เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก - ตอนที่ 387 ลู่ชูเซี่ยค้นพบอาการป่วยของเขา
เดินเข้าใกล้กู้จิ้งเจ๋อทีละนิดๆ
เธอมาหยุดยืนอยู่ที่แผ่นหลังแข็งแกร่งของกู้จิ้งเจ๋อ สวมกอดเขา
แต่ทว่ากู้จิ้งเจ๋อขยับร่างกาย เขารู้สึกถึงอะไรบางอย่าง มือและสายตารวดเร็ว หันกลับมาคว้าแขนของลู่ชูเซี่ยเอาไว้ สะบัดไปข้างหน้า
ลู่ชูเซี่ยล้มลงบนพื้นทันที
ลู่ชูเซี่ยเจ็บปวดมาก เงยหน้าขึ้นมองกู้จิ้งเจ๋อด้วยความคับแค้นใจ
“พี่จิ้งเจ๋อทำอะไรเนี่ย”
กู้จิ้งเจ๋อมองเธออย่างไม่แยแส “อย่าเข้าใกล้ผู้ชายจากทางด้านหลัง เธอน่าจะรู้นะ”
ใช่ กู้จิ้งเจ๋อได้รับการฝึกเป็นพิเศษ เมื่อมีการจู่โจมจากทางด้านหลังจึงรับรู้ได้ทันที
ลู่ชูเซี่ยไม่ได้สวมกอดก็รู้สึกเสียใจอย่างยิ่ง ทันใดนั้นจึงร้องไห้ขึ้นมา
เอาความน้อยใจตลอดหลายวันมานี้ ปลดปล่อยออกมา
“พี่จิ้งเจ๋อ พี่รังแกฉันแบบนี้ พี่เป็นอะไรกันแน่”
กู้จิ้งเจ๋อขมวดคิ้ว หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋า ยื่นส่งให้กับเธอ
ทว่าลู่ชูเซี่ยกลับรีบคว้าแขนเขาเอาไว้ทันทีแล้วดึงเขาลงไป
ลู่ชูเซี่ยทนรอไม่ไหว อยากสัมผัสแผ่นอกแกร่งของเขา มองเขาอยู่ตรงหน้าแบบนี้ อดไม่ได้ที่จะดึงเขาให้ล้มลงมา
ร่างกายแนบชิดหญิงสาวคนหนึ่งเช่นนี้ เขาก็ต้องมีอารมณ์บ้างสิ
ทว่ากู้จิ้งเจ๋อยังคงรวดเร็ว รีบพลิกตัวหลบ รอจนลู่ชูเซี่ยรู้ตัว เขาก็ล้มลงอีกฝั่งแล้ว
กู้จิ้งเจ๋อขมวดคิ้ว คิดว่าลู่ชูเซี่ยคนนี้บ้าไปแล้วจริงๆ
แต่เมื่อก้มลง กลับเห็นว่าน้ำตาของเธอติดอยู่ที่แขนของตนเอง
แถมยังมีเยอะมาก
กู้จิ้งเจ๋อรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา
ลู่ชูเซี่ยยังไม่ทันรับรู้ เช็ดน้ำตาด้วยความโกรธแล้วมองไปที่กู้จิ้งเจ๋อ “พี่เกลียดฉันขนาดนี้เลยเหรอ พี่จิ้งเจ๋อ ฉันไม่ดีตรงไหน หลินเช่อดีตรงไหน ถึงทำให้พี่ปกป้องได้ขนาดนี้”
ครั้งนี้เพราะสัมผัสโดนตัวเป็นวงกว้าง แขนของกู้จิ้งเจ๋อมีผื่นขึ้นอย่างรวดเร็ว แถมยังมีทีท่าจะกระจายตัวอย่างรวดเร็วอีกด้วย
ลู่ชูเซี่ยยังคงเสียใจ เมื่อมองเห็นแขนของเขาที่ไม่ปกติ
“พี่จิ้งเจ๋อ พี่เป็นอะไร แขนของพี่…”
“ถอยออกไป อย่ามาแตะต้องฉัน” กู้จิ้งเจ๋อกัดฟันด้วยความโกรธ
ลู่ชูเซี่ยยังคงตามมา
เขากดกริ่ง จากนั้นมีคนเข้ามา จะพาลู่ชูเซี่ยออกไป
ลู่ชูเซี่ยสัมผัสได้ถึงความไม่ปรกติ
กู้จิ้งเจ๋อไม่ปรกติ ผื่นพวกนั้นไม่ปรกติ…
ทำไมเขาถึงมีผื่น แถมยังมีการตอบสนองรุนแรงขนาดนี้
ลู่ชูเซี่ยคล้ายกับค้นพบอะไรบางอย่าง…
——
กระทั่งเฉินอวี่เฉิงมาถึงและรักษาอาการให้เขา ตอนที่กำลังจะกลับก็มองเห็นว่าลู่ชูเซี่ยยังคงอยู่ด้านนอก
เธอจ้องมองเขาไม่หยุด ยิ่งทำให้เฉินอวี่เฉิงนิ่งขรึมขึ้นไปอีก
กู้จิ้งเจ๋อออกมา มองไปยังลู่ชูเซี่ย
เธอรีบพูดขึ้นมาก่อน “วางใจเถอะ ฉันไม่บอกใครหรอกค่ะ คิดไม่ถึงว่าร่างกายของพี่จะมีโรคอะไร”
กู้จิ้งเจ๋อมองเธอนิ่งๆ เมื่อเขาเงียบไม่พูดอะไร ยิ่งทำให้รู้สึกกดดันมากขึ้นอีก
ลู่ชูเซี่ยบอก “จริงๆ นะ ฉันไม่บอกใครหรอก ยังไงเราก็เป็นญาติกันนี่คะ อีกทั้งยังรู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก เรื่องนี้ ถ้าให้คนอื่นรู้เข้าล่ะก็คงทำให้เกิดคลื่นลูกใหญ่ แล้วยังสำคัญกับความปลอดภัยในอนาคตของพี่อีกด้วย ก็เป็นอีกหนึ่งปัญหา ดังนั้นฉันไม่บอกใครหรอก พี่วางใจเถอะค่ะ”
เนิ่นนาน กู้จิ้งเจ๋อค่อยพยักหน้า “ได้ ฉันเชื่อเธอ”
แต่ว่า ยังคงจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเธอ ไม่พูดอะไรอีก
รอจนลู่ชูเซี่ยออกไปแล้ว เฉินอวี่เฉิงเข้ามาในห้องทำงานของกู้จิ้งเจ๋อ
“ตอนนี้ควรทำยังไงดี”
กู้จิ้งเจ๋อนั่งลงตรงนั้น เล่นของที่อยู่ในมือ “ถ้าเป็นคนอื่นคงดี ทำให้คนๆ หนึ่งปิดปากไปได้ตลอดนั้นมีวิธีการมากมาย”
“แต่เธอคือลู่ชูเซี่ยใช่ไหม” แน่นอนว่าเฉินอวี่เฉิงเข้าใจ
เธอคือลู่ชูเซี่ย คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลลู่ บุคคลผู้มีชื่อเสียงของประเทศซี
เธอเกี่ยวดองกับตระกูลกู้และเธอยังเคยช่วยชีวิตกู้จิ้งเจ๋ออีกด้วย
กู้จิ้งเจ๋อเอ่ย “ดูสถานการณ์ไปก่อน ค่อยว่ากันใหม่แล้วกัน”
ดูเหมือนว่า คงทำได้เพียงเท่านี้
กู้จิ้งเจ๋อมองเฉินอวี่เฉิง รู้สึกว่าช่วงนี้เขาแปลกไป
แต่ว่าเขาไม่ถามอะไรลูกน้องเยอะ ปล่อยให้เป็นเรื่องส่วนตัว จึงได้แต่ยิ้มและโบกมือให้ออกไป
——
กองถ่าย
ตั้งแต่วันนั้น กู้จิ้งอวี่ยังคงพูดคุยกับเธอเหมือนเดิม
ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไป ภาพยนตร์ยังถ่ายได้อย่างรวดเร็ว ทุกคนต่างยุ่งวุ่นวาย
วันนี้อวี๋หมินหมิ่นพูดกับหลินเช่อขึ้นมาระหว่างที่รอเข้าฉากว่า “พี่สาวเธอเซ็นสัญญากับบริษัทใหม่แล้ว เห็นว่าบริษัทนี้กำลังจะผลักดันเธอนะ”
“พี่สาวฉัน หลินลี่น่ะเหรอ”
“ใช่”
“เอาเถอะ วงการบันเทิงมีการเปลี่ยนแปลงตลอดอยู่แล้ว”
“ก็ใช่น่ะสิ ไม่คิดว่ายังมีคนคิดจะผลักดันหลินลี่อีก ยังไงซะเธอก็ยังต้องใช้เงิน แต่ก็ยังไม่รุ่ง บวกกับการถอนหมั้นกับตระกูลฉินอีก หลายบริษัทคิดว่าเธอไม่มีที่พึ่งแล้ว ยิ่งไม่อยากสนับสนุนเธอ ตอนนี้ได้ข่าวว่าเซ็นสัญญาละครเรื่องหนึ่งไปแล้ว เป็นนางเอกด้วย ได้ขึ้นมาก็เป็นนางเอกเลย ดูแล้วคงจะถูกผลักดันจริงๆ”
ความจริงภาพลักษณ์ของหลินลี่ก็ไม่ได้ดี แม้ว่าจะสวยแต่ก็ไม่มีบุคลิกความเป็นนางเอกเลย
บางครั้งอาชีพนี้ก็ต้องการบุคลิก
อวี๋หมินหมิ่นไม่ได้ใส่ใจหลินลี่ แต่ว่ามีบางบริษัทอยากปั้นใครสักคน ก็ไม่ได้ดูความสามารถทั้งหมด บางครั้งก็มีเหตุผลนี่นั่นอย่างอื่น
เดิมที หลินลี่ถูกปั้น ก็ไม่ได้มีอะไรมากหรอก
แต่ว่า ไม่คิดว่าตอนที่หลินลี่ไปออกรายการ สิ่งแรกที่เอ่ยถึงจะเป็นหลินเช่อไปได้
พิธีกรได้รับการชี้นำก็ถามหลินลี่ต่อ บอกว่าหลายคนอาจจะไม่รู้ว่าหลินเช่อกับหลินลี่เป็นพี่น้องแท้ๆ
หลินลี่บอกเสียงเรียบ “ใช่ค่ะ หลายปีมานี้เราก็ต่างพัฒนา หลินเช่อเองก็ไม่ได้อยากเปิดเผย เราคงไม่ต้องเอ่ยถึงเธอมั้งคะ”
คำพูดนี้ เหมือนกับหลินเช่อมีอะไรกับเธอ ตั้งให้เป็นศัตรูกับหลินลี่แบบนั้น
พิธีกรถามอีกครั้งว่า “พี่น้องความสัมพันธ์ดีไหมครับ”
หลินลี่ตอบตรงๆ “ฉันกับหลินลี่ ปกติไม่ค่อยสนิทกันหรอกค่ะ”
“ไม่ใช่พี่น้องแท้ๆ เหรอครับ ทำไมถึงไม่ค่อยสนิท”
“เรามีพี่น้องสามคน ความสัมพันธ์ของฉันกับหลินอวี่ค่อนข้างดีค่ะ”
“อ้อ ก็คือคุณหลินอวี่ผู้จัดละครที่โด่งดังคนนั้นใช่ไหมคะ”
“ใช่ค่ะ”
“งั้นหลินเช่อ…”
“ความจริงเราก็ไม่นับว่าเป็นพี่น้องแท้ๆ หรอกค่ะ แม้เราจะมีพ่อคนเดียวกัน แต่ว่าเธอเป็นลูกของสาวใช้ที่ล่อลวงพ่อของฉัน แล้วมีลูกออกมา ต่อมาพ่อไม่ได้ให้คนเอาออก บอกว่าให้พวกเราเลี้ยงจะดีกว่า แต่อาจเพราะแบบนี้ เธอเลยเข้ากับพวกเราไม่ค่อยได้”
ตอนนั้นเอง ข่าวออนไลน์ทั่วประเทศก็เริ่มโกลาหลขึ้นทันที
หลินลี่เปิดเผยว่าหลินเช่อเป็นลูกนอกสมรส เป็นลูกของสาวใช้ คำพูดนั้นได้ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดอย่างรวดเร็ว
ฝั่งอวี๋หมินหมิ่นได้ระเบิดไปแล้ว
เธอพูดอยู่ที่บริษัทว่า “หลินลี่คนนี้กลับมาตั้งใจปั่นหลินเช่อชัดๆ อาศัยเป็นฐานเหยียบเดินขึ้นไปนี่นา”
หยางหลิงซินพูดโดยไม่รู้ตัว “แล้วจะทำยังไง พี่อวี๋ จะปล่อยให้เขาเอาเปรียบแบบนี้น่ะเหรอคะ”
อวี๋หมินหมิ่นบอก “แน่นอนว่าจะยอมให้เธอแบล็กเมล์หลินเช่อแบบนี้ไม่ได้อยู่แล้ว”