เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก - ตอนที่ 77
“อะไรนะ” โม่ฮุ่ยหลิงไม่คาดคิดว่าหลินเช่อจะกล้าโต้ตอบเธอเช่นนี้
หลินเช่อพูดต่อไปว่า “ใช่ค่ะ ฉันออกมาเดินอยู่บนถนนกับเขาและเรากำลังจะเดินกลับบ้าน นั่นเป็นเพราะในสายตาฉันแล้ว เขาไม่ใช่ผู้ชายที่กำลังตกอยู่ในอันตราย แต่เขาเป็นคนที่มีสิทธิ์ที่จะสนุกสนานกับการใช้ชีวิตและมีสิทธิ์ที่จะทำตัวเหมือนคนปกติธรรมดา เขาเป็นสามีของฉัน และเราสองคนก็นอนร่วมเตียงเดียวกัน ดูจากสถานะและความสัมพันธ์ของเราแล้ว ฉันก็ไม่เห็นว่าจะมีปัญหาว่าเราจะสามารถทำอะไรได้หรือไม่ได้ เขาช่วยฉันถือของและเดินมาเป็นเพื่อนฉันก็เพราะว่าเราเป็นสามีภรรยากัน!”
“นี่เธอ”
“แน่นอนว่าฉันไม่เข้าใจว่าอันตรายที่คุณกำลังพูดถึงคืออะไร เพราะในสายตาฉัน เขาไม่ใช่บุคคลสำคัญอะไรทั้งนั้น เขาเป็นสามีของฉัน!”
หน้าของโม่ฮุ่ยหลิงกลายเป็นสีม่วงด้วยความโกรธจัดจากคำพูดของหลินเช่อ
หลินเช่อหัวเราะคิก “เพราะฉะนั้นมันไม่สำคัญหรอกถามว่าคุณจะมองฉันต่ำกว่าแค่ไหน เพราะฉันเป็นภรรยาของกู้จิ้งเจ๋อค่ะ คุณหนูโม่ผู้ยิ่งใหญ่ ฉันไม่จำเป็นจะต้องให้คุณมาคอยวิพากษ์วิจารณ์ชีวิตฉันกับกู้จิ้งเจ๋อหรอกนะคะ”
เมื่อเธอพูดจบก็หมุนตัวและเดินออกไปทันที
หลินเช่อระบายลมหายใจยาวเมื่อเธอก้าวออกมาข้างนอก หญิงสาวยืนอยู่ตรงประตูทางเข้าแล้วแหงนหน้ามองท้องฟ้าที่เรื่อเรืองด้วยแสงไฟนีออน
เธอนึกกังวลว่าตัวเองจะกลายเป็นภาระของกู้จิ้งเจ๋อเพราะความแตกต่างระหว่างวิถีชีวิตของเขาและเธอนั้นมากมายเหลือเกิน มีหลายอย่างที่เธอไม่เข้าใจและอีกหลายอย่างที่เธอรู้สึกสับสน
เธอหลับตาแล้วถอนหายใจ ก่อนจะเริ่มออกเดิน
เมื่อกู้จิ้งเจ๋อกลับเข้ามาจากด้านนอก เขาก็ได้เห็นเพียงโม่ฮุ่ยหลิงที่นั่งอยู่เพียงลำพังในคาเฟ่
เมื่อเห็นชายหนุ่มกลับมา โม่ฮุ่ยหลิงก็ซบหน้าลงร้องไห้กับโต๊ะ
กู้จิ้งเจ๋อชะงัก ก่อนจะเดินเข้าไปหาแล้วถามว่า “เกิดอะไรขึ้นน่ะฮุ่ยหลิง”
โม่ฮุ่ยหลิงมองเขาด้วยสีหน้าทุกข์ทรมานน่าสงสารจะขาดใจ “คุณรู้มั้ยคะว่าคราวนี้หลินเช่อทำอะไรกับฉัน”
คิ้วของชายหนุ่มขมวดเข้าหากัน “เขาทำอะไรเหรอ”
“เธอบอกฉันว่าคุณกับเธอเป็นสามีภรรยากัน ไม่ว่าเธอจะทำอะไรก็ไม่ใช่เรื่องผิด และทุกอย่างที่ฉันทำก็ผิดทั้งหมด เธอกับคุณมีความสัมพันธ์ที่เท่าเทียมกัน ถ้าอย่างนั้นแล้วฉันอยู่ในฐานะอะไรละคะ จิ้งเจ๋อ ฉันเป็นมือที่สามอย่างนั้นเหรอ แต่ก็เห็นอยู่นี่นาว่าคุณกับฉันเป็นคนรักกัน แล้วทำไมเธอถึงพูดแบบนั้นล่ะ ทำไมเธอถึงทำร้ายฉันแบบนี้คะ”
กู้จิ้งเจ๋อมองหน้าโม่ฮุ่ยหลิง “เขาพูดอย่างนั้นจริงๆ น่ะเหรอ”
“ก็จริงน่ะสิคะ” โม่ฮุ่ยหลิงว่า “ถ้าคุณไม่เชื่อแล้วละก็ คุณลองไปถามเธอดูก็ได้ว่าเธอได้พูดหรือเปล่าว่าคุณกับเธอเป็นสามีภรรยากัน ตอนที่คุณอยู่ด้วยเธอไม่ยอมพูดอะไรสักคำ แต่พอคุณลุกไปเท่านั้นแหละ เธอก็เริ่มพูดพล่ามเรื่องแบบนี้กับฉันไม่ยอมหยุด นี่ตกลงเธอหมายความว่ายังไงกันแน่คะ!”
“พอทีเถอะ ฮุ่ยหลิง ฉันคิดว่าเธอน่าจะเข้าใจเขาผิดไป” กู้จิ้งเจ๋อว่า
“เป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ!” โม่ฮุ่ยหลิงร้อง “ฉันไม่ได้โง่นะคะ ฉันได้ยินเธอพูดทุกคำชัดเจนเต็มสองหู ทำไมละคะจิ้งเจ๋อ นี่คุณไม่เชื่อฉันเหรอ”
กู้จิ้งเจ๋อถอนหายใจ เขานั่งลงแล้วมองหน้าเธอ “ไม่ใช่อย่างนั้น ฉันแค่รู้สึกว่าหลินเช่อไม่ใช่คนแบบนั้น เธออาจจะเข้าใจเขาผิดก็ได้ ก็เลยแปลความหมายคำพูดของเขาผิดไป เอาล่ะ ฮุ่ยหลิง อย่าร้องไห้อีกเลย”
แต่โม่ฮุ่ยหลิงกัดริมฝีปากและยิ่งหัวเสียหนักกว่าเดิม
ชายหนุ่มจึงเอ่ยขึ้นว่า “ไปกันเถอะ ฉันจะให้คนไปส่งเธอที่บ้าน”
“แล้วคุณไม่ไปกับฉันด้วยเหรอคะ” โม่ฮุ่ยหลิงถามอย่างใจเสียขณะเงยหน้าขึ้นมอง
กู้จิ้งเจ๋อไม่เห็นหลินเช่อ เขาอยากจะออกไปตามหาว่าเธอหายไปไหนและมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขานึกกังวลขึ้นมานิดๆ ว่าเธอน่าจะโกรธ หลังจากครุ่นคิดอยู่เป็นครู่ เขาก็ตัดสินใจบอกโม่ฮุ่ยหลิงว่า “เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะไปหา แต่ตอนนี้ฉันยังมีเรื่องสำคัญที่ต้องรีบไปทำ”
โม่ฮุ่ยหลิงจำได้ว่าชายหนุ่มรีบร้อนออกไปรับโทรศัพท์ เธอจึงคิดว่าเขาน่าจะมีธุระด่วนจริงๆ
หญิงสาวคิดว่าเธอต้องทำตัวให้ต่างจากหลินเช่อที่ไม่เคยใส่ใจตารางงานอันยุ่งเหยิงของเขาเลย หญิงสาวยกแขนตัวเองขึ้นคล้องกับแขนเขา พยายามระวังไม่ให้ถูกตัวเขาเพื่อป้องกันไม่ให้อาการของชายหนุ่มกำเริบ เธอเงยหน้ามองใบหน้าคมสันไร้ที่ติของอีกฝ่ายแล้วพูดกับเขาเบาๆ ว่า “ถ้าอย่างนั้นก็รีบไปจัดการธุระของคุณเถอะค่ะ พยายามอย่าให้เหนื่อยเกินไปนะคะ เดี๋ยวร่างกายจะแย่ ฉันรู้ว่าคุณงานยุ่ง ฉันไม่กวนคุณหรอกค่ะ”
กู้จิ้งเจ๋อสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วบอกเธอว่า “กลับบ้านเถอะ”
“ค่ะ พรุ่งนี้อย่าลืมมาหาฉันทันทีที่คุณว่างนะคะ ฉันจะคอยค่ะ”
“ตกลง” รับคำด้วยน้ำเสียงจริงจัง
เมื่อโม่ฮุ่ยหลิงกลับไปแล้ว กู้จิ้งเจ๋อก็ถามบรรดาบอดี้การ์ดว่าคุณผู้หญิงหายไปไหน แล้วไม่ช้าก็มีรายงานเข้ามาว่าพวกเขาพบหลินเช่อกำลังเดินเตร็ดเตร่อยู่ลำพังคนเดียวที่ริมถนนระหว่างทางกลับบ้าน
กู้จิ้งเจ๋อเดินตามมาจนทันแล้วเอ่ยถามว่า “ทำไมถึงออกมาคนเดียวอย่างนี้ล่ะ”
หลินเช่อคิดว่าเขาน่าจะอยู่ปลอบโยนคนรักอีกสักพักใหญ่ แต่มาเห็นชายหนุ่มตามมาด้วยความรวดเร็วเช่นนี้ เธอจึงถามด้วยความแปลกใจว่า “ทำไมคุณไม่อยู่เป็นเพื่อนคุณหนูโม่แล้วพูดคุยกับเธอละคะ”
ได้เห็นโม่ฮุ่ยหลิงโกรธจัดขนาดนั้น หลินเช่อก็รู้ดีว่าอีกฝ่ายคงไม่พูดเรื่องดีๆ ของเธอหลังจากที่ลุกออกมาอย่างแน่นอน
กู้จิ้งเจ๋อเลิกคิ้วพลางมองหน้า “ทำไมล่ะ เธออยากให้เราคุยกันนานกว่านี้เหรอ”
หลินเช่อตอบ “ก็ใช่น่ะสิคะ นานๆ ทีพวกคุณถึงจะมีโอกาสได้เจอกัน”
“เธอนี่ช่างคิดจริงนะ” เขาควรชื่นชมในความใจกว้างและทำตัวเป็นภรรยาที่ดีของเธอหรือเปล่านี่
หลินเช่อมองหน้าเขา “แน่นอนค่ะ ฉันเป็นคนแบบนี้แหละ ฉันจำสำนวนที่เขาใช้เรียกกันไม่ได้แล้ว ที่เอาไว้พูดถึงคนที่จิตใจกว้างขวางมาก ๆ น่ะค่ะ”
“ยิ่งอดทนก็ยิ่งเป็นคนยิ่งใหญ่น่ะเหรอ”
“ใช่ ใช่ค่ะ นั่นแหละ ฉันเป็นคนแบบนั้นเลย”
กู้จิ้งเจ๋อก้มหน้าลงแล้วกวาดตามองไปที่หน้าอกของอีกฝ่าย
“อืม หน้าอกของเธอก็ใหญ่จริงๆ นั่นแหละ”
หลินเช่อก้มลงแล้วรีบยกมือขึ้นปิดหน้าอกตัวเอง “ไปให้พ้นเลยนะ อีตาคนนิสัยไม่ดี!”
กู้จิ้งเจ๋อยิ้ม แค่ได้เห็นเธอโมโหเขาก็รู้สึกสบายใจแล้ว
ถึงอย่างไรเขาก็ยังจำสิ่งที่โม่ฮุ่ยหลิงพูดได้ เขาเอียงคอแล้วถามเธอว่า “เธอบอกโม่ฮุ่ยหลิงว่าเราเป็นคู่สามีภรรยากันแล้วอย่างนั้นเหรอ เพราะฉะนั้นไม่ว่าเราจะทำอะไรมันก็เลยไม่ผิดน่ะ”
เธอรู้อยู่แล้วว่ายัยโม่ฮุ่ยหลิงจะต้องไม่พูดถึงเธอดีๆ แน่
ดูเหมือนเธอจะไม่ได้พูดให้ออกไปในแง่นั้น แต่ปัญหาก็คือถ้าหล่อนเลือกตีความแบบนี้ มันก็ไม่ผิดอีกเหมือนกัน
“ใช่ค่ะ ก็แล้วไม่จริงเหรอคะ” หลินเช่อตั้งใจตีหน้าซื่อและเอียงคอมองเขาบ้าง
กู้จิ้งเจ๋อมองหน้าหญิงสาวที่กำลังกะพริบตาเอียงคอทำหน้าซื่อ เธอดูน่ารักเหลือเกินจนกู้จิ้งเจ๋อต้องส่ายหน้าอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดี
“ใช่ๆ คำพูดของเธอน่ะถูกต้องแล้วล่ะ”
หลินเช่อบอก “แน่นอนสิคะ ก็คุณเป็นสามี ส่วนฉันก็เป็นภรรยา คุณเองก็พูดอยู่บ่อยๆ ไม่ใช่เหรอคะว่าเราเป็นคู่แต่งงานกัน แล้วคุณก็มีหน้าที่ที่จะต้องคอยดูแลฉัน เพราะฉะนั้นการมาเดินเป็นเพื่อนฉันริมถนนและช่วยฉันถือของแบบนี้ก็เป็นหน้าที่ที่สามีควรจะทำ ไม่ถูกเหรอคะ คุณสามีขา”
เธอเริ่มกล้ากับเขามากขึ้นทุกที เธอฉุดแขนเขาเอาไว้เมื่อเดินเข้ามาใกล้และแกว่งตัวไปมาทั้งที่โหนท่อนแขนนั้นไว้ “บอกฉันสิคะ คุณสามี ว่าฉันพูดถูกหรือเปล่า”
กู้จิ้งเจ๋อรู้สึกเหมือนหัวใจกำลังจะละลาย เขาไม่อาจกลั้นรอยยิ้มไว้ได้และมองดูเธอก่อนจะตอบออกไปว่า “โอเค เธอพูดถูกแล้ว”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลินเช่อก็ยิ้มออกมา เธอเห็นว่าพวกเธอเดินใกล้ถึงบ้านแล้ว ทั้งคู่จึงเดินเข้าไปพร้อมกัน
เมื่อเข้ามาถึงในตัวบ้าน หลินเช่อก็กุลีกุจอแกะห่อสบู่แฮนด์เมดที่ทั้งคู่ช่วยกันทำออกมากองเอาไว้
ถึงแม้ว่าเมื่อมาถึงบ้านแล้วหน้าตาของมันจะดูประหลาดอยู่สักหน่อย แต่สีของมันก็สวยเข้าทีอยู่เหมือนกัน เธอชักไม่อยากใช้มันเสียแล้วสิ
กู้จิ้งเจ๋อมองอยู่ด้านหลัง เขาชี้ไปยังกองสบู่ที่หลินเช่อเป็นคนทำแล้วพูดว่า “กองนี้นี่หน้าตาน่าเกลียดที่สุดเลย”
“เป็นไปไม่ได้ นี่เขาเรียกว่าศิลปะต่างหากละคะ คุณไม่เข้าใจล่ะสิ เหมือนผลงานของปิกัสโซ่น่ะ เขาเรียกว่าศิลปะแนวแอบสแตรกต์ค่ะ”
กู้จิ้งเจ๋อส่ายหัวแล้วพูดว่า “เธอนี่ไม่เก่งเรื่องใช้มือใช้เท้าเอาเลยนะ ที่แย่กว่านั้นคือยังเอาแต่คอยจะหาเรื่องแก้ตัวอยู่เรื่อยอีกต่างหาก”
หลินเช่อหันมาทำตาเขียวใส่
เมื่อได้เห็นทั้งสองคนดูมีความสุขเช่นนี้ สาวใช้ที่ยืนมองอยู่ด้านข้างของห้องก็อดแทรกขึ้นมาไม่ได้ “คุณผู้หญิง ท่านคะ พวกคุณเป็นคนทำสบู่นี่เหรอคะ มันออกมาดูดีทีเดียวเลยนะคะ”
หลินเช่อรีบหันหน้าไปทันที “ใช่มั้ยล่ะ อันที่สวยๆ น่ะฉันทำเองทั้งนั้น ส่วนที่น่าเกลียดนี่กู้จิ้งเจ๋อเป็นคนทำ”
เธอหยิบสบู่ที่ช่วยกันทำขึ้นมาพินิจดู “ฉันจะทำยังไงดี ฉันไม่กล้าเอามาใช้หรอก”
กู้จิ้งเจ๋อโน้มตัวเข้ามาใกล้ “ไม่เห็นจะมีเหตุผลเลยที่เธอจะไม่ใช้มัน เรากลับไปทำมันใหม่อีกเมื่อไหร่ก็ได้น่า” พูดแล้วก็เขาก็หยิบสบู่ขึ้นมาเล่น ยิ้มออกมาเมื่อเห็นชื่อเธออยู่บนก้อนสบู่และบอกว่า “เธอใช้ก้อนที่ฉันทำ ส่วนฉันจะใช้ก้อนที่เธอทำไงล่ะ”
เมื่อได้ยินแบบนั้น หลินเช่อก็เริ่มหน้าแดงก่ำ
กู้จิ้งเจ๋อก้มหน้าลงมาแล้วพูดต่อไปอีกว่า “แล้วเวลาที่เธอใช้ เธอจะไม่รู้สึกว่าฉันกำลังสัมผัสเธอไปทั่วทั้งตัวหรอกเหรอ”