เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก - ตอนที่ 96
หญิงสาวบนเตียงร้องขึ้นมา “เธอพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง! ”
“ก็หมายความอย่างที่พูดนั่นแหละ”
“นี่เธอ…”
หลินเช่อพูดต่อไป “ตอนนี้ปัญหาของครอบครัวอวี๋คือปัญหาของฉัน ฉันมีเงินมาด้วย และฉันจะชดใช้เงินส่วนที่พ่อของอวี๋หมินหมิ่นเป็นหนี้คุณเท่านั้น ส่วนหนี้อื่นที่ไม่เกี่ยวกับครอบครัวอวี๋ พวกคุณอย่าหวังเลยว่าจะได้เงินแม้แต่แดงเดียว”
นานะที่กำลังนอนอยู่บนเตียงไม่พอใจกับข้อเสนอดังกล่าวแม้แต่น้อย ส่วนต่างของเงินห้าล้านกับสองแสนนั่นมันไม่ใช่น้อยๆ เลย
หญิงสาวลุกพรวดขึ้นทันที “ไม่มีทาง ต้องห้าล้านเท่านั้น ห้ามขาดแม้แต่แดงเดียว ไม่อย่างนั้นฉันจะส่งเขาเข้าคุก”
หลินเช่อยิ้ม “เธอคงจะเสียสติไปแล้วละมั้งที่หวังจะได้เงินก้อนใหญ่ขนาดนั้นน่ะ”
ระหว่างนั้น กู้จิ้งเจ๋อที่กำลังเฝ้ามองทุกคนจากทางด้านหลังก็เอ่ยขึ้นว่า “เราจะจ่ายใช้หนี้ที่ติดเอาไว้ให้เพื่อที่พวกนายจะได้หุบปากซะ แต่ถ้าวิธีการง่ายๆ แบบนี้ยังทำให้พวกนายหุบปากไม่ได้ละก็ ฉันมีวิธีอื่นที่จะทำให้พวกนายพูดไม่ได้อีกเลย เพราะงั้นจะเลือกทางง่ายๆ หรืออยากจะให้เรื่องมันซับซ้อนขึ้นกว่านี้ก็แล้วแต่นะ”
ชายหญิงทั้งสองมองหน้ากันก่อนจะหันกลับไปมองกู้จิ้งเจ๋อ แล้วสีหน้าของทั้งคู่ก็เปลี่ยนไป
นานะยังอยากจะโต้เถียงอะไรออกมา ทว่าลู่ชิงหงกลับเป็นฝ่ายห้ามเอาไว้
เขาปรายตามองเพียงครั้งเดียวก็สามารถบอกได้แล้วว่ากู้จิ้งเจ๋อไม่ใช่ชายหนุ่มสามัญทั่วๆ ไป
เสื้อผ้าที่สั่งตัดอย่างประณีต ใบหน้าคมสันหมดจดและรัศมีบางอย่างที่ดูจะมีอำนาจเหนือทุกคนในห้องนี้
เขากลอกตาแล้วรู้ได้ในทันทีว่าผู้ชายตรงหน้าไม่ใช่คนธรรมดา และเขาอาจไม่มีทางเอาชนะผู้ชายคนนี้ได้ ไม่อย่างนั้นแล้วอีกฝ่ายคงไม่กล้ามาถึงที่นี่เพียงลำพังตัวคนเดียวด้วยท่าทีอาจสงบเฉยเมยเช่นนี้แน่
สมาชิกคนอื่นของตระกูลลู่กำลังใกล้จะมาถึงแล้ว ทุกคนล้วนเป็นนักเลงหัวไม้ แต่เขาก็ไม่แน่ใจนักว่าจะทำให้ชายผู้นี้รู้สึกร้อนใจได้หรือเปล่าอีกนั่นแหละ
ลู่ชิงหงจึงพูดขึ้นทันทีว่า “เรื่องนี้เราคงพอจะคุยกันได้อยู่ ว่าแต่ผมขอทราบหน่อยได้ไหมว่าสุภาพบุรุษท่านนี้เป็นใครกัน”
สายตาของกู้จิ้งเจ๋อกวาดมองมาอย่างไม่เอาใจใส่ “ถ้านายยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฉันเป็นใครละก็ นั่นก็แปลว่านายไม่คู่ควรที่จะได้มาเสนอหน้ายืนพูดกับฉันแบบนี้”
“แก…” สีหน้าของลู่ชิงหงบึ้งตึง
เขาอยากจะตะคอกใส่กลับไปให้สาแก่ใจ แต่ทั้งหมดที่ทำได้มีเพียงแค่ยืนมองกู้จิ้งเจ๋อและไม่อาจพูดอะไรออกไปได้อีก
“นายไม่อยากบอก หรือเพราะตัวนายเองไม่มีอะไรให้ต้องพูดถึงกันแน่ล่ะเนี่ย” ลู่ชิงหงยิ้มเยาะ
กู้จิ้งเจ๋อตอบ “คำพูดประเภทนี้มันไร้ค่าสำหรับฉัน ที่ฉันตั้งใจจะบอกมีแค่ว่านายไม่สมควรที่ได้มายืนพูดกับฉัน แต่ในเมื่อนายเข้ามาเกี่ยวข้องกับปัญหาของผู้หญิงของฉันแบบนี้แล้ว ฉันก็ต้องเข้ามาช่วยจัดการ”
กู้จิ้งเจ๋อพูดก่อนที่จะโยนนามบัตรของตัวเองลงตรงหน้าอีกฝ่าย
มันร่อนลงบนโต๊ะอย่างพอดิบพอดี
ลู่ชิงหงก้มลงหยิบนามบัตรขึ้นดู แล้วหน้าเขาก็ถอดสีไปในทันที
ครอบครัวนายอวี๋เข้าไปเกี่ยวข้องกับคนระดับนี้ได้ยังไงกันนะ
ลู่ชิงหงหน้าซีด แต่เขายังไม่ยอมแพ้ง่ายๆ
เขาทำเสียงเยาะๆ ขณะพูดขึ้นว่า “เงินแค่ห้าล้านดูน่าจะเป็นแค่เรื่องขี้ผงสำหรับคุณกู้ไม่ใช่เหรอครับ แล้วทำไมล่ะ ไม่มีปัญญาจ่ายหรือยังไง”
กู้จิ้งเจ๋อตอบอย่างดูแคลนว่า “ฉันหาเงินทุกเหรียญมาด้วยตัวเอง ฉันไม่อยากจะต้องเสียไปเพราะขยะไร้ค่าแบบนี้”
“แก…” อีกฝ่ายตะโกน “กู้จิ้งเจ๋อ อย่าอวดดีไปหน่อยเลย! เงินพวกนั้นก็คงจะเป็นเงินสกปรกบ้างแหละน่า หรือว่าไม่จริง! ”
กู้จิ้งเจ๋อตอบเยือกเย็นว่า “ก็ตราบใดที่เงินสกปรกพวกนี้ใช้จัดการคนอย่างนายได้ มันก็พอแล้วไม่ใช่เหรอ”
ลู่ชิงหงได้แต่จ้องเขม็ง กับคนตระกูลกู้แบบนี้ ไม่ว่าเขาจะทำอะไรก็คงไม่อาจทำให้อีกฝ่ายสะดุ้งสะเทือนได้
แต่ถ้าให้ถอยตอนนี้ก็เท่ากับเป็นฝ่ายแพ้น่ะสิ
หลินเช่อที่เฝ้าดูเหตุการณ์อยู่เสริมขึ้นว่า “เราจะยอมจ่ายให้แค่สองแสนเท่านั้น จะเอาหรือไม่เอา”
“ไม่มีทาง เฮ้ นี่เห็นพวกเราเป็นอะไรกัน ขอทานงั้นเหรอ”
หลินเช่อตอบ “เท่าที่ดูจากการกระทำแล้ว เป็นขอทานยังไม่ได้เลยด้วยซ้ำ”
นานะลุกพรวดขึ้นมทันทีและตะโกนใส่หลินเช่อเสียงลั่นว่า “นังสารเลว แกพูดอะไรน่ะ ฉันขอท้าให้แกลองพูดอีกครั้ง! ”
ลู่ชิงหงตกใจแทบสิ้นสติ เขารีบเอามือปิดปากนานะ
นานะดิ้นรนและถลึงตามองชายหนุ่มอย่างหัวเสีย
แต่ลู่ชิงหงก็ไม่ยอมปล่อย เขาหันไปบอกกู้จิ้งเจ๋อว่า “เธอไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่น่ะ แต่เรื่องที่เกิดขึ้นนี่ ส่วนหนึ่งก็เป็นความผิดของคนครอบครัวอวี๋ด้วยนะ”
กู้จิ้งเจ๋อว่า “ถ้าทุกอย่างสามารถตั้งราคาได้ละก็ งั้นฉันจะบอกว่า ต่อให้เรียกเงินสิบล้านแทนค่าเสียหายที่ผู้หญิงคนนั้นด่าว่านังสารเลวก็ยังไม่พอ”
“อะไรกัน แกมีสิทธิ์อะไรฮะ! ” นานะขึ้นเสียงอีกรอบ
หน้าของลู่ชิงหงยิ่งเผือดสีหนักขึ้นไปอีก เขารีบละล่ำละลักตอบตกลง “ฉัน…ก็ได้ ฉันขอรับเงินสองแสนก็ได้” เขาพูดพลางเอื้อมมือไปหยิบเช็คที่วางอยู่บนโต๊ะ
หลินเช่อมองดูอีกฝ่ายแล้วบอกว่า “แต่ฉันยังต้องขอเตือนนะว่าเงินสองแสนนี่สำหรับใช้หนี้ให้กับครอบครัวอวี๋เท่านั้น พวกนายจะต้องไม่เข้าใกล้คนของครอบครัวอวี๋อีกเป็นอันขาด ถ้านายเห็นเขาเข้าไปใกล้บ่อนการพนันอีกละก็ นายจะต้องไล่เขาไปซะ! ”
“อะไรกัน เรื่องแบบนี้มันพูดยากนะ” ลู่ชิงหงยังคงคิดหาลู่ทางที่จะหาโอกาสจัดการกับครอบครัวอวี๋ไม่เลิกรา
ลูกสาวของหมอนั่นสวยเด็ดอย่างกับนางฟ้า ถ้าได้ตัวหล่อนมาเป็นสาวบริการที่บ่อนของเขาละก็ หล่อนคงจะไปได้ไกลมากทีเดียว
เขาเฝ้าดูคนในครอบครัวนี้มาได้พักใหญ่และจัดแจงวางแผนทุกอย่างเอาไว้หมดแล้ว แต่ไม่คิดเลยว่า…
กู้จิ้งเจ๋อเอ่ยขึ้น “ถ้านายไม่ไล่เขาไปละก็ ฉันจะส่งคนของฉันมาช่วยจัดการเอง แต่มันอาจจะทำให้นายทำมาค้าขายลำบากอยู่สักหน่อยนะ”
“แก…”
ถ้าให้ตระกูลกู้มาลงมือเรื่องนี้ละก็เห็นทีจะไม่ไหวแน่
ลู่ชิงหงไม่สบอารมณ์เท่าไหร่แต่ก็ทำได้เพียงตอบไปว่า “มั่นใจได้เลย คุณกู้ ว่าในอนาคตครอบครัวอวี๋จะไม่ได้เข้าใกล้บ่อนของตระกูลลู่เราอีกอย่างแน่นอน ผมให้สัญญา”
“ฉันจะรอดู” กู้จิ้งเจ๋อพูดจบก็หันหลังและลากเอาหลินเช่อออกไปพร้อมกันด้วย
หลินเช่อเหลียวหันกลับมามองหญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียงก่อนจะเดินตามกู้จิ้งเจ๋อออกจากห้องไป
เมื่อเห็นคนทั้งสองกลับออกไปแล้ว หญิงสาวบนเตียงก็ผลักลู่ชิงหงด้วยความโมโหจัด
“เธอมันไม่ได้เรื่องเลย! ฉันโดนฟาดขนาดนั้น แต่เธอกลับยอมแลกกับเงินแค่สองแสนแค่นี้น่ะเหรอ ฉันรับไม่ได้! ”
ลู่ชิงหงตบหล่อนเสียงดังฉาดใหญ่ ทำเอาอีกฝ่ายนิ่งอั้นไปด้วยไม่คาดคิดว่าจะโดน
“รู้หรือเปล่าว่าฉันเพิ่งช่วยชีวิตเธอเอาไว้น่ะ! ”
“ว่าไงนะ” หล่อนถามด้วยความงุนงง
ลู่ชิงหงพ่นลมพรืด “เธอจะไปหาเรื่องใครก็ได้ทั้งนั้น แต่นั่นคือกู้จิ้งเจ๋อ เธอกล้าไปมีเรื่องกับตระกูลกู้งั้นเหรอ”
“กะ…กู้จิ้งเจ๋อเหรอ” หญิงสาวตกใจสุดขีดจนยกมือขึ้นมาทาบแก้ม
ลู่ชิงหงพึมพำต่อไปว่า “ฉันเองก็ไม่ได้อยากทำอย่างนี้ แต่ฉันไม่ขอเอาชีวิตไปแลกกับศักดิ์ศรีหรอกนะ ไม่เห็นหรือไงว่าฉันเองก็โกรธขนาดไหน แต่ฉันไม่ใช่คนที่จะรับมือหมอนั่นได้เลย เราคงทำได้แค่ด่าทอไอ้พวกคนตระกูลอวี๋ที่ทำแบบนี้เท่านั้นแหละ ถ้าพวกนั้นรู้จักกับตระกูลกู้แบบนี้ ต่อไปเราก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกเหนือจากต้องอยู่ให้ห่างพวกคนบ้านนั้นเอาไว้”
หญิงสาวนิ่งฟัง เมื่อคิดถึงบุรุษที่ทรงอำนาจผู้นั้นแล้ว หัวใจเธอก็เริ่มนึกริษยาขึ้นมาทีละน้อยด้วยความปรารถนา
แต่แย่หน่อยที่ผู้หญิงธรรมดาอย่างเธอคงไม่อาจเอื้อมไปได้ถึงขนาดนั้น ด้วยมาตรฐานอย่างเธอ การคว้าผู้ชายอย่างลู่ชิงหงมาได้ก็นับว่าดีมากแล้ว เธอไม่กล้าหวังจะขึ้นไปทาบครอบครัวระดับท็อปคลาสของสังคมอย่างตระกูลกู้หรอก
เมื่อหลินเช่อจัดการกับเรื่องทุกอย่างเป็นที่เรียบร้อย เธอก็ตามไปพบกับอวี๋หมินหมิ่นที่โรงแรม
อวี๋หมินหมิ่นมาพักอยู่ที่โรงแรมได้หลายวันแล้ว เธอคอยเปลี่ยนโรงแรมไปเรื่อยๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้เป็นพ่อหาตัวพบได้
บางทีเธอคงจะชินกับการทำแบบนี้แล้วกระมัง เพราะดูท่าทางเธอสบายดี มีเพียงแค่ตัวอาจดูซูบผอมลงเล็กน้อยเท่านั้น
หลินเช่อรีบบอกว่า “จัดการปัญหาเรียบร้อยแล้วนะคะพี่อวี๋ พี่ไม่ต้องกังวลอะไรแล้วล่ะตอนนี้”
อวี๋หมินหมิ่นเงยหน้ามองอีกฝ่าย “เป็น…กู้จิ้งเจ๋อที่ช่วยเอาไว้ใช่มั้ย”
เธอรู้ดีว่าหลินเช่อคงไม่มีทางจัดการเรื่องนี้ได้ด้วยตัวเองเพียงลำพังแน่ ตระกูลลู่ไม่ใช่คนที่ใครจะไปต่อกรด้วยง่ายๆ พวกเขาไม่มีทางยอมด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำอย่างแน่นอน
หลินเช่อพยักหน้า “ใช่ค่ะ กู้จิ้งเจ๋อเป็นคนจัดการพวกนั้น ฉันแค่ตามไปด้วยเท่านั้นเอง”
อวี๋หมินหมิ่นมองอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกซาบซึ้งใจ “ขอบคุณมากนะ…ว่าแต่…เธอได้ใช้เงินหรือเปล่า”
หล่อนไม่เชื่อว่าคนพวกนั้นจะทำอะไรตรงไปตรงมาและไม่ต้องการเงิน
หลินเช่อตอบว่า “ไม่ได้มากอะไรค่ะ พวกเขายอมรับเงินสองแสนเป็นค่าปิดปาก แล้วก็จะไม่ยอมให้พ่อของพี่เข้าใกล้บ่อนของพวกเขาอีกต่อไปด้วย”
อวี๋หมินหมิ่นทำหน้าราวกับจะร้องไห้ “ฉันจะค่อยๆ เอาเงินเดือนผ่อนคืนให้เธอนะ ขอบคุณมากจริงๆ ”