคะทีนี้”
กู้จิ้งเจ๋อขมวดคิ้ว หันมองหญิงสาว ก่อนจะหันไปมองผู้คนที่ยืนดูอยู่รอบๆ
หลินเช่อบอกว่า “รีบไปกันเถอะค่ะ น่าอายออกจะตาย”
แต่กู้จิ้งเจ๋อรั้งเธอไว้ “อย่าขยับ”
หลินเช่อชะงัก
กู้จิ้งเจ๋อคว้าตัวเธอไว้และพูดว่า “เรามาเต้นรำกันต่อเถอะ”
“หือ แต่ว่าฉัน…”
เขาก้มลง ถอดรองเท้าทั้งสองข้างของเธอออก แล้วจับโยนทิ้งไปด้านข้าง
หลินเช่อยืนเท้าเปล่ามองด้วยความตกตะลึง แต่เขากลับยกแขนทั้งสองข้างของเธอยกขึ้น แล้ววางเธอลงบนปลายเท้าของตัวเอง
“อา…”
หลินเช่อยืนเหยียบเท้าของเขาเอาไว้ สองมือใหญ่โอบประคองด้านหลังของเธอ ดึงร่างบอบบางเข้ามาหาตัว
เท่ากับว่าตัวของหลินเช่อจึงแนบชิดอยู่กับเขา และเธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องเกาะไหล่เขาไว้จนแน่น
เมื่อต้องอยู่ใกล้ใบหน้าของเขาขนาดนี้ หลินเช่อก็หน้าแดงก่ำอย่างไม่อาจห้ามได้ “นี่…นี่คงไม่ดีหรอกมั้งคะ มีคนดูอยู่ตั้งเยอะ…”
ตัวเธอมาแปะติดอยู่กับเขาทั้งตัวแบบนี้ คงเป็นภาพที่ตลกสิ้นดีแน่ๆ
กู้จิ้งเจ๋อถาม “ทำไมล่ะ เมียฉันจะมายืนเกาะฉันอยู่แบบนี้แล้วมันจะมีปัญหาอะไร”
“เปล่านะคะ…” หลินเช่อยิ่งหน้าแดงหนักขึ้นไปอีก ยืนพูดกันแบบนี้ ปากของเธอแทบจะสัมผัสกับปากเขา ลมหายใจของเธอและเขาคละเคล้าปะปนกัน นี่ช่างเป็นอะไรที่อบอุ่นหัวใจเหลือเกิน
กู้จิ้งเจ๋อบอก “ไม่เป็นไรหรอก เราก็เต้นของเราไป”
“แล้วคุณจะไม่เหนื่อยแย่หรือคะ” หลินเช่อยังมองอย่างเป็นกังวล
“ทั้งขาทั้งตัวเธอเล็กแค่นี้ ฉันไม่หนักหรอก”
“แต่ว่า…แล้วแบบนี้จะเรียกว่าเต้นรำได้หรือคะ…”
“การกอดเธอไปเต้นรำไปจะไม่เรียกว่าเต้นรำได้ยังไงล่ะ แล้วฉันก็ชอบแบบนี้ด้วย พอเทียบกันแล้ว…แบบนี้ดีกว่าตั้งเยอะ” ชายหนุ่มแกล้งหัวเราะใส่เธอ
หลินเช่อขยับตัว แล้วอกอวบนุ่มของเธอก็ชนเข้ากับตัวเขา ตอนนี้เธอรู้สึกเหมือนหัวจะระเบิดให้ได้ การต้องยืนแนบกับเขาแบบนี้ เธออาจจะต้องฝังหน้าตัวเองลงไปในอกกว้างของเขา
กู้จิ้งเจ๋อกอดเธอเอาไว้แล้วหมุนตัวไปรอบๆ ยิ่งได้เห็นหลินเช่อหน้าแดงเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งโอบกระชับรอบเอวเธอและเคลื่อนไหวไปตามเสียงเพลง ยกตัวเธอขึ้น เหวี่ยงหมุนไปในอากาศก่อนจะดึงกลับเข้ามาหาตัว
หลินเช่อรู้สึกเหมือนตัวเองบินได้ เธอหวีดร้องออกมาเมื่อรู้สึกได้ว่าตัวเองกำลังร่อนลงกลับสู่เท้าอันมั่นคงของเขา มันน่าตื่นใจเสียจนเธออดระเบิดเสียงหัวเราะออกมาไม่ได้
มันเป็นความรู้สึกที่ดีจริงๆ
“ยังอยากบินอีกมั้ย”
“ฉันอยากบินค่ะ…”
“โอเค” กู้จิ้งเจ๋อเหวี่ยงเธอออกไปอีกครั้ง ชุดยาวของหลินเช่อวาดออกไปในอากาศราวกับแนวกลีบดอกไม้อันงดงาม คนที่ดูอยู่พากันอุทานเสียงดังขึ้นไปอีก
สองสามีภรรยาที่เต้นรำกันอยู่บนฟลอร์ พวกเขาทำราวกับว่าสถานที่แห่งนี้เป็นสนามเด็กเล่นของตัวเอง ทั้งอิสระไม่สนใจใครอื่นราวกับกำลังหยอกล้อเล่นกันโดยไม่มีความเคร่งเครียดอันใด ผู้คนรอบกายจึงพากันมองด้วยความริษยา
โดยเฉพาะในตอนที่กู้จิ้งเจ๋อออกแรงยกตัวหลินเช่อเหวี่ยงขึ้นไปในอากาศ มันทำให้หญิงสาวทั้งหลายสัมผัสได้ถึงความโรแมนติกแบบสุดๆ
เขายังปล่อยให้หลินเช่อยืนอยู่บนปลายเท้าตัวเองด้วย ช่างน่ารักอะไรอย่างนี้
ผู้ชายที่เคยเคร่งขรึมเย็นชาอยู่เป็นนิจ บัดนี้กลับอ่อนหวานเอาอกเอาใจ สิ่งนี้ทำให้หลายคนรู้สึกทึ่งจัด
หลินเช่อเต้นรำต่อไปได้อีกซักพัก เธอก็เป็นห่วงว่าเขาจะเจ็บเท้า เธอกอดไหล่เขาเอาไว้ รู้สึกราวกับหัวใจของเธอจะระเบิดออกมาจากอกหลังเต้นรำกับเขาได้เพียงชั่วสั้นๆ นี้ ไม่ใช่เพราะอะไรหรอก แต่เพราะว่าเวลาที่เธอมองดูเขา เธอจะรู้สึกว่าเขาช่างงดงามราวกับเทพบุตร โดยเฉพาะในยามที่เขาโอบกอดเธอไว้อย่างมั่นใจมั่นคง มันช่างดูเซ็กซี่เหลือที่จะกล่าวจริงๆ
เธอมองกู้จิ้งเจ๋อ “มาเถอะค่ะ พอได้แล้ว คุณคงจะเหนื่อยแย่”
ชายหนุ่มตอบ “ถ้าฉันมีแรงแค่นี้ จะปรนเปรอความต้องการของเธอได้ยังไงกัน”
“…” หลินเช่อทำตาเขียว แต่เมื่อคิดว่าเขาน่าจะเหนื่อย เธอจึงไม่อยากให้เขาต้องคอยกอดเธอเอาไว้แบบนี้อีก หลินเช่อพูดขึ้นว่า “ฉันคอแห้งน่ะค่ะ”
เมื่อเขาได้ยินก็หยุดทันที และจูงมือเธอออกไป “โอเค มาเถอะ เดี๋ยวฉันพาเธอไปเอง”
รองเท้าคู่ใหม่ถูกนำมาส่งให้หลินเช่อโดยอัตโนมัติ
หลินเช่อเปลี่ยนไปสวมรองเท้าคู่ใหม่โดยมีกู้จิ้งเจ๋อคอยช่วย แล้วทั้งสองก็เดินออกไปพร้อมกัน
สตีเฟ่นเดินเข้ามาหา เขามองหน้ากู้จิ้งเจ๋อแล้วปรบมือ ก่อนจะเอ่ยชม่า “ท่านประธานกู้เต้นรำกับคุณนายกู้แบบนี้ ทำเอาสาวๆ หลายคนตาลุกวาวกันไปหมดเลยนะครับ”
หลินเช่อนึกอาย แต่ชายหนุ่มกลับตอบเพียงเรียบๆ ว่า “ผมก็แค่เล่นสนุกกับภรรยาเท่านั้น หวังว่าเราคงจะไม่โดนคนหัวเราะเยาะนะครับ”
“ไม่หรอกครับ คุณไม่เห็นเหรอว่านั่นเป็นภาพที่น่าประหลาดใจมากขนาดไหน บอกตามตรงว่า มีหลายคนปรบมือให้พวกคุณนะ”
มันจะเป็นแบบนั้นไปได้ยังไงกัน เมื่อลองคิดดูตอนนี้แล้ว หลินเช่ออดสงสัยไม่ได้ว่าเธอกับกู้จิ้งเจ๋อได้รับความสนใจมากมายขนาดนั้นเลยเชียวหรือ
ชายหนุ่มยิ้ม “ผมคงโดนหัวเราะแย่ไปเลยละครับ”
สตีเฟ่นว่า “มีทูตตัวแทนจากประเทศเอ็มมาที่นี่ เขากำลังรอพบท่านประธานกู้อยู่ ผมอยากรู้ว่าคุณพอจะมีเวลาไปทักทายเขามั้ยครับ”
เมื่อกู้จิ้งเจ๋อได้ยินดังนั้น ก็หันมามองหลินเช่อ และทำท่าจะปฏิเสธไป แต่หญิงสาวรีบขัดขึ้นเสียก่อนว่า “ไม่เป็นไรค่ะ คุณไปเถอะ”
เขาหันมาหาเธอ “เดี๋ยวฉันค่อยไปพบเขาทีหลัง”
“เดี๋ยวฉันรอคุณอยู่แถวนี้นี่แหละค่ะ ไปจัดการธุระของคุณเถอะ”
หลินเช่อไม่อยากเป็นตัวถ่วงเขาจริงๆ
กู้จิ้งเจ๋อมองหน้าเธอนิ่งนาน ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ก็ได้ งั้นรอฉันอยู่ตรงนี้นะ”
หลินเช่อยิ้มและมองเขาเดินจากไป
เมื่อกู้จิ้งเจ๋อไปแล้ว หลินเช่อก็นึกเบื่อ เธอเหลียวมองดูคนอื่นรอบตัวที่ยังคงเต้นรำไปตามเสียงเพลง บ้างก็กิน บ้างก็ดื่ม เธอหยิบเครื่องดื่มแก้วหนึ่งจากบริการ เมื่อนึกถึงอาการปวดท้องของตัวเอง หญิงสาวก็ตัดสินใจเลือกดื่มโซดา ไม่กล้าลองอะไรแปลกๆ อีกแล้ว
แล้วเธอก็เห็นช่วงของการลงคะแนนโวตเพื่อเลือกแดนซิ่งควีนของคืนนี้ ซึ่งกำลังร้อนระอุเลยทีเดียว
หลินเช่อได้ยินใครคนหนึ่งคุยกันข้างๆ เธอว่า “อยู่ๆ ลู่ชูเซี่ยก็บอกว่าขาเจ็บจนเต้นรำไม่ได้อีก เธอเพิ่งเต้นไปได้หน่อยเดียวเท่านั้น ฉันคิดว่าเธอคงจะต้องถอนตัวจากรางวัลนี้ด้วยความเสียใจแน่ๆ”
“แต่ฉันโวตให้ผู้หญิงที่เต้นรำกับกู้จิ้งเจ๋อนะ เธอเต้นไม่เก่งหรอก แต่ว่ามันโรแมนติกดีที่ได้เห็นเธอเต้นรำกับกู้จิ้งเจ๋อ หัวใจฉันแทบละลายเชียวละ ฉันว่าเธอน่าจะเป็นแดนซิ่งควีนตัวจริง ได้เป็นที่รักขนาดนั้นมันดีออกจะตายไม่ใช่เหรอ แถมยังไม่ต้องเต้นเองอีกต่างหาก ฉันละอิจฉาชะมัด”
“ใช่ พอเธอพูดขึ้นมาแบบนี้ ฉันก็อยากจะโวตให้หล่อนบ้างเหมือนกัน”
หลินเช่อแทบสำลักเครื่องดื่มเมื่อเงยหน้าขึ้นมอง
แน่นอนละว่า ชื่อของเธอถูกวางเอาไว้ลำดับแรกสุดเลย
แต่พวกเขาเขียนชื่อเธอแค่ว่า คู่เต้นของกู้จิ้งเจ๋อ พวกเขาส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร จึงไม่มีการเอ่ยชื่อเธอขึ้นมา
หลินเช่อมองด้วยความพิศวง เธอไม่อยากจะเชื่อเลย
ขณะเดียวกัน ด้านใน
ข้อเท้าของลู่ชูเซี่ยกำลังบวมเป่ง
หญิงสาวนั่งมองเท้าตัวเองด้วยความโมโห
“ทำไมมันถึงต้องเป็นแบบนี้ด้วยนะ ฉันโกรธจะตายอยู่แล้ว นี่ขนาดไม่ค่อยได้เต้นเท่าไหร่ ยังบวมขนาดนี้”
นายแพทย์ตอบเธออย่างอดทนว่า “คุณลู่ครับ ตอนนี้คุณเต้นรำอีกไม่ได้แล้วนะครับ ถ้าอาการเลือดคั่งรุนแรงไปมากกว่านี้ คุณอาจจะต้องไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล”
ลู่ชูเซี่ยอยากจะร้องไห้ เธอมั่นใจนักว่าตัวเองจะต้องได้ตำแหน่งแดนซิ่งควีนในคืนนี้…เป็นสิ่งที่เธอรอมานานแสนนาน