เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก - ตอนที่ 73
อวี๋หมินหมิ่นออกมาที่สถานีพร้อมกับหลินเช่อ ขณะที่เดินออกมาอวี๋หมินหมิ่นก็หันมาบอกว่า “โชคดีนะที่วันนี้เธอทำได้ไม่เลวเลย เธอคงไม่เจอปัญหาอะไรหรอก”
หลินเช่อพูดว่า “หลินลี่นี่พยายามหาโอกาสเล่นงานฉันทุกครั้งเลยนะคะ”
อวี๋หมินหมิ่นยิ้มเมื่อมองดูอีกฝ่าย “พวกเธอเป็นพี่น้องกันไม่ใช่เหรอ”
หลินเช่อรีบบอก “พอทีเถอะค่ะ ตระกูลหลินน่ะจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่ามีฉันเป็นลูกสาว พี่ก็อยู่กับฉันมานานพอที่จะรู้แล้วนี่คะ”
อวี๋หมินหมิ่นยิ้มและพูดต่อไปว่า “ฉันไม่ค่อยเข้าใจวิธีคิดแบบพวกคนรวยๆ เขาเท่าไหร่หรอก ครอบครัวของฉันเป็นแค่ชาวบ้านธรรมดา แค่ฉันมีเงินส่งให้แม่ทุกเดือนเอาไว้ใช้จ่ายกับเรื่องจำเป็นในชีวิตและให้น้องชายได้เรียนหนังสือก็ดีถมไปแล้ว”
หลินเช่อรีบแย้ง “ชาวบ้านอะไรกันคะ ฉันเองก็เป็นชาวบ้านธรรมดาเหมือนกันนะ”
อวี๋หมินหมิ่นบอก “เอาเถอะ เราสองคนก็เป็นส่วนหนึ่งของคนรุ่นที่ไม่มีครอบครัวคอยอุปถัมภ์ค้ำชูแล้วก็ต้องทำงานหนักด้วยตัวเองนี่แหละนะ แต่ถึงอย่างนั้นตอนนี้เธอก็ยังดีกว่าฉันอยู่ดี ดูสิว่ากู้จิ้งเจ๋อดีกับเธอขนาดไหน แถมตอนนี้อาชีพของเธอเองก็อยู่ในช่วงขาขึ้นอีกต่างหาก”
หลินเช่อร้อง “โอ๊ย พอเถอะค่ะ ก็คงมีแค่อาชีพฉันเท่านั้นแหละที่พึ่งได้ ส่วนผู้ชายคนนั้นน่ะ…”
“ทำไมล่ะ ฉันคิดว่ากู้จิ้งเจ๋อนี่ก็พึ่งพาได้มากทีเดียวนะ”
หลินเช่อบอก “เขาแค่ต้องมีส่วนสำคัญในการรับผิดชอบชีวิตฉันในช่วงนี้น่ะค่ะ”
“รับผิดชอบเหรอ” อวี๋หมินหมิ่นถามด้วยสุ้มเสียงแปลกใจ
หลินเช่อรีบพูดต่อ “ช่างเถอะค่ะ เรื่องมันซับซ้อนน่ะ ลืมมันไปเถอะนะคะ ฉันจะค่อยๆ พยายามไปทีละนิด ถึงยังไงฉันก็ต้องทำงานหนักเพื่ออาชีพการงานของตัวเอง”
อวี๋หมินหมิ่นบอก “ถูกต้องแล้วล่ะ ยังไงอาชีพของเราเองก็เป็นสิ่งที่พึ่งพาได้มากที่สุด”
“เงินของเรา เราต้องเป็นคนถือเองสินะคะ!”
อวี๋หมินหมิ่นยิ้มให้กับท่าทางตลกๆ ของอีกฝ่าย
หลินเช่อไม่คาดคิดเลยว่าในวันต่อมา ภาพวิดีโอของเธอจะถูกโพสต์ลงในอินเทอร์เน็ตโดยบุคคลหนึ่งซึ่งอยู่ในเหตุการณ์วันนั้น
ในวิดีโอ หลินเช่อกำลังฟาดส้นรองเท้าให้หักก่อนจะสวมกลับเข้าไปแล้วถ่ายทำต่อราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทุกคนรู้สึกว่าการทำเช่นนี้นั้น หลินเช่อดูเป็นมืออาชีพอย่างยิ่ง และการกระทำของเธอก็ดูมีเสน่ห์อย่างมากด้วย
นี่ทำให้ทุกคนคิดว่าแม่สาวคนนี้อึดอดทนมากแค่ไหน เธอสวยน่ารักแต่กลับไม่มีท่าทีเสแสร้งแกล้งทำเลย ช่างเป็นคนง่ายๆ เสียจริง
จำนวนแฟนๆ ที่มาติดตามหน้าเพจเวยป๋อของหลินเช่อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ตอนนี้โพสต์ของเธอในเวยป๋อมีคนเข้ามาคอมเมนต์กว่าพันคนแล้ว
ที่บ้าน หลินเช่อนั่งไล่ดูเวยป๋อเสียเกือบตลอดทั้งวัน เธอเอาแต่นั่งอ่านคอมเมนต์ต่างๆ และรู้สึกถึงความภาคภูมิใจในตัวเองที่พองโตจนคับอก
ข่าวสำหรับวันนี้ก็ถูกเผยแพร่อย่างรวดเร็ว พาดหัวข่าวนั้นเกี่ยวกับหลินเช่อและกู้จิ้งอวี่ที่มาร่วมถ่ายทำรายการด้วยกันและยังคงมีเคมีที่เข้ากันได้ดีมากตลอดการถ่ายทำ กู้จิ้งอวี่ช่วยปกป้องหลินเช่ออย่างหลักแหลม ส่วนหลินเช่อเองก็กลัวว่าจะโดนแฟนคลับของกู้จิ้งอวี่เล่นงาน
เมื่อเทียบกับนักแสดงหญิงคนอื่นๆ ที่มาร่วมถ่ายทำในวันนั้น หลินเช่อเป็นคนที่มีภาพออกอากาศมากที่สุดและได้รับความสนใจมากที่สุดในบรรดาทุกคน ทางบริษัทพอใจกับเรื่องนี้มากและบอกว่าผู้กำกับเองถึงกับมาพูดเป็นการส่วนตัวว่าหลินเช่อมีศักยภาพที่จะกลายเป็นดาราดังได้ในอนาคตทีเดียว
กู้จิ้งเจ๋อมองเห็นหญิงสาวนอนเอกเขนกอยู่บนโซฟาพร้อมยิ้มอยู่คนเดียวราวกับคนบ้า จึงเดินเข้ามาหาและถามว่า “เกิดอะไรขึ้นหรือ”
หลินเช่อรีบเล่าอย่างภาคภูมิ “ฉันรู้สึกว่าตัวเองน่าจะมีศักยภาพที่จะเป็นดาราดังได้น่ะค่ะ ดูสิคะ! จำนวนคนติดตามของฉันตอนนี้เพิ่มเป็นล้านคนแล้วนะ”
“จริงรึ” กู้จิ้งเจ๋อกวาดตามองแล้วยิ้มออกมา เขารู้สึกว่าหลินเช่อเป็นคนที่พอใจกับอะไรง่ายดายเอามากๆ “แฟนคลับของกู้จิ้งอวี่น่าจะเป็นสิบล้านแล้วมั้ง”
“…” หลินเช่อเงยหน้าขึ้น “ก็เขาเป็นดาราระดับตัวท็อปนี่คะ ฉันแค่ดาราหน้าใหม่เองนะ”
หลินเช่อกลับไปที่ห้องเตรียมตัวจะเข้านอน แต่แล้วเธอก็สังเกตเห็นว่าตู้เสื้อผ้าดูเหมือนจะถูกปรับเปลี่ยนใหม่ เธอเปิดตู้เสื้อผ้าใบหนึ่ง หยิบชุดนอนออกมาแล้วเดินเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำ หลังจากอาบเสร็จแล้ว หญิงสาวจึงได้รู้ว่าเสื้อผ้าที่หยิบมานั้นดูจะแปลกตากว่าที่เคย
เธอได้เห็นเมื่อส่องกระจกดู ถึงรู้ว่าชุดนอนที่สวมอยู่นั้นบางเบาเสียจนเรียกว่าแทบจะโปร่งแสงเลยทีเดียว…
หลินเช่อร้องเสียงหลงดังลั่นออกไปถึงข้างนอก “กู้จิ้งเจ๋อ ใครซื้อชุดนอนนี่มาน่ะ ทำไมมันถึงได้ประหลาดอย่างนี้”
กู้จิ้งเจ๋อถาม “ประหลาดยังไง”
หลินเช่อว่า “คือมัน…ประหลาดมากน่ะค่ะ”
ชายหนุ่มขมวดคิ้ว เขาเปิดตู้เสื้อผ้าและสำรวจดูก่อนจะตะโกนกลับเข้าไป “ฉันคิดว่ามันเป็นเสื้อผ้าใหม่ที่แม่ฉันส่งมาให้จากบ้านน่ะ”
“…” หลินเช่อพูดเสียงอ่อยๆ “รสนิยมของแม่คุณนี่สุดยอดไปเลยนะคะ ว่าแต่ทำไมท่านถึงได้ส่งชุดนอนโป๊ขนาดนี้มาให้ฉันละคะเนี่ย…”
“บางทีท่านคงอยากจะมีหลานเร็วๆ ละมั้ง…” เขาตอบยิ้มๆ
“…” หลินเช่อมองดูตัวเองในกระจกอย่างสิ้นหวัง “ช่วยหาชุดนอนตัวอื่นให้ฉันทีเถอะค่ะ!”
กู้จิ้งเจ๋อหันกลับไปมองเสื้อผ้าชุดอื่นที่เหลือในตู้ แต่ละชุดล้วนมีความโดดเด่นเฉพาะจุดในตัวเองจนทำให้ชายหนุ่มอดสงสัยขึ้นมานิดๆ ไม่ได้ เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าชุดนอนวาบหวิวพวกนี้จะดูเป็นอย่างไรบนตัวของหลินเช่อ
แม้จะควานหาอยู่พักใหญ่ แต่เขาก็ไม่เห็นชุดนอนปกติที่เธอสวมหลงเหลืออยู่เลย ดูเหมือนว่ามารดาของเขาจะตัดสินใจที่จะทำให้เขาและเธอได้ใกล้ชิดกันด้วยวิธีนี้ นั่นคือเหตุผลที่หล่อนส่งเสื้อผ้าแบบนี้มาให้เต็มไปหมด
กู้จิ้งเจ๋อร้องบอกไปว่า “ไม่มีเสื้อผ้าที่เธอใส่ได้เลย”
“งั้นฉันจะทำยังไงดีละคะ…” หลินเช่อคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้นว่า “ขอยืมเสื้อผ้าของคุณก่อนได้ไหมคะ ฉันจะได้มีอะไรใส่”
“ของฉันเหรอ” กู้จิ้งเจ๋อถาม “ก็ทนๆ ใส่ไปเถอะน่า มีส่วนไหนของเธอที่ฉันยังไม่เคยเห็นอีกหรือไง”
“ก็ฉันไม่อยากใส่นี่ ไม่ต้องกังวลไปหรอกค่ะ หลังจากใส่แล้วฉันไม่เอาคืนให้คุณหรอก คุณเองก็มีเสื้อผ้าตั้งเยอะตั้งแยะที่ยังไม่ได้ใช้ ให้ฉันยืมสักตัวจะเป็นไรไปเล่า”
ไม่นานหลังจากนั้น กู้จิ้งเจ๋อก็เคาะประตูห้อง หลินเช่อค่อยๆ แง้มประตูออกเพียงเล็กน้อย ไอน้ำจากการอาบน้ำของเธอก่อนหน้านี้ยังคงลอยอ้อยอิ่งอยู่ในห้องปะปนกับกลิ่นหอมจากครีมอาบน้ำที่เธอใช้ กู้จิ้งเจ๋อมองหน้าเธอแล้วก็พบว่าสองแก้มนั้นแดงก่ำจากการอาบน้ำทีเดียว ใบหน้าอ่อนเยาว์แสนสะอาดนั้นกระตุ้นความรู้สึกอยากปกป้องในตัวเขาให้พลุ่งพล่านขึ้นมาจนสั่นสะท้านไปทั่วร่างอย่างไม่อาจห้ามได้
หลินเช่อไม่ทันได้สังเกตท่าทีที่แปลกไปของชายหนุ่ม เธอรับเสื้อผ้าไปแล้วปิดประตูอย่างเร่งร้อน
หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วเดินออกมา เธอสวมชุดนอนตัวโคร่งของเขาพลางพูดอย่างภูมิใจนักหนาว่า “เป็นไงคะ ฉันฉลาดใช่มั้ยล่ะ”
เมื่อได้ยินเธอพูดเช่นนั้น กู้จิ้งเจ๋อจึงหันไปมอง แล้วเขาก็ได้เห็นกองผ้าขาวๆ เดินผ่านไป หลินเช่อใส่ชุดนอนของเขาอยู่ แต่มันทั้งใหญ่ทั้งหลวมจนดูจะทำให้ร่างของเธอยิ่งดูเล็กลงและบอบบางกว่าที่เคย แขนเสื้อนั้นยาวมากจนถูกม้วนขึ้นไป แขนขาวๆ ที่ลอดออกมานั้นแกว่งไกวไปมาเหมือนรากต้นไม้ คอเสื้อก็กว้างเกินไปจนเผยให้เห็นช่วงกระดูกที่เนินบ่าอันขาวสะอาด เนินอกที่แทบจะไม่ได้รับการปกปิดเผยออกมาให้เห็นอยู่รำไร กู้จิ้งเจ๋อต้องเบือนหน้าหนีในทันที ลูกกระเดือกของเขาขยับขึ้นลง โดยทั่วไปแล้วการที่ผู้หญิงสวมชุดนอนของผู้ชายแบบนี้มักสื่อถึงความสัมพันธ์ที่กำกวมยากจะเข้าใจ
และทำให้ใครบางคนเกิดความคิดแปลกๆ ขึ้นมาได้โดยง่ายด้วย
กู้จิ้งเจ๋อหันหน้ากลับไป “หลินเช่อ เปลี่ยนกลับไปใส่ชุดของเธอเถอะ”
หญิงสาวหันมาด้วยความแปลกใจ “ทำไมละคะ”
“ฉันจะให้คนออกไปซื้อชุดใหม่ให้” เขายืนขึ้นพลางพูดกับเธอ เขาไม่ยอมหันกลับมามองเธอด้วยซ้ำขณะที่เปิดประตูห้องออกไป
หลินเช่อเบ้ปาก “แต่ฉันไม่ทำมันพังหรอกนะคะ ก็ได้ ก็ได้ค่ะ ถ้าคุณไม่ชอบละก็ฉันคืนให้ก็ได้”
หลินเช่อบอก “แต่ถ้าคุณให้คนเอาเสื้อผ้ามาเปลี่ยนกับของในตู้ แล้วอย่างนี้แม่ของคุณจะไม่สงสัยเรื่องการแต่งงานของเราเหรอคะ”
ถึงอย่างไรเขาและเธอก็เป็นสามีภรรยากันแล้ว การจะใส่เสื้อผ้าวาบหวิวแบบนี้ก็ดูไม่น่าจะใช่ปัญหาใหญ่อะไรเลยสักนิด
กู้จิ้งเจ๋อเหลือบมองหลินเช่อขณะที่เดินกลับมาหา เขาเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “ฉันมีวิธีทำให้พวกเขาหายสงสัย”
หลินเช่อมองหน้าเขาด้วยความสับสน มุมปากของกู้จิ้งเจ๋อกระตุกขึ้นเป็นรอยยิ้ม เขาหยิบเสื้อผ้าบางเบาของหลินเช่อขึ้นมา เมื่อเขาออกแรงมือทั้งสองข้าง เนื้อผ้าบอบบางนั้นก็ขาดออกจากกันอย่างง่ายดาย
สีหน้าของหลินเช่อตกใจอย่างที่สุด
กู้จิ้งเจ๋อเปิดประตูแล้วร้องบอกออกไปว่า “นี่มันชุดอะไรกัน ดึงทีเดียวก็ขาดหมดแล้ว ช่วยเอาชุดของคุณผู้หญิงไปเปลี่ยนเป็นอะไรที่มันทนมือกว่านี้ทีสิ”
เขาวางชุดนอนที่ขาดทิ้งไว้ สาวใช้สองสามคนอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองกันและกันโดยไม่พูดอะไรเมื่อมองเห็นชุดที่ขาดวิ่นนั่น
ชุดพวกนี้ไม่สามารถรับมือกับความตื่นเต้นเกินเหตุได้หรอกเหรอ
ที่ด้านหลัง หน้าของหลินเช่อแดงก่ำไปทั้งหน้า
อีตากู้จิ้งเจ๋อบ้านี่…
สาวใช้รีบไปนำชุดนอนปกติมาให้ พวกเธอเหลือบด้วยสายตาหยอกเย้าราวกับจะพูดว่า พวกเธอสองคนนี่ออกจะเร่าร้อนกันเกินไปหน่อยแล้วนะ…