เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก - ตอนที่ 414 ฉินหวานหว่านเซ็นสัญญาแล้ว
“ใช่ๆ เสี่ยวเช่อคุณนี่เข้าใจง่าย รู้ความกว่านักแสดงคนอื่นเยอะ คุณก็รู้ ฉันก็กลัวพวกที่ไม่รู้ความพวกนั้น ก่อเรื่องวุ่นวาย กระทบต่อบริษัทของเรา คุณคิดได้แบบนี้ก็ดีแล้ว”
รอให้ผู้จัดการออกไปแล้ว หยางหลิงซินจึงเอ่ย “ฉันคิดว่าพี่เช่อมีความสามารถมากว่าฉินหวานหว่านอีกค่ะ แต่บริษัทกลับบอกว่าจะปั้นฉินหวานหว่านให้เป็นเทพธิดาอะไรนั่น ถ้าเธอเป็นเทพธิดาแล้วพี่เช่อเป็นอะไรล่ะคะ”
หลินเช่อบอก “นั่นเป็นมุกตลก ยังไงสุดท้ายแล้วก็ต้องขึ้นอยู่กับความพยายามของเรา ใครจะไม่อยากเป็นที่หนึ่งล่ะ ทหารที่ไม่อยากเป็นทหารของแม่ทัพนั้นไม่ใช่ทหารที่ดี ฉันอยากเป็นที่หนึ่งก็จริง แต่ว่าฉันก็ไม่ตัดกำลังใครที่จะมาเป็นคู่แข่ง เพียงแค่เป็นคู่แข่งที่ดีฉันก็รับได้ทั้งนั้นแหละ”
หยางหลิงซินเบ้ปาก “ก็ได้ค่ะ ฉันแค่รู้สึกไม่เป็นธรรมแทนพี่เช่อเท่านั้น ถ้าตอนนี้พี่อวี๋อยู่ด้วยก็คงจะดี เธอคงไม่มีวันยอมให้บริษัทรังแกพี่เช่อแบบนี้แน่ ไม่งั้น พี่เช่อก็บอกประธานกู้ ประธานกู้ก็คงไม่ยอมให้บริษัททำแบบนี้กับพี่เช่อเหมือนกัน”
หลินเช่อบอก “รังแกไม่รังแกอะไรกัน บริษัทจะปั้นฉันคนเดียวเหรอ บริษัทใหญ่ขนาดนี้ ศิลปินตั้งเยอะแยะ”
เพียงแต่ ฉินหวานหว่านมาแล้ว กลัวแค่ว่าเธอจะมาแย่งทรัพยากรอะไรไปจากหลินเช่อบ้างก็เท่านั้นเอง เพราะอย่างไรซะทรัพยากรที่บริษัทร่วมมือด้วยนั้น มันมีจำกัด
ตอนบ่ายเธอโทรคุยกับอวี๋หมินหมิ่น อวี๋หมินหมิ่นบอกว่า “นั่นเป็นเรื่องธรรมชาติ เพียงแต่ บริษัททำแบบนี้นั้นมันไม่ดีจริงๆ ถ้าเป็นคนละประเภทก็ยังถือว่าดี พวกเธอเป็นประเภทเดียวกัน ยังสร้างภาพลักษณ์ให้เธออีก ฉันคิดว่า บริษัทจะใช้ประโยชน์จากพวกเธอสองคน ใช้สองคนสร้างกระแสให้กันและกัน แผนการแบบนี้ได้ผลประโยชน์ไม่น้อย แถมประหยัดงบโฆษณาไปไม่น้อยเลยทีเดียว”
หลินเช่อถอนหายใจ ถามอวี๋หมินหมิ่น “หลายวันมานี้ข่าวดูซาลงบ้างแล้ว เธอชินหรือยัง”
“ก็ชินแล้ว ไม่มีอะไรแล้วล่ะ เดี๋ยวอีกสักพักก็คงไม่มีใครรู้สึกแปลกใจแล้ว ยังไงซะตอนนี้คนพึ่งรู้เลยพากันตกใจไปหน่อย รับไม่ได้อยู่ชั่วขณะ ไม่ช้าก็เร็วยังไงก็ต้องยอมรับกันอยู่ดี”
“เอาเถอะ งั้นภริยาท่านประธานาธิบดีค่อยเจอกันนะคะ ฉันต้องขอตัวก่อนแล้ว”
“ไปเถอะ ภรรยาท่านประธานกู้ไปดี ฉันส่งตรงนี้”
ทั้งสองพูดจบก็หัวเราะเสียงดังขึ้นมา รู้สึกน่าตลกสิ้นดี
ตอนบ่าย บริษัทตามตัวหลินเช่ออีกครั้ง บอกกับหลินเช่อ “ช่วงนี้ฉินหวานหว่านสมัครเรียนการแสดงไป อยู่ที่โรงเรียนการแสดง มีนักแสดงมากมายไปเข้าร่วม คุณก็ไปเข้าร่วมหน่อยดีไหม ถือว่าเป็นกิจกรรมของโรงเรียนการแสดง อาจารย์ล้วนเป็นคนเก่งทั้งนั้น งานนี้ดีต่อภาพลักษณ์ของคุณด้วย”
หลินเช่อบอก “ค่ะ เดี๋ยวฉันถามพี่อวี๋ดูแล้วกัน”
โทรไปหาอวี๋หมินหมิ่นอีกครั้ง อวี๋หมินหมิ่นบอก “ไปเถอะ จะไม่ไปก็ไม่ได้ ในเมื่อบริษัทตัดสินใจไปแล้ว ถ้าเธอปฏิเสธ บริษัทก็จะหาข้ออ้างอื่นให้เธอไปอยู่ดี จะเสียเวลาทำไม”
นี่เป็นความจริง สิ่งที่อวี๋หมินหมิ่นพูดไม่ผิดเลย พวกเขาต้องการให้เธอกับฉินหวานหว่านสร้างกระแสให้กันและกัน
เมื่อหลินเช่อรับปากแล้ว หลังจากนั้น ก็มาเจอกับฉินหวานหว่านที่พึ่งเซ็นสัญญาไป อยู่ด้านนอก เธอมองหลินเช่อ เอ่ยถาม “หลินเช่อ ผู้จัดการจางบอกว่า เธอก็จะไปเรียนการแสดงเหรอ”
หลินเช่อตอบ “ใช่ บริษัทจัดการให้น่ะ”
“ดีจังเลย ได้ข่าวว่าต้องอยู่ที่โรงเรียนสักระยะ ฉันยังกังวลอยู่เลยว่าจะไม่มีคนรู้จัก ไม่รู้จะทำยังไง”
หลินเช่อหัวเราะ บอก “ฉันก็พึ่งรู้เมื่อตอนบ่ายเอง หวังว่าจะราบรื่น ฉันไปเตรียมของก่อนนะ”
“ได้สิ จริงสิ อีกไม่นานจะมีภาพยนตร์เข้านี่ สู้ๆ นะ”
“อืม เธอก็มีเหมือนกันนี่ เราสู้ไปด้วยกันนะ”
หลินเช่อเอ่ยจบก็เดินออกไป
ฉินหวานหว่านมองคนที่เดินออกไป เสี่ยวเหอจ้องมาทางนี้แล้วเอ่ยกับฉินหวานหว่าน “เหอะ ไม่รู้ว่าตั้งใจหรือเปล่า เห็นเราไปเข้าร่วมการแสดง เธอก็ไปด้วย เราพึ่งมาก็เริ่มแย่งทรัพยากรกับเราแล้วเหรอ”
ฉินหวานหว่านบอก “ช่างเถอะ เรามาที่นี่เพื่อมาแย่งชิงกับเธอ ไม่เฉยชากับเราก็ดีแล้ว”
เสี่ยวเหอบอก “ที่พวกเรามาที่นี่เพราะเรามีความสามารถที่จะแย่งชิงทรัพยากร เราเป็นบุคคลที่บริษัททุ่มเงินก้อนโตดึงเข้ามา ตอนเรามาถึง บริษัทก็บอกแล้วว่าจะปั้นฉินหวานหว่านขึ้นเป็นอันดับหนึ่ง ความสามารถของพี่หวานหว่านก็เป็นที่ประจักษ์ แต่หลินเช่อฝั่งเธอก็แค่สร้างกระแสขึ้นมาให้โด่งดัง ไม่ได้มีความสามารถเหมือนกับพวกเรา ถ้าไม่มีกู้จิ้งเจ๋อ เธอจะมีอะไร”
ฉินหวานหว่านบอก “เอาล่ะเสี่ยวเหอ อย่าพูดมาก”
แม้จะห้าม แต่เธอเองก็หันไปมองทางฝั่งของหลินเช่อ ในใจนั้นไม่ได้คิดจะหยุดเลยด้วยซ้ำ
____
ไม่นาน อวี๋หมินหมิ่นก็ได้ออกงานร่วมกับกู้จิ้งหมิงครั้งแรก การออกงานครั้งแรกมีจุดประสงค์เพื่อไปเจอกับ ‘แม่สามี’ ในอนาคตของเธอ ได้ยินหลินเช่อเคยพูดถึงว่าแม่สามีคนนี้เป็นคนดี เธอก็วางใจไปไม่น้อยเลย
เพียงแต่ อย่างไรซะนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เธอไปร่วมงานสำคัญแบบนี้ เลยแอบกังวลอยู่บ้าง
กู้จิ้งหมิงอยู่ด้านข้าง ยังคงนิ่งขรึมไม่พูด อวี๋หมินหมิ่นแต่งกายเป็นทางการ นั่งตัวหดแทบหายใจไม่ออก
เพียงเดินเข้าไปก็เจอกับห้องโถงใหญ่ที่มีผู้คนมากมายอยู่ในนั้น เหล่าบอดี้การ์ดสวมชุดเครื่องแบบ ฝ่ายที่ไม่ใช่บอดี้การ์ดก็แต่งกายด้วยชุดทางการ อวี๋หมินหมิ่นรู้สึกว่าตัวเองราวกับกำลังถ่ายทอดข่าวสดอยู่ เหล่าผู้คนที่ออกข่าวทางการบนหน้าจอโทรทัศน์ ต่างก็มารวมตัวกันอยู่ตรงหน้า
อวี๋หมินหมิ่นอดตื่นเต้นไม่ได้ กำลังสูดหายใจเข้าลึก
ชายหนุ่มด้านข้าง เหลือบสายตาเย็นชามองมาที่เธอ “เบาเสียงหน่อย”
อวี๋หมินหมิ่นยู่ปาก “ฉันตื่นเต้น”
กู้จิ้งหมิงมองเธอเล็กน้อย “เดี๋ยวก็ค่อยๆ ชินไปเอง”
“แต่ฉันรู้สึกหายใจไม่ออก” อวี๋หมินหมิ่นรู้สึกอึดอัดอยู่ในอก
ใบหน้าของกู้จิ้งหมิงยังคงเรียบนิ่ง “งั้นก็สูดหายใจเข้าลึกๆ”
“แต่ว่า…”
“ถ้าเกิดอะไรขายหน้าขึ้น ผมไม่ช่วยคุณนะ”
“…”
อวี๋หมินหมิ่นจ้องเขาด้วยสายตามาดร้าย ค่อยๆ เดินตามกู้จิ้งหมิง “จริงๆ เลย…คนบ้า ปีศาจ เย็นชา ไร้ความรู้สึก…”
กู้จิ้งหมิงได้ยินที่เธอบ่น ทว่าไม่ชัดเจน “คุณพูดอะไร”
อวี๋หมินหมิ่นยิ้ม “เปล่าคะ ฉันบอกกว่า คุณน่ะหล่อเหลา”
กู้จิ้งหมิงก้มหน้า จ้องมองเธอ
อวี๋หมินหมิ่นด่าเสร็จแล้ว โล่งขึ้นเยอะมาก จ้องมองไปตรงหน้า ฮัมเพลงเบาๆ ด้วยรอยยิ้ม
ตอนนั้นเอง ได้ยินเสียงคนเรียก “เฮ้ ท่านประธานาธิบดีมาแล้ว”
อวี๋หมินหมิ่นมองกลับไปด้วยความแปลกใจ
เป็นเพื่อนไม่กี่คนของท่านประธานาธิบดี อวี๋หมินหมิ่นเคยได้ยินมา ว่ากู้จิ้งหมิงมีเพื่อนอยู่ไม่กี่คน มีลูกชายของนายพล ลูกชายของราชาแห่งวงการอิเล็คโทรนิคส์ ทั้งสามเป็นเพื่อนดีต่อกันมาโดยตลอด เรียนด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก ตอนนี้นับว่าเป็นเพื่อนพี่น้องที่ดีต่อกัน ไม่มีใครมาเทียบได้
ทุกคนมองเห็นอวี๋หมินหมิ่นในทันที
“ท่านนี้คือว่าที่ภริยาประธานาธิบดีสินะ” ฟางจ้งโหมว ลูกชายนายพล รูปร่างสูง สง่างาม รอยยิ้มขี้เล่น