เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก - ตอนที่ 412 พบเจอกับคนที่ไม่ควรจะเจอ
หลินเช่อบอกได้เพียงว่า “ฉันยินดีกับเธอมากเลยค่ะ”
“เรื่องที่เธอคบกับประธานาธิบดี ก็ปิดบังคุณเหมือนกันเหรอคะ”
“ทราบก่อนพวกคุณไม่นานเองค่ะ แต่ตอนที่พวกเขารู้จักกัน ฉันก็รับรู้ เพียงแต่ไม่คิดว่าพวกเขาจะไปตกหลุมรักกันเท่านั้นเองค่ะ”
นักข่าวยังคงอยากถามต่อ ทว่าถูกสตาฟของกองถ่ายกันออกไปก่อน ผู้กำกับเองก็บอกว่าช่างเถอะ เรื่องส่วนตัวพวกนั้นไม่ต้องถามแล้ว วันนี้หลักๆ จะพูดถึงภาพยนตร์
ยากที่เดียวกว่าหลินเช่อจะหลบออกมาจากเหล่านักข่าว ด้านนอก กลุ่มแฟนคลับกลุ่มหนึ่งพุ่งเข้ามา และสิ่งที่ไม่คาดคิดคือ ในนั้นแฝงไปด้วยแฟนคลับของประธานาธิบดี เมื่อได้ยินว่าอวี๋หมินหมิ่นเป็นผู้จัดการของหลินเช่อแล้ว ก็หาโอกาสเข้าหาหลินเช่อ ตะโกนเสียงดังอยู่ด้านนอก “หลินเช่อ เธอไปบอกกับอวี๋หมินหมิ่น ว่าเธอไม่เหมาะสมกับประธานาธิบดีของพวกเรา”
“จริงๆ เลย นักแสดงงิ้ว[1]ก็ไปเป็นนักแสดงงิ้ว หน้าด้านอะไรแบบนี้”
แฟนคลับของหลินเช่อได้ยินดังนั้นจึงโมโหขึ้น ด่าคนเหล่านั้นกลับไป
“เธอว่าใครเป็นนักแสดงงิ้วกัน”
“เธอว่าใครหน้าด้าน หลินเช่อของเราไปทำอะไรให้พวกเธองั้นเหรอ พวกเธอต่างหากที่มาห้อมล้อมอยู่แบบนี้ คนที่หน้าด้านก็คือพวกเธอ”
“ผู้จัดการแล้วยังไง มันก็เป็นเพียงอาชีพไม่ใช่เหรอ”
“นักแสดงแล้วไง นักแสดงช่วยทำให้เวลาว่างของเรามีสีสันมากขึ้น แถมยังเป็นศิลปินอีก เข้าใจคำว่าศิลปินไหมพวกเธอน่ะ”
“นั่นสิ ดูสารรูปเธอแบบนั้นแล้ว ยังกล้ามาว่าให้คนอื่นอีก ท่านประธานาธิบดีชาตินี้ทั้งชาติก็คงไม่มองเธอหรอก ยังจะมาบอกว่าไม่เหมาะสมกับท่านประธานาธิบดีอีก เธอเหมาะสมหรือไง”
หลินเช่อรีบบอก “เอาล่ะ ทุกคนไม่ต้องทะเลาะกันนะคะ อวี๋หมินหมิ่นเคยเป็นผู้จัดการของฉัน เหมาะสมหรือไม่เหมาะสม ไม่ได้อยู่ที่พวกคุณ แต่เป็นตัวอวี๋หมินหมิ่นเองที่จะตัดสินใจ พวกคุณลองคิดดูว่า หากพวกคุณจะแต่งงานกับผู้ชายสักคน คนอื่นมาบอกว่าพวกคุณไม่เหมาะสม พวกคุณก็จะไม่แต่งแล้วเหรอ อวี๋หมินหมิ่นคิดว่าเธอเหมาะสม ดังนั้นเธอจึงยอมแต่งงานกับท่านประธานาธิบดี และคนที่คิดว่าตัวเองไม่เหมาะสม ก็ได้แต่ร้องตะโกนอยู่ที่อื่นเงียบๆ ฉันแค่อยากบอกว่า ไม่มีผู้หญิงคนไหนไม่เหมาะสมกับผู้ชายคนไหน นอกซะจากว่าผู้หญิงคนนั้นจะรู้สึกว่าตัวเองไม่เหมาะสม อีกทั้ง เหมาะไม่เหมาะ มันไปเป็นเรื่องให้คนอื่นต้องมาตัดสินตั้งแต่เมื่อไหร่”
คำพูดนั้น ทำให้ทุกคนนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ
แฟนคลับของหลินเช่อปรบมือขึ้นมา ส่วนคนอื่นๆ นั้นรู้สึกเสียหน้า
หลินเช่อกลับขึ้นรถอีกครั้ง หยางหลิงซินบอก “พี่เช่อคะ พี่เยี่ยมไปเลย เมื่อสักครู่พี่เท่มาก”
หลินเช่อบอก “ฉันแค่คิดว่าพวกเขาพูดเกินไป มาบอกว่าอวี๋หมินหมิ่นไม่เหมาะสม…นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ตามที่พวกเขาคิดเลยสักนิด”
หยางหลิงซินบอก “แต่ฉันก็แปลกใจนะ ไม่มีใครรู้ว่าอวี๋หมินหมิ่นไปอยู่กับท่านประธานาธิบดีได้ยังไงเพราะเรื่องนี้มันกะทันหันเกินไป ทุกคนต่างก็วิจารณ์กันพูดกันว่าอวี๋หมินหมิ่นได้ดิบได้ดีไปแล้ว”
และแน่นอนว่าทุกคนต่างก็บอกว่าหลินเช่อเองก็ได้ประโยชน์
แม้ว่าหลินเช่อเองจะยังไม่เข้าใจว่าตัวเองนั้นได้ประโยชน์อะไรก็ตาม
ยังดีที่ข่าวอย่างไรก็อยู่ได้แค่ชั่วคราว ตอนนี้มีข่าวมากมาย อีกไม่นานข่าวร้อนของอวี๋หมินหมิ่นที่ทุกคนสนใจอาจจะถูกกลบด้วยข่าวอื่นก็เป็นได้
ตอนนั้นเอง กู้จิ้งเจ๋อเองก็เตรียมตัวมารับหลินเช่อไปทานอะไรด้วยกัน
เมื่อทั้งสองย้ายกลับบ้านตระกูลกู้แล้ว หลินเช่อก็ยุ่งอยู่ตลอด กู้จิ้งเจ๋อเองก็ยุ่ง นานแล้วที่ไม่ได้ออกไปทานอะไรด้วยกัน กู้จิ้งเจ๋อเคยบอกก่อนแล้วว่าจะพาหลินเช่อไปฉลองปิดกอง หลินเช่อรีบตอบตกลงด้วยความดีใจทันที
กู้จิ้งเจ๋อบอก “เดี๋ยวถึงแล้วเจอกันนะ”
“ได้ค่ะ ได้” หลินเช่อบอกด้วยความตื่นเต้นผ่านโทรศัพท์
กู้จิ้งเจ๋อวางโทรศัพท์ลง บอกกับฉินเฮ่า “เดี๋ยวไปรับหลินเช่อ”
“ครับ เจ้านาย”
ตอนนั้นเองที่กู้จิ้งเจ๋อ มองเห็นเหมือนเป็นร่างคุ้นเคยผ่านไป
โม่ฮุ่ยหลิง…
กู้จิ้งเจ๋อนึกขึ้นได้ นานแล้วที่เขาไม่ได้เจอกับโม่ฮุ่ยหลิง
ฉินเฮ่าเองก็มองเห็นเช่นกัน อย่างไรซะ เมื่อก่อนความสัมพันธ์ของกู้จิ้งเจ๋อและโม่ฮุ่ยหลิงก็ใกล้ชิดสนิทสนม ดังนั้นร่างของโม่ฮุ่ยหลิงจึงเป็นที่คุ้นเคยเป็นอย่างยิ่ง
“เอ่อ เจ้านายครับ เหมือนจะเป็นคุณโม่นะครับ”
กลับพบว่าโม่ฮุ่ยหลิงเข้าไปที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง
ฉินเฮ่าตกใจ “ทำไมคุณโม่ถึงได้เข้าไปที่โรงพยาบาลล่ะครับ…”
กู้จิ้งเจ๋อเองก็แปลกใจ มองแล้วบอก “ช่างเถอะ เรื่องของเธอ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับฉันแล้ว”
“ครับ เจ้านาย”
เย็นวันนั้น ผู้กำกับบอกจะเลี้ยงข้าวหลินเช่อ แต่หลินเช่อได้ปฏิเสธไปแล้ว
เพราะเธอตกลงกับกู้จิ้งเจ๋อเอาไว้แล้ว ดังนั้นเธอจึงมาหาอะไรทานกับกู้จิ้งเจ๋อ
กู้จิ้งเจ๋อมองเห็นหลินเช่อ ยิ้มออกมา พาเธอไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน
หลินเช่อบอก “คุณคงไม่ได้จะพาฉันไปร่วมงานเลี้ยงที่ไหนอีกใช่ไหมคะ”
บอกไว้แล้วว่าจะพาเธอไปทานข้าว เธอนึกว่าจะมีเพียงพวกเขาสองคนไปด้วยกันซะอีก
กู้จิ้งเจ๋อยิ้มมีนัย บอกกับเธอ “แค่ไปดูสักหน่อยก็พอแล้ว”
แน่นอน เป็นภรรยาของเขา ไม่ร่วมงานเลี้ยงกับเขา ออกงาน สังสรรค์ ล้วนสมควร แต่วันนี้เธอก็ยังแอบผิดหวังอยู่บ้าง
สิ่งที่คาดหวังมาตลอดคือไปทานข้าวสองต่อสองกับเขา
เก็บความรู้สึกกลับมา เธอคิดว่า ช่างเถอะ ไปร่วมงานเลี้ยงก็ช่าง อย่างไรซะก็ไปทานข้าวเหมือนกัน
หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว ก็นั่งรถมาถึงโรงแรมแห่งหนึ่ง
หลินเช่อเดินเข้าไปกับเขา ยิ่งเดินไปยิ่งรู้สึกว่ามันแปลก
ที่นี่ไม่เหมือนงานเลี้ยง
ไม่งั้นทำไมถึงได้ไม่มีใครสักคนล่ะ
งานเลี้ยงพวกนี้ครึกครื้นมาก แม้แขกเหรื่อที่มาจะเข้าไปตั้งนานแล้ว แต่ด้านนอกก็ต้องมีผู้ติดตามและคนขับรถไม่น้อย หรืออาจจะมีนักข่าวที่อยากมาทำข่าวบ้าง แต่วันนี้กลับไม่เห็นใครสักคน
หลินเช่อหันไปมองกู้จิ้งเจ๋อด้วยความแปลกใจ “ที่นี่ไม่มีใครสักคนเลยนี่คะ คนไปไหนกันหมด”
กู้จิ้งเจ๋อยังคงยิ้มเจ้าเล่ห์ “เดี๋ยวไปถึงเธอก็รู้”
หลินเช่อมากับกู้จิ้งเจ๋อ ไม่นานก็เดินเข้ามาด้านใน
ประตูถูกเปิดออก โต๊ะกลมปรากฏสู่สายตา
ห้องว่างเปล่า ไม่มีใครสักคน
โคมไฟเคลือบกำลังส่องประกาย ทำให้ห้องทั้งห้องน่าหลงใหล
หลินเช่อชะงัก “นี่คือ…นี่ไม่ใช่งานเลี้ยงสักหน่อย”
“งานเลี้ยงสิ” เขาจูงมือเธอ “งานเลี้ยงของฉันกับเธอไง”
“…”
เขาเหมาร้านอาหารไว้ เพื่อทานข้าวกับเธอเนี่ยนะ
ฟุ่มเฟือยเกินไปหรือเปล่า
กู้จิ้งเจ๋อยิ้ม พาเธอเดินเข้าไปด้านใน
เวลานี้ โต๊ะหรูหราถูกผลักมาที่กลางห้อง ดินเนอร์ท่ามกลางแสงเทียน โรแมนติกที่สุด
หลินเช่อถูกเขาจูงมือเดินไปส่งที่โต๊ะ เธอมองกู้จิ้งเจ๋อ รู้สึกเหมือนหัวใจดวงเล็กๆ ของหญิงสาวนั้นถูกเติมเต็ม
“ทำไมต้องทำขนาดนี้ด้วยคะ…”
“ก็บอกว่าจะฉลองปิดกองให้เธอไง” กู้จิ้งเจ๋อชอบที่หลินเช่อเผยความเป็นหญิงสาวออกมา ท่าทางตื่นเต้นดีใจแบบนั้น
กู้จิ้งเจ๋อดีดนิ้ว แชมเปญถูกเปิดออก เทลงแก้วทั้งสองใบ
——
[1] นักแสดงงิ้ว ชื่อเรียกในสมัยก่อน มีความหมายดูหมิ่น