เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก - ตอนที่ 383 ลู่ชูเซี่ยค้นพบเรื่องของกู้จิ้งอวี่
แน่นอนว่าหลินลี่อยากดังอยู่แล้ว ใครจะไม่อยากดังกัน
ผู้หญิงคนนั้นยังคงพูดอย่างเย่อหยิ่ง “ดังกว่าหลินเช่ออีกนะ”
ดังกว่าหลินเช่อเลยเหรอ
หลินลี่กัดฟันเบาๆ “อยาก”
หญิงสาวยกมุมปากขึ้น “งั้นก็ดี ตอนนี้คุณได้เซ็นสัญญากับบริษัทฉันแล้ว รอก่อนเถอะ ใช้เวลาไม่นาน คุณต้องโด่งดังแน่ๆ”
คนที่กำลังคุยอยู่กับหลินลี่ก็คือลู่ชูเซี่ย
ลู่ชูเซี่ยจัดการเรื่องนี้อย่างรวดเร็ว จากนั้นต่อสายหากู้จิ้งอวี่
“ฮัลโหล จิ้งอวี่”
“ชูเซี่ยเหรอ คนยุ่งอย่างคุณ มีปัญหาอะไรหรือเปล่า”
“คือแบบนี้อยากให้หนังของคุณมีการลงทุนเพิ่มขึ้นหรือเปล่า”
“คุณหมายความว่ายังไง คุณอยากลงทุนในหนังของผมเหรอ”
“ก็ใช่น่ะสิ ตระกูลลี่และตระกูลกู้ตอนนี้สนิทสนมกันจะตาย เราเป็นญาติกันนะ ฉันอยากลงทุนในหนังของคุณไม่ได้หรือไง”
“ช่างเถอะ ผมไม่ต้องการเงินทุน เงินทุนผมมีมากพอแล้ว”
“ปฏิเสธกันแบบนี้เลยเหรอ งั้นตอนนี้ฉันจะไปเยี่ยมคุณหน่อย ช่วงนี้ว่างเหลือเกิน อยากดูว่ามีอะไรน่าลงทุนบ้าง”
“ตามใจคุณ”
ลู่ชูเซี่ยส่งเสียงหึเบาๆ ขับรถออกไป มุ่งตรงไปยังกองถ่าย
——
กองถ่าย
หลินเช่อพึ่งถ่ายเสร็จไปหนึ่งฉาก หลังจากลงมา ซ่งซูไห่คอยดูหลินเช่ออยู่ข้างๆ “การแสดงของคุณไม่เลวเลย”
หลินเช่อเอ่ยยิ้มๆ “พี่ซูไห่ชมเกินไปแล้วค่ะ ขอบคุณนะคะ”
“เปล่าซะหน่อย ฉันพูดความจริง เราอยู่บนเส้นทางนี้ ผู้หญิงมักจะแสดงได้ไม่ดีเท่าผู้ชาย เพราะผู้หญิงให้ความสำคัญกับรูปร่างหน้าตาเกินไป ดังนั้นต้องโดดเด่น เป็นที่นิยม ถึงจะมีภาพยนตร์สักเรื่อง ฝีมือการแสดงจึงแย่บ้าง แต่เธอแสดงได้ไม่เลวเลย”
สิ่งที่ซ่งซูไห่พูดนั้นเป็นความจริง ดูการแสดงของเธอก็รู้สึกว่าเธอเป็นมืออาชีพ ไม่เพียงมืออาชีพแถมยังเข้าถึงบทบาท ดังนั้นจึงผ่านในเทคเดียวอยู่บ่อยๆ
หลินเช่อยิ้มแล้วบอก “สงสัยสมัยอยู่ที่โรงเรียนฉันตั้งใจเรียนมากค่ะ ตอนนั้นไม่มีใครติดต่อฉันให้ถ่ายละคร ดังนั้นจึงฝึกอย่างหนักอยู่ในโรงเรียนทุกวัน ฝึกฝนเยอะแล้ว ก็คงต้องมีความสามารถบ้างเล็กน้อยค่ะ”
ไม่เหมือนนักแสดงคนอื่น เริ่มเข้าโรงเรียนก็มีถ่ายละครไม่ขาด ดังนั้นจึงไม่ค่อยได้อยู่โรงเรียน
เธอไม่เคยมีภาพยนตร์เลย เป็นได้เพียงตัวประกอบบ้าง นับว่าเป็นการฝึกงานไปในตัว
ตอนนั้นเองที่กู้จิ้งอวี่เดินออกมาจากด้านใน มองหลินเช่อแล้วยื่นขวดน้ำให้เธอ
หลินเช่อกล่าวขอบคุณและเปิดขวดดื่มน้ำทันที
กู้จิ้งอวี่ท้วงขึ้นมา “นี่ คุณไม่ใช้หลอดหรือไง จริงๆ เลย ลิปสติกพึ่งทาไป ไม่กลัวว่ามันจะลบแล้วต้องเติมใหม่เหรอ”
“อ้อ ฉันลืมไปน่ะ”
กู้จิ้งอวี่บอก “คุณนี่ไม่รอบคอบเลยจริงๆ”
ทั้งสองมักจะหยอกล้อกันบ่อยๆ เวลาอยู่ในกองถ่าย คนอื่นเคยชินแล้วจึงไม่ได้ใส่ใจ
ใครใช้ให้ความสัมพันธ์ของพวกเขาดีกันล่ะ
แต่ว่าตอนนี้ลู่ชูเซี่ยมาแล้ว
ตอนที่เธอมา กำลังมองไปด้านใน หลินเช่อและกู้จิ้งอวี่ทั้งสองกำลังหัวเราะคิกคักอยู่ตรงนั้น
น้อยมากที่กู้จิ้งอวี่จะยิ้มให้ใครแบบนี้ ท่าทางให้ท้ายกันแบบนั้น ช่างขัดตาเป็นพิเศษ
ลู่ชูเซี่ยอดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจ หลินเช่อคนนี้เก่งจริงๆ ได้พี่ชายแล้วก็ไม่ยอมปล่อยน้องชายเลย
ลู่ชูเซี่ยยืนอยู่มองอยู่ตรงนั้น ก่อนที่จะเรียก “จิ้งอวี่”
ไม่กี่คนที่ได้ยินว่ามีคนเรียกเขา ทว่าล้วนหันไปมองทั้งนั้น
เมื่อมองเห็นลู่ชูเซี่ย ก็ต้องชะงัก
กู้จิ้งอวี่กลับไม่ได้สนใจแล้วหันกลับไปเจอลู่ชูเซี่ย เพราะทักทายกันมาก่อนแล้วจึงบอกว่า “เพื่อนมาหาน่ะ พวกคุณรอไปก่อนนะครับ เดี๋ยวผมไปดู”
ไม่มีใครสังเกตเห็นว่าหลินเช่อหันกลับไป ใบหน้าพลันแข็งทื่อ
ลู่ชูเซี่ยมาอยู่ที่นี่…
เธอมาทำอะไรกันนะ
กู้จิ้งอวี่เดินสาวเท้าเข้าไปหา หลินเช่อหรี่ตามองอยู่ด้านหลัง
คนด้านข้างถามด้วยความสงสัย “นั่นใครอะ ผู้หญิงที่มาหาจิ้งอวี่”
สำหรับการที่มีผู้หญิงมาหากู้จิ้งอวี่นั้นเป็นที่สนใจเป็นพิเศษสำหรับทุกคน
แม้ว่าซ่งซูไห่ที่อยู่ในวงการมานานแล้ว เมื่อมองดูแล้วจากนั้นจึงหัวเราะและบอกกับทุกคน “คนนั้นคือลู่ชูเซี่ย”
“ห้ะ พี่ซูไห่ พี่รู้ได้ยังไง”
“มีใครไม่รู้จักเธอบ้างล่ะ คนแบบนี้เก่งกว่าพวกเราเยอะ เธอถูกขนานนามว่าเป็นสตรีหมายเลขหนึ่งของประเทศซีเลยนะ เธอรู้ไหมว่ามันหมายความว่ายังไง ก็หมายความว่าเธอเป็นคุณหนูผู้ร่ำรวย แถมยังคบไปทั่วเลย คนที่เธอชอบก็ไม่ใช่แฟนคลับอย่างพวกเราหรอก แต่เป็นคุณชายตระกูลใหญ่ร่ำรวยทั้งนั้น”
“อ๋อ สตรีหมายเลขหนึ่งเหรอ ร้ายกาจขนาดนั้นเชียว”
“แน่นอนอยู่แล้ว เธอแซ่ลู่ ในประเทศซี ตระกูลลู่ก็ไม่ใช่ธรรมดา ห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ ก็เป็นของตระกูลเธอทั้งนั้น ดังนั้นจึงหยิ่งยโสเป็นที่สุดเลย”
“ว้าว ทำไมเธอถึงมาหาจิ้งอวี่ล่ะ คงไม่ใช่ว่าสองตระกูลจะเกี่ยวดองกันหรอกใช่ไหม”
“เรื่องนี้ก็ไม่รู้สิ แต่ว่า กู้จิ้งอวี่รู้จักเธอนี่ปกติไหม ยังไงซะกู้จิ้งอวี่ก็ไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไปอยู่แล้ว”
ซ่งซูไห่มองหลินเช่อที่ไม่พูดไม่จา “เธอสนิทกับกู้จิ้งอวี่ขนาดนั้น รู้เรื่องบ้างหรือเปล่า”
หลินเช่อบอก “ฉันก็ไม่รู้ค่ะ พวกเขาอาจจะรู้จักกันตั้งแต่เด็กแล้วก็ได้”
“อ้อ ก็เป็นไปได้”
หลินเช่อเงยหน้าขึ้น กลับมองเห็นสายตาเยือกเย็นของลู่ชูเซี่ยที่กำลังมองมา
แน่นอนว่าทุกคนไม่ได้สังเกตท่าทางที่แปลกออกไปของหลินเช่อ มองเพียงกู้จิ้งอวี่ พูดด้วยความอิจฉา “ผู้หญิงคนนี้ก็ไม่เห็นจะสวยอะไรมากเลยนะ”
“แต่เธอเป็นสตรีหมายเลขหนึ่งเลยนะ”
“ใช่ เธอขับปอร์เช่ด้วยนะ”
“ดูแล้วมีรสนิยม แตกต่างจากเราจริงๆ”
——
กู้จิ้งอวี่มองเห็นลู่ชูเซี่ย “คุณมาจริงเหรอ ผมนึกว่าคุณล้อเล่นซะอีก”
ลู่ชูเซี่ยชำเลืองมองหลินเช่อที่อยู่ด้านหลัง ก่อนบอกว่า “คุณคุยกับคนอื่นด้วยเหรอ น้อยมากเลยนะที่จะได้เห็น”
กู้จิ้งอวี่เองก็หันกลับไปมอง บอกยิ้มๆ “อ้อ เพื่อนน่ะ”
ลู่ชูเซี่ยมองกู้จิ้งอวี่ด้วยความสงสัย “นี่ ไม่ใช่คุณยังไม่รู้ว่าเธอเป็นใครหรอกนะ”
กู้จิ้งอวี่แปลกใจ “อะไรเธอเป็นใคร”
ลู่ชูเซี่ยพยักหน้า มองกู้จิ้งอวี่ เริ่มเข้าใจบ้างแล้ว
ที่แท้กู้จิ้งอวี่ยังไม่รู้ว่าหลินเช่อเป็นภรรยาของกู้จิ้งเจ๋อ
ก็จริง กู้จิ้งอวี่ไม่ได้กลับบ้านตระกูลกู้มานานมากแล้ว
แต่ว่าหลินเช่อเจ้าเล่ห์ไปหรือเปล่า ถึงได้ล่อลวงสองพี่น้องขนาดนี้
เหอะ ช่างเป็นผู้หญิงที่เลวจริงๆ
ลู่ชูเซี่ยคุยกับเขาไปเรื่อยเปื่อยพลางเดินไปด้วยกัน ทว่าในใจกลับกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่
——
หลินเช่อใช้เวลาอยู่ในกองถ่ายเป็นเวลานาน กว่าจะถ่ายเสร็จก็ปาไปสองทุ่มแล้ว กำลังเตรียมจะออกไปทานข้าวด้วยกัน ลู่ชูเซี่ยกลับมายืนอยู่ตรงหน้า
“หลินเช่อ คุณมีธุระใช่หรือเปล่า คุยกับฉันเป็นการส่วนตัวสักหน่อยไหม”
หลินเช่อมองลู่ชูเซี่ยด้วยความแปลกใจ “คุณจะคุยอะไรคะ”
“คุณคิดว่าไงล่ะ” ลู่ชูเซี่ยบอกกับอวี๋หมินหมิ่นที่อยู่ด้านหลัง “ให้คนพวกนี้ออกไปก่อนเถอะ”
หลินเช่อคว้าอวี๋หมินหมิ่นเอาไว้ “นี่เป็นผู้จัดการและเพื่อนของฉัน มีอะไรก็พูดมาเลยค่ะ เธอไม่ไปไหนหรอก”
อวี๋หมินหมิ่นยืนอยู่ตรงนั้น มองลู่ชูเซี่ยอย่างไม่เกรงกลัวเลยสักนิด
ลู่ชูเซี่ยส่งเสียงหึออกมา มองอวี๋หมินหมิ่นอย่างดูแคลน
จากนั้นจึงหันไปคุยกับหลินเช่อ “ไม่มีอะไร ก็แค่แปลกใจ คุณไม่เคยบอกกู้จิ้งอวี่ เรื่องที่คุณเป็นพี่สะใภ้เขา”
หลินเช่อมองลู่ชูเซี่ย “คุณคิดจะทำอะไร พูดมาตรงๆ ดีกว่า”