เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก - ตอนที่ 389 ความจริงคนที่ต้องแต่งงานกับกู้จิ้งหมิงก็คือฉัน
- Home
- เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก
- ตอนที่ 389 ความจริงคนที่ต้องแต่งงานกับกู้จิ้งหมิงก็คือฉัน
เมื่อเดินเข้ามา สาวใช้ของทำเนียบหลิวลี่ก็เอ่ยกับเธอ “คุณอวี๋เชิญทางนี้ค่ะ ฝั่งนี้เป็นส่วนที่คุณต้องใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ค่ะ ท่านประธานาธิบดีได้สั่งเอาไว้แล้ว คุณสามารถเดินเล่นได้ในเขตนี้ ตรงนั้นมีห้องเรียน เป็นที่ที่จะมีครูมาสอนคุณทุกวันค่ะ”
อวี๋หมินหมิ่นถาม “ฉันต้องเรียนอะไรบ้างคะ”
“คุณอวี๋จำเป็นต้องเรียนพิธีการประเพณีต่างๆ มารยาททางการทูต ภาษาอังกฤษ ภาษาฝรั่งเศส วรรณกรรมคลาสสิก การชื่นชมงานศิลปะ…”
“เดี๋ยวก่อนนะคะ พวกนี้คือสิ่งที่ฉันต้องเรียนทั้งหมดเลยเหรอคะ”
“ใช่แล้วค่ะ คุณอวี๋…”
คนที่นี่สวมเครื่องแบบทางการสีดำ ชายหญิงล้วนสวมเหมือนกันหมด แต่ผู้หญิงมีมากกว่า ผู้ชายมีค่อนข้างน้อย ดูเหมือนว่าจะถูกเลือกเข้ามา ทุกคนดูมีเอกลักษณ์ ทรงผมถูกเซตอย่างพิถีพิถัน เวลาเดินเท้าก็ไว ทว่ากลับเบาจนแทบไม่ได้ยินเสียง
เป็นครั้งแรกที่อวี๋หมินหมิ่นได้เข้าใกล้วิถีชีวิตในทำเนียบหลิวลี่แห่งนี้ ได้แต่ยืนเหม่ออยู่ตรงนั้น
“ดูอะไรอยู่” ตอนนั้นเอง เสียงเรียบนิ่งก็ดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง
อวี๋หมินหมิ่นหันกลับมา
ท่านประธานาธิบดีได้ยืนอยู่ตรงนั้นแล้ว
ภายในทำเนียบหลิวลี่ รอบกายของเขาแม้จะไม่มีบอดี้การ์ดหรือข้าราชการ แต่กลับยังมีความน่าเกรงขาม
อวี๋หมินหมิ่นถาม “ฉันต้องเรียนอะไรมากมายขนาดนั้นเลยเหรอคะ”
“ภริยาอันดับหนึ่งของผมไม่ได้เป็นง่ายๆ ขนาดนั้นหรอก เมื่อคุณรับปากแล้ว คุณก็ควรจะรู้ ว่าคุณต้องรับผิดชอบภาระหน้าที่อะไรบ้าง”
“เอาเถอะ ฉันก็ไม่ได้บอกว่าจะไม่เรียน เพียงแค่ตกใจก็เท่านั้น” อวี๋หมินหมิ่นบอก
กู้จิ้งหมิงสังเกตการแต่งกายที่เรียบง่ายของอวี๋หมินหมิ่น “ต่อไปชุดของคุณจะมีผู้เชี่ยวชาญมาช่วยคุณออกแบบ”
“สไตลิสต์เหรอคะ”
“เรียกอย่างนั้นก็ได้”
“ไม่ต้องหรอกมั้งคะ วันนี้แค่ใส่เรียบง่ายไปหน่อยเท่านั้นเอง ถ้าเป็นพิธีการจริงๆ ฉันก็จะสวมชุดที่เป็นทางการกว่านี้”
“ไม่ว่าจะปรากฏในสถานการณ์ไหน เสื้อผ้าของคุณ ร่างกาย การแต่งกาย จะมีจุดผิดพลาดไม่ได้แม้เพียงเล็กน้อย คุณคงรู้ว่าเลขาธิการของประเทศที่ออกไปเมื่อปีก่อน เป็นเพราะว่าตกแต่งด้วยเครื่องประดับที่คล้ายกับศาสนาอื่น จึงโดนถอดออกจากตำแหน่ง”
อวี๋หมินหมิ่นตกใจ เธอพลันนึกขึ้นมาได้ ยู่ปาก หัวใจหนักอึ้ง การเข้ามาอยู่ในทำเนียบหลิวลี่เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ หลักๆ คงอยู่ที่…การวางตัวของเธอ ที่คงจะกลายเป็นผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ และไม่ใช่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่จะทำตามใจได้
กู้จิ้งหมิงวางเอกสารข้อมูลแผ่นหนึ่งมาตรงหน้าเธอ “ประกาศวันแต่งงานในหนึ่งเดือนหลังจากนี้ สามเดือนให้หลังจัดงานแต่งงาน คุณจะถูกเปิดเผยต่อสาธารณชนในตอนที่ประกาศวันพิธีแต่งงาน จำไว้ว่าตอนนั้นภริยาเอกคงไม่ต้องให้ชี้แนะแล้ว อย่างน้อยในตอนนั้น ขอให้มีความเป็นผู้หญิงอยู่บ้างสักนิด”
“…” อวี๋หมินหมิ่นรับเอกสารมา กวาดตามองกำหนดการในมือ สิ่งที่ต้องเตรียม เวลาเรียน ทุกอย่างถูกกำหนดราวกับเครื่องจักร
“นี่ เวลากระชั้นชิดไปหรือเปล่า ฉันยังไม่คุ้นชิน…”
“นี่เป็นการแจ้ง ไม่ได้กำลังปรึกษาคุณอยู่”
กู้จิ้งหมิงเอ่ยขัดคำพูดเธอ
ใบหน้าของอวี๋หมินหมิ่นเกร็งขึ้นเล็กน้อยเพราะรู้สึกว่าเขาอาจจะเกลียดเธอ
“เอาเถอะ ฉันจะพยายามปรับตัว”
กู้จิ้งหมิงปรายตามองเธอเล็กน้อย จากนั้นหมุนตัวกลับไป
พลันหยุดเท้าที่ก้าวเดินลง ยืนนิ่ง เขาหันกลับมา
“ผมให้สัญญาอะไรกับคุณไม่ได้ ได้แต่บอกคุณเพียงว่า สักวัน ถ้าคุณมีชีวิตของตัวเอง ผมจะปล่อยให้คุณเป็นอิสระ”
อวี๋หมินหมิ่นนิ่งงัน
กู้จิ้งหมิงเอ่ยต่อ “ผมสืบมาแล้วว่าคุณไม่เคยมีความรัก ไม่เคยมีแฟน และไม่เคยมีคนรัก ใช่ไหม”
อวี๋หมินหมิ่นเงียบ พยักหน้าเบาๆ
กู้จิ้งหมิงทิ้งประโยคสุดท้ายเสียงเรียบ “คุณควรรู้สึกโชคดี”
เอ่ยจบ อีกคนก็เดินตรงออกไปด้านนอกแล้ว
คืนนั้น อวี๋หมินหมิ่นพักอยู่ที่ทำเนียบหลิวลี่
สาวใช้นำเสื้อผ้าและกระเป๋ามาส่งให้ ชุดผ้าไหม สวมแล้วรู้สึกสบายเป็นที่สุด
เธอต่อสายหาแม่ บอกว่าคืนนี้ตัวเองจะไม่ได้กลับบ้าน แม่ถามหาเหตุผล อวี๋หมินหมิ่นไม่รู้จะตอบอย่างไร บอกได้เพียงว่า “หนู…ทำงานอยู่ค่ะ”
ปกติเธอทำงานก็ทำจนดึก บางครั้งก็นอนที่บริษัท แม่ฟังแล้วก็ไม่ได้ว่าอะไร บอกให้เธอรักษาสุขภาพ
อย่างไรก็ตามการต้องมานอนในห้องหรูหราที่ไม่คุ้นเคยมาก่อน แล้วเมื่อมองออกไปนอกหน้าต่างก็ยังเห็นบอดี้การ์ดเดินผ่านไปมาอีก ไม่ว่าทำอย่างไรเธอก็นอนไม่หลับ
——
วันต่อมา
มีข่าวรายงานเรื่องว่าที่ภริยาท่านประธานาธิบดี ได้เข้ามาอยู่ที่ทำเนียบหลิวลี่แล้ว เรียนรู้มารยาท กลายเป็นการเตรียมตัวเป็นภริยาอันดับหนึ่งที่ใครต่อใครก็อิจฉา
บอกว่าเป็นภริยาอันดับหนึ่งที่น่าอิจฉาในศตวรรษนี้ แน่นอนเพราะว่าท่านประธานาธิบดีคนนี้ไม่ธรรมดาเหมือนใคร หากแม้ว่าไม่ได้เป็นประธานาธิบดี ไปเป็นอะไรก็ยังสามารถทำให้ผู้หญิงหลงใหลได้ ยิ่งไปกว่านั้น เขายังเป็นประธานาธิบดีอีก
หลินเช่อดูข่าวในโทรทัศน์ ทุกคนต่างคาดเดาว่าใครกันแน่คือภริยาของประธานาธิบดี
หยางหลิงซินเอ่ยถามอยู่ข้างๆ “พี่เช่อคะ พี่ก็ไม่เคยเจอเหรอ”
หลินเช่อบอก “พี่ใหญ่ไม่ค่อยกลับบ้านตระกูลกู้เท่าไหร่ ฉันเองก็ไม่ค่อยได้กลับไป ก็เลยไม่เคยเจอจริงๆ”
“เสียดายจังเลยค่ะ ฉันอยากเห็นท่านประธานาธิบดีจริงๆ นะ ถึงแม้ว่าท่านประธานาธิบดีจะอายุมากหน่อย ก็หล่อไม่น้อยไปกว่าคุณกู้จิ้งเจ๋อเลย ทั้งยังมีเสน่ห์เหมือนกับกู้จิ้งเจ๋ออีก แล้วยังเป็นประธานาธิบดีที่หล่อที่สุดเท่าที่เคยเห็นมาเลยนะคะ อยากรู้จังเลยว่าใครกันนะที่โชคดีขนาดนี้”
หลินเช่อหัวเราะ แม้จะแปลกใจอยู่บ้าง ไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้วพี่ใหญ่ของกู้จิ้งเจ๋อจะแต่งงานกับใคร แต่ว่าตอนนี้เธอเพียงกังวลว่าอวี๋หมินหมิ่นทำไมยังไม่มา
ตอนนั้นเอง อวี๋หมินหมิ่นก็โทรมา
เธอบอกว่าอยู่นอกบริษัท บางทีเธออาจจะต้องปรับเปลี่ยนงานเล็กน้อย
ตอนที่หลินเช่อและหยางหลิงซินออกไปก็พบว่าด้านหลังของอวี๋หมินหมิ่นมีบอดี้การ์ดท่านประธานาธิบดียืนอยู่ด้วยสองคน
บอดี้การ์ดประธานาธิบดีไม่เหมือนกับบอดี้การ์ดของตระกูลกู้ บอดี้การ์ดตระกูลกู้มีผ้าไหมสีฟ้าอยู่ที่กระเป๋าเสื้อ ส่วนบอดี้การ์ดประธานาธิบดีจะมีเข็มกลัดกลัดไว้ที่หน้าอก
หลินเช่อชะงัก
อวี๋หมินหมิ่นกัดฟัน “ต่อไปฉันอาจจะไม่สามารถปรากฏตัวต่อหน้ากล้องได้ หรือช่วยออกหน้าแทนเธอได้แล้ว งานของฉันจะเป็นงานเบื้องหลังทั้งหมด แต่ฉันจะหาผู้ช่วยให้เธอนะ และถือว่าฉันยังคงเป็นผู้จัดการให้เธออยู่ เพียงแต่งานข้างนอกคงต้องส่งต่อให้คนอื่นแล้ว”
หลินเธอด้วยความตกใจ “อวี๋… อวี๋หมินหมิ่น นี่เธอ…”
อวี๋หมินหมิ่นรู้ว่าปิดบังไม่ได้จึงจำต้องบอกกับเธอ “เธอรู้ข่าวที่ท่านประธานาธิบดีจะแต่งงานแล้วใช่ไหม”
“ใช่ ฉันรู้แล้ว”
“คนที่ท่านประธานาธิบดีจะแต่งงานด้วยก็คือฉัน…”
“อะไรนะ”
“อะไรนะ”
หลินเช่อและหยางหลิงซินได้ยินดังนั้นก็มองอวี๋หมินหมิ่นด้วยความตกใจ ยืนตะลึงอยู่แบบนั้น
อวี๋หมินหมิ่นหันไปมองหยางหลิงซิน “เรื่องจะมันยาว ยังไงซะ ตอนนี้ฉันเลยต้องปรับเปลี่ยนการทำงานเล็กน้อยน่ะ”