เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก - ตอนที่ 399 ภริยาอันดับหนึ่งไม่ใช่จะเป็นได้ง่ายๆ
แต่ว่า แม้กู้จิ้งเจ๋อจะดูโกรธมาก แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรกับหลินเช่อ
นี่ทำให้ผู้คนยิ่งแปลกใจเข้าไปใหญ่
หลังจากที่กู้จิ้งเจ๋อจากไป หลินเช่อพึ่งนึกขึ้นได้ หยางหลิงซินยังอยู่
เธอหันกลับมา นึกถึงเมื่อสักครู่ที่กู้จิ้งเจ๋อจูบเธอโดยไม่สนใจอะไรเลย พลันรู้สึกว่าลำคอแดงขึ้นมาทันที แต่ว่า ยังคงทำได้เพียงหันไปมองหยางหลิงซิน “เอ่อ…สายแล้ว หยิบของแล้วเราไปกันเถอะ”
หยางหลิงซินมองหลินเช่อด้วยความประหลาดใจ “พี่เช่อคะ พี่กำลังโกรธประธานกู้อยู่เหรอคะ”
หลินเช่อจับหูเขินอาย “แค่เรื่องเล็กน้อยน่ะ”
สิ่งที่ทำให้หยางหลิงซินแปลกใจก็คือ “แต่ว่า ทำไมเมื่อสักครู่พี่ไม่กลับไปกับประธานกู้คะ”
“ฉันจะไปพักกับโยวหรานสักพักน่ะ”
“เอาเถอะ แต่ว่าประธานกู้ตามมาถึงที่นี่เลย พี่ก็อย่าไปโกรธประธานกู้เลยนะคะ” หยางหลิงซินเอ่ยบอก
หลินเช่อมองไปด้านหน้าอย่างอึดอัด ถอนหายใจ
เธอใส่ใจแล้วยังไงล่ะ
ความจริงเธอก็ไม่ได้โกรธอะไรขนาดนั้นแล้ว เพียงแต่ยังไม่สบายใจเท่านั้นเอง
เธอคิดว่าอีกไม่กี่วัน ความรู้สึกไม่สบายใจแบบนี้คงจะหายไปมั้ง
หลินเช่อบอก “ฉันไม่ได้โกรธแล้ว”
หยางหลิงซินกลับถาม “จริงเหรอคะ แล้วทำไมพี่ยังไม่กลับกับประธานกู้ละคะ”
“ไม่โกรธแล้วจริงๆ เรา… มีเรื่องซับซ้อนนิดหน่อย ยังไงซะ เธอไม่เข้าใจมันหรอก ไปกันเถอะ”
หยางหลิงซินมองตามหลินเช่อที่เดินขึ้นรถไป ไม่ใช่ทางเดียวกัน ตัวเองไม่ได้ขึ้นไปด้วย เตรียมจะนั่งใต้ดินกลับ
เพียงแต่เมื่อมองรถห่างออกไป เธอจึงคิดอย่างไม่พอใจ กู้จิ้งเจ๋อมาง้อเธอกลับไปแต่เธอก็ยังไม่กลับไปอีก
กู้จิ้งเจ๋อมาเองเลยนะ ทำไมเธอถึงทำแบบนี้ล่ะ
เธอคิดว่าการกู้จิ้งเจ๋อมานั้นถือว่าให้เกียรติเธอมากแล้ว กู้จิ้งเจ๋อผู้สูงส่ง ทำไมต้องมาง้อเธอ แต่เธอยังไม่พอใจ ยังไม่กลับไปอีก
ไม่สมเหตุสมผลเท่าไหร่
แน่นอนว่าหลินเช่อไม่รู้ว่าหยางหลิงซินจะคิดแบบนี้
ไม่นานเธอก็กลับมาถึงห้องของเฉินโยวหราน
เฉินโยวหรานแปลกใจ เธอรู้แล้วว่ากู้จิ้งเจ๋อไปหาหลินเช่อ ยังทำท่าจะไม่ประสบผลสำเร็จด้วย เธอนึกว่าแม้จะต่อต้าน หลินเช่อก็จะถูกบังคับให้กลับไป แต่ก็ยังกลับที่มาบ้านของเธอเองอีก
หลินเช่อเล่าเรื่องทั้งหมดให้เฉินโยวหรานฟัง บอกว่าเธอให้กู้จิ้งเจ๋อกลับไปก่อน เธอจะมาพักอยู่ที่นี่สักพัก
เฉินโยวหรานไม่รู้จะพูดอย่างไร “กล้าทำแบบนี้กับกู้จิ้งเจ๋อก็คงมีแต่เธอนี่แหละ”
หลินเช่อยึดครองเตียงของเฉินโยวหราน “ฉันเป็นอะไรนะ”
เฉินโยวหรานบอก “แต่ก็ใช่ เธอสองคนเป็นสามีภรรยากันหรือเปล่า สามีภรรยาแบ่งชนชั้นกันทำไม เป็นสามีเอาใจภรรยาให้มีความสุขก็ถูกแล้ว เป็นภรรยาก็ออดอ้อนหน่อยก็ได้ แบบนี้ชีวิตถึงจะมีรสชาติ เพียงแต่คนอื่นเห็นเธอทำแบบนี้กับกู้จิ้งเจ๋อต้องตกใจมากแน่”
หลินเช่อบอก “ฉันก็ไม่ได้ทำอะไรนะ ฉันบอกแล้ว ฉันแค่มาอยู่ที่นี่กับเธอแค่ไม่กี่วัน”
“ใช่ๆๆ เธอไม่ได้อะไร ก็แค่ให้กู้จิ้งเจ๋อกลับไปนอนเหงาอยู่ในห้องว่างเปล่าคนเดียวแค่นั้น จริงๆ เลย กู้จิ้งเจ๋อของเธอเพอร์เฟคขนาดนั้น เธอไม่กลัวว่าเธอมาอยู่กับฉันที่นี่ไม่กี่วัน จะมีช่องว่างให้กับผู้หญิงคนอื่น ให้โอกาสผู้หญิงอื่นได้ล่อลวงกู้จิ้งเจ๋อของเธอเหรอ”
“ช่างเถอะ ผู้ชายที่ถูกหลอกล้อได้ ฉันจะเก็บไว้เนี่ยนะ ก็คงไม่เสียดาย” หลินเช่อพลิกตัวคิด แต่ว่ากู้จิ้งเจ๋อนี่ก็จริงๆ เลย ช่างดึงดูดความสนใจผู้หญิงได้ดีจริงๆ
เฉินโยวหรานบอก “เธอพูดกับฉันแบบนี้ ถึงเวลาโดนฉกไปจริงๆ ดูซิว่าถ้าถึงเวลานั้นเธอจะไม่ร้องไห้จริงๆ น่ะ”
——
อวี๋หมินหมิ่นอยู่ในทำเนียบหลิวลี่ นั่งอยู่หลังโต๊ะหนังสือ มองครูสอนมารยาทกำลังสอนเธออยู่
แม้จะมีท่าทางนอบน้อม แต่ก็เข้มงวดทีเดียว
บางอย่างอวี๋หมินหมิ่นก็ยากที่จะเข้าใจ เพราะว่าเธอเกิดมาอยู่ชนชั้นธรรมดา ไม่ค่อยเข้าใจมารยาทพวกนี้จริงๆ
อาจารย์สอนมารยาทมองอวี๋หมินหมิ่นไม่รู้จะว่าอย่างไร เพียงบอกกับเธอ “คุณอวี๋คะ อนาคตคุณต้องเป็นคุณผู้หญิงของทำเนียบหลิวลี่ ตอนนี้เวลากระชั้นชิด แต่คุณยังไม่มีพัฒนาการเลย ดูเหมือนว่าจะต้องเพิ่มเวลาเรียนให้คุณแล้วล่ะค่ะ
“อะไรนะคะ ยังต้องเพิ่มเวลาเรียนอีกเหรอคะ” ตอนนี้อวี๋หมินหมิ่นต้องเรียนครึ่งค่อนคืนทุกวัน ถ้าเพิ่มอีก… หรือว่าจะไม่ให้เธอนอนแล้วเหรอ
อาจารย์สอนมารยาทส่งกระดาษแผ่นหนึ่งให้เธอ “ใช่ค่ะ คุณอวี๋ พวกนี้เป็นวิชาที่คุณจะต้องเรียนในคืนนี้ค่ะ ถ้าไม่สามารถอ่านเอกสารนี้หมด เกรงว่าคุณคงไม่ได้นอนแน่เลยค่ะ”
“ฉัน…” อวี๋หมินหมิ่นมองเอกสารกองโต คิดว่าตัวเองใกล้จะบ้าเต็มที
แต่ว่าไม่มีทางเลือก ทำได้เพียงมองอาจารย์ด้วยความน่าสงสาร “อ่านน้อยลงหน่อยได้ไหมคะ” เธอนอนสี่ชั่วโมงติดต่อกันมาหลายวันแล้ว
แต่อาจารย์กลับหนักแน่น “วันนี้ต้องอ่านให้จบค่ะคุณอวี๋”
พูดจบก็นั่งลงด้านใน มองอวี๋หมินหมิ่นเรียนหนังสือ
อวี๋หมินหมิ่นกัดฟัน คิดในใจ ภริยาของประธานาธิบดีไม่ใช่จะเป็นกันได้ง่ายๆ นะ
ประวัติศาสตร์ประเทศซี การสร้างประเทศ การเมืองการปกครอง ประเทศที่เป็นพันธมิตรที่ดีต่อประเทศซี…
สิ่งวุ่นวายพวกนี้ ยัดเต็มในสมองของอวี๋หมินหมิ่น แต่มันน่าเบื่อ ทำให้คนรู้สึกยากที่จะอ่านต่อไป
อ่านจบไปแล้วครึ่งหนึ่งอาจารย์ก็บอกว่า เธอสามารถขยับร่างกายได้ อวี๋หมินหมิ่นนึกว่าเป็นกิจกรรมที่น่าสนใจ รีบลุกขึ้นมา แต่เมื่อเห็นด้านนอก สาวใช้ก็หยิบชุดพิธีการรัดรูป กระโปรงเผยให้เห็นสะโพกเด่นชัด รองเท้าส้นสูงที่สูงเกือบสิบเซนติเมตร…
อาจารย์บอกจริงจัง “คุณลองสวมพวกนี้แล้วลองเดินดูค่ะ”
“พวกนี้… ใส่ยังไงคะ รองเท้านี้สูงมากเลยนะคะ” อวี๋หมินหมิ่นเอ่ย
อาจารย์บอกอย่างจริงจังว่า “ใช่ค่ะ แต่ว่านี่เป็นสิ่งที่คุณต้องสวมค่ะ ต่อไปเมื่อมีงานเลี้ยง คุณต้องแต่งตัวแบบนี้ คุณจำเป็นต้องปรับตัวให้คุ้นเคยกับมันค่ะ”
“…” อวี๋หมินหมิ่นทำอะไรไม่ได้ จึงจำต้องกัดฟันเปลี่ยน
แต่ว่าชุดรัดจนทำให้อวี๋หมินหมิ่นหายใจไม่ทั่วท้อง และรองเท้าก็สูงมากด้วย ทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเองจะล้มได้ตลอดเวลา
ในที่สุดอวี๋หมินหมิ่นก็สวมมันได้ ทุกคนมองอวี๋หมินหมิ่น อดไม่ได้ที่จะคิดว่า… ความจริงเธอสง่างามมาก เพียงแต่ปกติแล้วอวี๋หมินหมิ่นมักจะสวมชุดหลวมๆ ทำให้ดูไม่ออกจริงๆ ส่วนนั้นของอวี๋หมินหมิ่นมีขนาดที่น่าตกใจ น่าจะคัพดีได้
ดังนั้นเมื่อสวมชุดทางการแล้ว ทรวดทรงที่โดดเด่น ส่วนเว้านูนไม่ราบเรียบนั้น เซ็กซี่เป็นบ้า
อีกทั้ง ไม่พูดไม่ได้เลยว่าเมื่ออวี๋หมินหมิ่นแต่งตัวขึ้นมาแล้วน่าทึ่งมาก ร่างกายเธอผอมบาง ทว่าหน้าอกกลับใหญ่ผิดสัดส่วน ยิ่งทำให้คนรู้สึกว่าเธอนั้นสวยมาก…
อวี๋หมินหมิ่นไม่ได้สังเกตว่าสายตาที่ทุกคนมองเธอนั้นเปลี่ยนไป รองเท้าส้นสูงที่สวมยากเย็นทำให้เธอต้องรับมือกับมันอย่างสุดกำลัง เธอเกาะผนังเดิน อาจารย์บอกอย่างจนปัญญา “คุณอวี๋คะ คุณต้องปล่อยมือหนึ่งข้าง ถ้าพยุงตลอดจะฝึกเดินได้ยังไงคะ”
“ได้ค่ะ ได้ ฉันไม่จับแล้ว” อวี๋หมินหมิ่นปล่อยมือเล็กน้อย จากนั้น สองมือพึ่งจะปล่อยออก เท้าก็ยืนไม่อยู่แล้ว
“อ๊ายยย…ช่วยด้วย” อวี๋หมินหมิ่นตะโกนเสียงดัง เงยหน้าล้มลงไป
ตอนนั้นเอง ร่างหนึ่งพึ่งเดินเข้ามาตรงหน้า ร่างกายของเธอก็พุ่งชนเข้าไปทันที
คนรอบข้างหยุดหายใจไปชั่วขณะ
ท่านประธานาธิบดีมาแล้ว…
และไม่เพียงช่วยอวี๋หมินหมิ่นไม่ได้ แถมเธอยังล้มทับลงไปบนร่างของประธานาธิบดีอีกด้วย
อวี๋หมินหมิ่นยังคงมึนงง เมื่อเงยหน้าขึ้นมา ก็ประสานสายตากับดวงตาดำขลับของกู้จิ้งหมิง
ตอนนั้นเองที่อวี๋หมินหมิ่นถึงได้รู้ว่าตัวเองไม่ได้ล้มลงกับพื้น แต่กลับล้มลงไปบนร่างของกู้จิ้งหมิง แถมยังขาชี้ฟ้าอีกด้วย
ร่างสูงของกู้จิ้งหมิง ก้มหน้าลงมองเธอ ดวงตาเรียบนิ่งก่อนจะเอ่ยถามว่า “คุณทำอะไรอยู่กันแน่”