เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก - ตอนที่ 49
เราใช้วิธีที่ง่ายกว่านั้นก็ได้นี่
ไม่ช้ากู้จิ้งเจ๋อก็มาถึงบ้าน
ฉินเฮ่านั้นยืนรออยู่ที่หน้าประตูแล้ว ทันทีที่กู้จิ้งเจ๋อหันกลับมา คนสนิทก็รีบรายงานด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ท่านครับ เรื่องมันเริ่มมาจากโพสต์เวยป๋อของนายน้อยสามครับ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้บอกอะไรชัดเจน แต่พวกนักข่าวก็พากันเดาไปว่านายน้อยที่สามกำลัง…เอ่อ กำลัง…”
กู้จิ้งเจ๋อหันขวับมาทันที “กำลังอะไร”
“กำลังสารภาพรักกับคุณผู้หญิงครับ”
หมอนั่นต้องล้อเล่นแน่ นี่มันตลกสิ้นดี
ใบหน้าของกู้จิ้งเจ๋อเคร่งเครียดขึ้นทันตา
คิ้วของเขาขมวดแน่นเหมือนเสื้อผ้าที่ยับย่น หน้าตาบ่งบอกความไม่สบอารมณ์มากขึ้นทุกขณะ
กู้จิ้งเจ๋อเห็นคอมเมนต์อีกยาวเป็นหางว่าวที่ใต้โพสต์เวยป๋อของกู้จิ้งอวี่
[ฉันว่าดูๆ ไปพวกเขาก็เหมาะสมกันดี ถ้าคบกันจริงก็ปล่อยให้เป็นไปตามนั้นเถอะ]
[หลินเช่อคนนี้ก็ดูสวยไม่หยอกนะ อย่างน้อยหน้าตาเธอก็แตกต่างจากพวกดาราดังส่วนใหญ่ น่ารักไม่เลวเลย]
[ตราบใดที่เป็นการตัดสินใจของกู้จิ้งอวี่ พวกเราก็ยอมรับทั้งนั้น ยินดีด้วยที่คบกัน ขอให้รักกันนานๆ นะจ๊ะ]
กู้จิ้งเจ๋อปิดโทรศัพท์แล้วเงยหน้าขึ้น ใบหน้าเขาหม่นทะมึนเหมือนท้องฟ้าเวลามีพายุ ดูน่าพรั่นพรึงจนมีใครกล้าสบตาด้วยตรงๆ
“ท่านครับ…”
“ฉันคิดว่าพวกนายจัดการข่าวของนายน้อยสามเรียบร้อยหมดแล้วซะอีก!”
ฉินเฮ่ารู้สึกได้ถึงเหงื่อเย็นชื้นที่ซึมขึ้นมาทั่วแผ่นหลัง “ท่านครับ เราจัดการแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่นายน้อยสามออกมาประกาศความสัมพันธ์ตรงๆ แบบนี้ พวกสื่อซุบซิบก็เลยเอาไปเล่นข่าวกันต่อน่ะครับ”
“ความสัมพันธ์งั้นรึ” สายตาของกู้จิ้งเจ๋อเย็นชาน่ากลัว
ฉินเฮ่ารู้ดีว่าตัวเองพลาดไปที่พูดแบบนั้น เขารีบแก้ทันที “แน่นอนครับว่าพวกนักข่าวไม่รู้ว่านายน้อยสามเพียงแค่ล้อเล่นเท่านั้น”
กู้จิ้งเจ๋อยกมือเป็นเชิงห้ามไม่ให้อีกฝ่ายพูดต่อ
เขาคลึงหัวคิ้วแล้วเริ่มออกเดินเข้าไปในตัวบ้าน
หลินเช่อยังไม่รู้เหนือรู้ใต้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
เธอเพิ่งกลับจากกองถ่าย เหน็ดเหนื่อยอ่อนล้าทั้งกายและใจ เจ้าตัวจึงลงมือทำบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเพื่อปลอบประโลมตัวเองอยู่ในครัว
เธอเพิ่งทำอาหารเสร็จพอดีเมื่อได้ยินเสียงประตู
กู้จิ้งเจ๋อกลับมาถึงบ้านแล้ว
หลินเช่อถือบะหมี่ชามโตไว้ในมือ หน้าตามีความสุขยิ่งนัก เธอคาดผ้ากันเปื้อนสีเหลืองผืนเล็กขลิบริมด้วยลูกไม้ ดูน่ารักน่าใคร่ สดใสไม่แพ้รอยยิ้มอบอุ่นที่คลี่แย้มอยู่บนดวงหน้าเรียวเล็กนั่น
“กู้จิ้งเจ๋อ กลับมาแล้วเหรอคะ” เธอยิ้มพลางรีบวางชามอาหารที่ร้อนจนทำให้นิ้วเจ้าตัวเกือบพองลง ยกนิ้วขึ้นจับใบหูไว้
กู้จิ้งเจ๋อเหลือบมองชามบะหมี่แล้วเอ่ยขึ้นว่า “ฉันหิวเหมือนกันนะ”
“อ้อ เหรอคะ” หลินเช่อมองหน้าเขาแล้วบอกว่า “จะให้ฉันทำเผื่อสักชามมั้ยละคะ”
“ก็ดี” ชายหนุ่มวางเสื้อโค้ตในมือลงอย่างไม่สนใจอะไร ก่อนจะทรุดตัวลงนั่ง
หลินเช่อทำปากยื่น ช่างไม่มีพิธีรีตองเอาเสียเล้ย
เธอหันกลับไปทางครัว คว้ามีดขึ้นมาแล้วจัดแจงหั่นผัก แฮม และตอกไข่
กู้จิ้งเจ๋อมองตาม และเกิดความรู้สึกถึงช่วงเวลาอันอบอุ่นนี้ที่เขาได้มีกับหลินเช่อ
เหมือนครอบครัวทั่วไป ที่สามีนั่งประจำโต๊ะและคอยภรรยาที่กำลังทำอาหารอยู่ในครัว
กลิ่นอาหารหอมฟุ้งไปทั่วห้อง หลินเช่อประคองชามบะหมี่สองชามมาวางลงบนโต๊ะอาหาร กู้จิ้งเจ๋อก้มลงมองแล้วถามว่า “ทำไมชามของเธอถึงเส้นบะหมี่กับผักมากกว่าฉันล่ะ”
“…” หลินเช่อเถียงกลับ “มันก็ไม่ได้มากขนาดนั้นสักหน่อยนะคะ”
โดยไม่พูดอะไรอีก กู้จิ้งเจ๋อเอื้อมมือออกไปฉวยชามของอีกฝ่ายมา “ฉันจะกินชามเธอ”
“เฮ้…” หลินเช่อพยายามจะห้าม แต่กู้จิ้งเจ๋อลงมือคีบบะหมี่เข้าปากไปเสียแล้ว
หลินเช่อก้มหน้างุด “ชามนั้นฉันกินไปหน่อยนึงแล้วนะคะ”
“…” กู้จิ้งเจ๋อเงยหน้าขึ้นจ้องเธอ
สายตานั้นทำให้เธอรู้สึกไม่เป็นสุขนัก หญิงสาวจึงรีบโบกไม้โบกมือแล้วบอกว่า “ทำไมล่ะ ไม่ใช่ว่าฉันจะบังคับให้คุณกินสักหน่อย คุณนั่นแหละเรื่องมากเอง”
กู้จิ้งเจ๋อเอื้อมมือมาหยิบชามของเธอ แล้วตักบะหมี่คำโตเข้าปาก
“เฮ้ กู้จิ้งเจ๋อ คุณนี่…”
“คนเป็นสามีภรรยากันมันก็ต้องทำทุกอย่างให้ยุติธรรมสิ จริงมั้ย” เขาว่า
หลินเช่อชักโมโห “ฉันไม่ได้หยาบคายเหมือนคุณนี่! ไม่ใช่ว่าฉันตั้งใจจะแอบกินชามนั้นก่อนสักหน่อย!”
กู้จิ้งเจ๋อเชิดหน้า ทำท่าเยาะหยัน
หลินเช่อกลอกตา เธอยิ้มกว้างแล้วบอกว่า “แบบนี้เหมือนแลกน้ำลายกันเลยนะคะ คุณกินชามฉัน ฉันก็กินชามคุณ ไม่เห็นจะเป็นไรเลยนี่เนอะ”
“…” สีหน้าของกู้จิ้งเจ๋อเริ่มเปลี่ยนไป ทำไมคำพูดแบบนี้ถึงทำให้เขาอุ่นวาบอยู่ลึกๆ ข้างในได้นะ
หลินเช่อยังพูดต่อไปไม่หยุด “อันที่จริง การแลกเปลี่ยนน้ำลายกันนี่เป็นเรื่องดีต่อสุขภาพนะคะ มันช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน เราก็ป้องกันไม่ให้เราเป็นหวัดด้วย มาเถอะค่ะ มากินกันต่อเร้ว”
กู้จิ้งเจ๋อทำเสียงฮึดฮัดพลางมองหน้าอีกฝ่าย “ถ้ามันดีขนาดนั้น ก็ยังมีอีกวิธีที่สามารถแลกเปลี่ยนน้ำลายกันได้โดยตรงนะ ไอ้แลกกันกินแบบนี้มันออกจะยุ่งยากมากไปหน่อย”
“หือ” หลินเช่อมองเขาด้วยความฉงน
ดวงตาดำสนิทคู่นั่นเลื่อนมาจับจ้องยังริมฝีปากอิ่มเต็มที่ดูแวววาวอยู่ในแสงไฟ
หลินเช่อรู้สึกได้ เธอเข้าใจในทันทีว่าเขาหมายถึงอะไร
ใบหน้าของเธอแดงก่ำจนต้องยกมือขึ้นปิด นึกคำพูดใดไม่ออกทั้งสิ้น
กู้จิ้งเจ๋อมองดูหญิงสาวที่กำลังยืนหัวฟัดหัวเหวี่ยงเพราะคำพูดของตัวเองแล้วก็ยิ้มออกมาอย่างพึงใจ
แต่เขาก็ยังไม่อาจละสายตาจากริมฝีปากของเธอได้
จนกระทั่งรู้สึกว่าหลินเช่อกำลังจับตามองเขา ชายหนุ่มจึงเสมองไปเสียอีกทาง
หลินเช่อพ่นลมพรืดแล้วกระแทกตัวลงนั่ง กู้จิ้งเจ๋อมองอีกฝ่ายที่กำลังลงมือรับประทานอาหาร “หลินเช่อ เธอมีอะไรจะเล่าให้ฉันฟังหรือเปล่า”
เมื่อเห็นเธอยังมีอารมณ์ทำอาหารแบบนี้ กู้จิ้งเจ๋อก็อดโมโหขึ้นมาตงิดๆ ไม่ได้เหมือนกัน
หลินเช่อถามกลับ “เรื่องอะไรเหรอคะ”
กู้จิ้งเจ๋อยังสงวนท่าที “อย่างพวกข่าวลือหรือข่าวซุบซิบอะไรทำนองนั้น”
หลินเช่อชะงัก “อา เรื่องนั้นเอง มันก็แค่ข่าวลือน่ะค่ะ…ฉันเองก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน คุณอยากจะบอกกู้จิ้งอวี่เรื่องของเราไหมคะ เรื่องมันจะได้…”
“กู้จิ้งอวี่เป็นตัวปัญหาของครอบครัว ถ้าเขารู้เรื่องนี้ เขาอาจจะประกาศให้คนทั้งโลกได้รู้ เธออยากให้ทุกคนรู้เรื่องของเรางั้นเหรอ”
“อา…ไม่ละค่ะ” หญิงสาวส่ายหน้าโดยแรง
จะบ้ารึ ให้เธอประกาศว่าแต่งงานกับกู้จิ้งเจ๋อออกไปตอนนี้เนี่ยนะ ลำพังแค่ข่าวลือตอนนี้ก็อื้อฉาวไปถึงไหนแล้ว ถ้ายังมีเรื่องนี้อีกเธอยังจะเป็นนักแสดงต่อไปได้ยังไง
กู้จิ้งเจ๋อมองหน้าหญิงสาวอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์นัก ถึงแม้ว่าอยากจะปฏิเสธ แต่ชายหนุ่มก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียใจอยู่นิดๆ
“นี่เธอไม่อยากให้ใครรู้เรื่องของเราขนาดนั้นเชียวเหรอ” เขาถาม
หลินเช่อตอบ “ก็แน่สิคะ ถึงยังไงเราก็ต้องหย่ากันไม่ช้าก็เร็ว แล้วหลังจากนั้นฉันก็อาจจะได้แต่งงานใหม่ แล้วฉันก็ยังอยากจะทำงานแสดงอยู่ ทางบริษัทของฉันไม่รู้เรื่องที่ฉันแต่งงาน สัญญาของฉันระบุไว้ชัดเจนว่าห้ามฉันแต่งงานภายในเวลาสามปีนี้ นี่ฉันก็ละเมิดข้อตกลงไปแล้ว”
กู้จิ้งเจ๋อจ้องมองเธอนิ่งนาน ก่อนจะก้มหน้าลงคีบบะหมี่รับประทานต่อ
เขาถามอีกว่า “ถึงแม้ว่าเธอจะไม่อยากเปิดเผยความสัมพันธ์ระหว่างเรา แต่เธอก็ไม่ควรที่จะมีข่าวลือกับกู้จิ้งอวี่แบบนี้นะ จริงมั้ย”
“เรื่องนี้…ฉันรับประกันกับคุณได้เลยค่ะ ว่าฉันไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลยจริงๆ เรื่องนี้…” เธอไม่รู้เหมือนกันว่ากู้จิ้งอวี่เกิดบ้าคลั่งอะไรขึ้นมาถึงได้โพสต์ข้อความทำนองนี้ออกไป
เธอรู้สึกได้ว่ากู้จิ้งอวี่เป็นประเภทหัวขบถ แม้ว่าตัวเขาจะไม่มีข่าวลืออะไร และยังอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลอย่างเคร่งครัดจากต้นสังกัด แต่เขาก็ยังอุตส่าห์สร้างข่าวลือขึ้นมาเองได้อยู่ดี
“ทั้งหมดนี่เป็นฝีมือกู้จิ้งอวี่ทั้งนั้น ฉันไม่รู้อะไรด้วยเลยนะคะ” เธอไม่รู้จะพูดอะไรได้มากไปกว่านี้อีกแล้ว
กู้จิ้งเจ๋อตอบ “ฉันรู้ว่าเขาเป็นพวกดื้อด้าน แต่เขาก็ไม่ใช่คนไร้เหตุผลเหมือนกัน เธอได้บอกกับเขาอย่างตรงไปตรงมาหรือเปล่า ว่าเธอไม่ชอบที่เขาทำแบบนี้ ฉันเชื่อว่าเขาจะต้องเคารพความคิดของเธอ”
“ฉันบอกนะคะ แต่เขาก็ยังไม่ยอมลบโพสต์ในเวยป๋อนั่นอยู่ดี” หลินเช่อวิงวอนให้เขาลบมันจริงๆ นะ แต่กู้จิ้งอวี่ก็ยังเล่นเอาเถิดกับเธอและไม่สนใจคำร้องขอของเธอเลย
กู้จิ้งเจ๋อพูดต่อไป “เธอต้องปฏิเสธเขาไปตรงๆ อย่าปล่อยให้เขารังแกเธอได้ ถ้าเธอไม่รู้จะจัดการยังไง ฉันจะช่วยเธอเอง”
“หือ”
ชายหนุ่มพูดต่อ “เอาโทรศัพท์ของเธอมาสิ ฉันจะช่วยเธอส่งข้อความหาเขาเอง”
ชายหนุ่มยื่นมือออกมาด้วยสีหน้าเรียบเฉยไร้ซึ่งความรู้สึกใด