เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก - ตอนที่ 388 หลินลี่ทำให้อวี๋หมินหมิ่นอับอายขายหน้า
แต่ว่าถ้าตอบโต้ไปตอนนี้ ยิ่งจะทำให้ข่าวนี้รุนแรงขึ้นไปอีก ตรงกันข้ามยิ่งช่วยประโคมให้หลินลี่ร้อนขึ้น
ตอนนี้ไม่ใช่ว่าไม่อยากตอบโต้ ให้คนเดาไปเรื่อยหรอก เพราะกลัวว่าเมื่อตอบโต้ไปแล้วจะเข้าทางของอีกฝ่าย
ตอนที่กำลังคิดว่าจะทำอย่างไรดี ไม่ต้องการให้หลินลี่จุดประทัดดังขึ้นในตอนนี้ได้ ตอนที่ไปร่วมงานจึงถูกถามถึงสาเหตุที่ทำให้เธอกับฉินชิงเลิกกัน
หลินลี่ก็บอกตรงๆ ว่าเพราะหลินเช่อ
เธอยังบอกอย่างใจกว้างว่า รู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าหลินเช่อรู้สึกอะไรกับฉินชิง แต่ไม่คิดว่าความสัมพันธ์พี่น้องจะต้องมาจบลงเพราะความสัมพันธ์ชายหญิง ดังนั้นสุดท้ายจึงเลือกที่จะเลิกรากันไป
ครั้งนี้ทุกคนก็ปะทุขึ้นมาอีกครั้ง
เข้ากันกับเธอ แอดมินในเวยปั๋วบางเพจกระจายข่าวขึ้นมาอีก หาหลักฐานเจอว่าหลินเช่อนั้นเป็นมือที่สาม แย่งฉินชิงไป
เพื่อนสมัยเรียนหลายคนก็มาเปิดเผยว่าตอนนั้นหลินเช่อสนิทกับฉันชิงจริงๆ คล้ายกับแอบชอบฉินชิงอยู่
กองทัพเป็นตั้งๆ พลันเข้าไปอ่านอย่างรวดเร็ว หลินเช่อเป็นมือที่สามและแม่ของหลินเช่อก็เป็นมือที่สาม
หลินลี่ดีใจขึ้นมา แม้ว่าเธอจะโดนด่า บอกว่าเธอปั่นเพื่อฉวยโอกาส แต่ว่าเธอไม่ใส่ใจ เธอกำลังปั่นจริงๆ นั่นแหละ อีกทั้งเป้าหมายที่ปั่นก็สำเร็จแล้วด้วย
ช่วงนี้เธออาศัยหลินเช่อ ไม่นานก็ติดเทรนด์การค้นหาในอันดับต้นๆ ละครที่เธอแสดงก็ถูกเอ่ยถึงขึ้นมาเป็นอย่างมาก
เดิมทีเธอยังกังวลว่าตัวเองจะโดนกู้จิ้งเจ๋อสกัดไว้ แต่ว่าลู่ชูเซี่ยบอกกับเธอว่าเป็นไปไม่ได้ กู้จิ้งเจ๋อไม่สนใจเรื่องหยุมหยิมพวกนี้
เป็นดังนั้น กู้จิ้งเจ๋อไม่ได้เข้ามายุ่งอะไรจริงๆ
ลู่ชูเซี่ยคาดการณ์ไว้ไม่ผิด อ่านข่าว เธอก็บอกว่ากู้จิ้งเจ๋อคงให้โอกาสหลินเช่อพัฒนาตัวเอง ดังนั้นเลยไม่ยุ่งกับเรื่องพวกนี้
ดังนั้น คิดถูกแล้วที่สร้างบทความแบบนี้
หลินเช่อโกรธมาก เธออยู่ที่กองถ่ายและโกรธจนเจ็บฟันไปหมดแล้ว
คิดไม่ถึงว่าหลินลี่คนนี้จะขุดเรื่องเก่าๆ มากมายออกมาเช่นนี้ ทั้งจริงทั้งปลอมพูดปะปนกันไปหมด พูดจนปั่นป่วนไปหมดแล้ว ทำให้คนยากที่จะแยกได้อันไหนจริงไม่จริง
อวี๋หมินหมิ่นบอก “เธออย่าโกรธไปเลย เราต้องหาโอกาสเอาคืนแน่”
“ให้ฉันตายฉันยังไม่อยากให้เธอหาโอกาสมาด่าฉัน ฉันเองก็อยากรู้ว่าเธอจะขุดอะไรออกมาอีก ฉันไม่ตอบโต้ ไม่ช้าก็เร็วเธอต้องขุดเรื่องต่างๆ ออกมาจนหมดแน่ ดูว่าถึงตอนนั้นแล้วเธอจะทำยังไงต่อ”
อวี๋หมินหมิ่นขมวดคิ้ว ถ้าเป็นเรื่องนี้ก็หมดปัญญาแล้ว “เธออาจจะขุดเรื่องกู้จิ้งเจ๋อ”
“นอกเสียจากว่าเธอจะรังเกียจที่ตัวเองมีชีวิตอยู่นานเกินไป”
นั่นก็ใช่
หลินเช่อหลบอยู่ไปกองถ่ายละคร อวี๋หมินหมิ่นเป็นคนช่วยเธอจัดการเรื่องต่างๆ
ไม่คิดว่าตอนนี้ที่อีกกองถ่ายรายการจะได้เจอกับหลินลี่เข้า
หลินลี่กลับมาถูกรุมล้อมจากผู้คน ในใจนั้นเบิกบาน นานแล้วที่ไม่ได้รู้สึกถึงการเป็นดารา ในตอนนั้นก็ได้รู้ว่ามันภูมิใจขนาดไหน การมีคนมาติดตามทำให้รู้สึกดีมากๆ
เพราะสิ่งนี้เอง เธอถึงไม่ใส่ใจว่าคนอื่นจะดุด่าอย่างไร
เมื่อมองเห็นอวี๋หมินหมิ่น เธอก็ไม่ปล่อยโอกาสที่จะได้ซ้ำเติมไปง่าย เอ่ยกับเธอว่า “เอ๋ ทำไมไม่เห็นหลินเช่อเลยล่ะ”
อวี๋หมินหมิ่นไม่อยากสนใจเธอ
เธอบอกยิ้มๆ “คงไม่ใช่ว่าหดหัวอยู่เพราะไม่กล้าออกมาหรอกนะ จริงๆ เลย ฉันรอเธอตอบโต้ฉันอยู่”
อวี๋หมินหมิ่นบอก “เธออย่าคิดว่าเราจะทำอะไรเธอไม่ได้นะ เพียงแต่ บางเรื่อง เราไม่ได้อยากใส่ใจจนเกินไป ยังไงซะ ทำอะไรก็เหลือทางไว้ ต่อไปจะได้มองหน้ากันได้ อยู่ในวงการ ไม่มีเพื่อนตลอดกาล และไม่มีศัตรูชั่วนิรันดร์”
“ฮ่าๆ อวี๋หมินหมิ่น เธอกำลังสอนฉันอยู่เหรอ เธอคิดว่าเธอปั้นหลินเช่อจนโด่งดังแล้ว ถูกคนเรียกว่าผู้จัดการดาราแล้ว เธอก็จะกลายเป็นครูงั้นสิ ส่องกระจกดูบ้าง ดูว่าตัวเองเป็นใคร”
อวี๋หมินหมิ่นยิ้มเย็น “กระจกเหรอ ฉันน่ะเคยส่องแล้ว อย่างน้อยก็ชัดเจนกว่าคุณแล้วกัน แต่คุณน่ะสิ ฉันคิดว่าเรื่องของหลินเช่อ คุณน่าจะรู้ดีกว่าฉันนะคะ อย่าเล่นเกินไปล่ะ เดี๋ยวจะเอากลับมาไม่ได้นะ”
คำเตือนของเธอ ก็ทำให้หลินลี่นึกขึ้นมาได้ เบื้องหลังเรื่องราวของหลินเช่อและกู้จิ้งเจ๋อ
แต่ตอนนี้ที่เธอพึ่งพิงอยู่คือตระกูลลู่
นั่นก็ไม่ใช่ตระกูลธรรมดาทั่วไป
หลินลี่ส่งเสียงหึเบาๆ มองอวี๋หมินหมิ่น “งั้นคุณก็ส่องให้ชัดเจนอีกสักครั้งนะ ว่านับเป็นตัวอะไร หมาที่คอยเช็ดตูดให้คนคนหนึ่งน่ะเหรอ เธออย่าคิดว่าฉันไม่รู้เรื่องที่ผ่านๆ มาของเธอนะ ได้ข่าวว่าครอบครัวเธอจนจะตาย จะให้ฉันช่วยอะไรหน่อยไหมล่ะ”
อวี๋หมินหมิ่นจ้องเธอนิ่ง กำลังจะเอ่ย ด้านหลังกลับมีคนสวมเครื่องแบบไม่กี่คน กำลังกรีดกรายเข้ามา ผู้ที่มาถึงคือเลขาของท่านประธานาธิบดี
คนคนนี้มักจะปรากฏอยู่ในข่าวการเมืองอยู่บ่อยๆ เป็นตัวแทนโฆษกของทำเนียบหลิวลี่ ดังนั้นคนไม่น้อยก็เลยรู้จักเขา
“คุณอวี๋ครับ” เขาโค้งทำความเคารพอวี๋หมินหมิ่นอย่างนอบน้อม “ตอนนี้สะดวกไปกับพวกเราหน่อยไหมครับ”
อวี๋หมินหมิ่นครางตอบรับ หันกลับมาบอกหยางหลิงซิน “รายการต่อไปเธอคอยเฝ้าดูนะ เดี๋ยวฉันกลับมา”
หยางหลิงซินมองภาพนั้นด้วยความตกใจ ทำได้เพียงพยักหน้าเงียบๆ “ค่ะ ฉันทราบแล้วค่ะ”
อวี๋หมินหมิ่นหัวเราะให้เธอ เดินไปพร้อมกับเลขา ออกไปจากที่นี่
หลินลี่ยังคงอยู่ตรงหน้า มองอวี๋หมินหมิ่นเดินออกไป ไม่มีใครให้ระบายอีกต่อไปแล้ว
เพียงแค่รู้สึกแปลกใจ
คนด้านหลังยังคงถาม “คนเมื่อกี้ เป็นหัวหน้าเลขาที่อยู่ข้างกายท่านประธานาธิบดีใช่ไหม”
“ฉันว่าเหมือนมาก”
“คนๆ นั้นมาหาอวี๋หมินหมิ่นเหรอ”
“หัวหน้าเลขาท่านประธานาธิบดี จะมาหาอวี๋หมินหมิ่นทำไม”
อวี๋หมินหมิ่นคงไม่รู้จักคนผู้นำคนนี้ใช่ไหม
ทุกคนล้วนแปลกใจ มองตามอวี๋หมินหมิ่นตลอด แต่ก็ไม่ได้คลายความสงสัย
——
อวี๋หมินหมิ่นมองดู “คุณหัวหน้าเลขาคะ ท่านประธานาธิบดีมีธุระอะไรไหมคะ”
หัวหน้าเลขาตอบ “คุณอวี๋ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เกรงว่าคงต้องเข้ามาอยู่ที่ทำเนียบหลิวลี่แล้วครับ”
“อะไรนะคะ” อวี๋หมินหมิ่นถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ “ทำไมคะ”
“เพราะว่า ท่านประธานาธิบดีตัดสินใจจะเปิดเผยสถานะของคุณในเร็ววันนี้ครับ ตอนนี้คุณจำเป็นต้องเข้ามาอยู่ที่ทำเนียบหลิวลี่ ร่ำเรียน ปรับตัวให้คุ้นเคยครับ เพื่อเลี้ยงจะไม่ให้มีข้อบกพร่องได้”
อวี๋หมินหมิ่นยังคงตกใจ
เธอต้องมาอยู่ทำเนียบหลินลี่เหรอ
ที่นั่นมีรายงานข่าวประจำวัน เสียงเพลงในข่าวประจำวันดังขึ้น ห้องปรากฏขึ้น ห้องสีทองอร่าม มองไกลออกไป ราวกับทำเนียบ
ตอนนี้เธอต้องเข้าไปอยู่ด้านในเหรอ
สวรรค์ช่างชอบล้อเธอเล่นอยู่ตลอดเลย
“ไม่อยู่ไม่ได้เหรอคะ” อวี๋หมินหมิ่นถาม เป็นคู่หมั้นของเขา คงไม่จำเป็นต้องเหมือนจริงขนาดนั้นหรือเปล่า
หัวหน้าเลขาบอก “เรื่องนี้ได้ถูกกำหนดไว้แล้ว เรื่องที่เกี่ยวกับท่านประธานาธิบดี จะผิดพลาดไม่ได้แม้เพียงเล็กน้อยครับ”
เอาล่ะ ก็ถูก เรื่องของประธานาธิบดี เรื่องเล็กน้อยก็เป็นเรื่องใหญ่
ตระกูลกู้ของเขา ช่างทำให้คนตัดสินใจยากซะจริง ด้านนี้จัดการเรื่องของกู้จิ้งอวี่สำเร็จ ฝั่งนั้น กู้จิ้งหมิงก็มาอีกแล้ว
อวี๋หมินหมิ่นรับรู้เพียงว่าขมับของเธอกำลังเต้นตุบๆ ยังคงไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองต้องเข้าไปอยู่ที่ทำเนียบหลิวลี่
ทำเนียบหลิวลี่
อวี๋หมินหมิ่นเดินผ่านส่วนที่ใช้จัดแถลงการณ์ของทำเนียบหลิวลี่ เดินเข้าไปข้างใน ถึงเจอกับส่วนที่พักอาศัย
บริเวณรอบข้างของทำเนียบหลิวลี่ คนอื่นที่นอกจากประธานาธิบดีจะพักอยู่ฝั่งนั้น ล้อมรอบด้วยสิ่งก่อสร้างเหลืองอร่ามแห่งนี้