เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 1002
บทที่1002 ผมกลับมาแล้ว
หลังจากที่สาวใช้ยกชาไปแล้ว ตัวคนก็ได้เดินตามออกจากห้องไปเหมือนกัน
ภายในห้องก็ตกอยู่ในความเงียบ ยู่ฉือจินมองพื้นผิวโต๊ะตรงหน้า แล้วถอนหายใจอย่างแรงออกมา
เมื่อหลายวันก่อนในตอนที่เหลนชายของเขายังอยู่ที่นี่ ภายในห้องนี้ก็มักจะมีเสียงหัวเราะของชายชราและเด็กน้อยอยู่เสมอ คึกคักมีชีวิตชีวา ในตอนนี้พอคนไป ที่นี่ก็กลับกลายมาอ้างว้างอีกครั้ง
เหมือนกับเมื่อก่อน ในวันที่อ้างว้างนับเหนือคณานับ
ยู่ฉือจินเอ๋ยยู่ฉือจิน ไม่ว่ายังไงนายมันก็แก่แล้ว เมื่อก่อนในวันอย่างนี้ก็ผ่านมาคนเดียวทั้งนั้น ตอนนี้เพียงแค่กลับไปอยู่ในสภาพเดิมก็เท่านั้นเอง นายมีอะไรที่ไม่ชินกัน?
คนเรานี่ ถ้าเกิดมีความอบอุ่นขึ้นมาแล้ว ก็จะไม่อาจปรับตัวได้กับความหนาวเหน็บได้เลยจริงๆ
ยู่ฉือจินถอนหายใจออกมาอย่างต่อเนื่อง คนรับใช้สองคนที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าห้องมองหน้ากัน แต่กลับไม่กล้าพูดออกไปให้มากมายแม้ประโยคเดียว เดี๋ยวนายท่านยู่ฉือได้ยินคำพูดของพวกเธอเข้า แล้วเกิดโทสะขึ้นมา พวกเธอจะถูกลงโทษเอา
อันที่จริงในเวลาแบบนี้ คนที่มีตาก็จะรู้ว่าไม่อาจทำให้ยู่ฉือจินไม่พอใจซี้ซั้วได้
ไม่รู้ว่านั่งไปนานแค่ไหน ยู่ฉือจินก็รู้สึกว่าแม้แต่เอวก็ยังไม่สบายขึ้นมา
“ตาแก่คนนี้ ใช้ไม่ได้เลย หึ…”
ยู่ฉือจินกำลังจะลุกยืนขึ้น ในเวลานั้นเองจู่ๆก็มีเสียงเด็กน้อยดังเข้ามา
“คุณทวด!”
ร่างของยู่ฉือจิน รู้สึกเหมือนกับว่าตนเกิดหูแว่วขึ้นมา ไม่อย่างนั้นแล้ว…ทำไมเขาถึงได้ยินเสียงเด็กน้อยน่ารักคนนั้นได้กัน?
นี่ นี่จะต้องหลอนไปเองแน่ๆ!
ยู่ฉือจินหยัดตัวลุกขึ้นต่อ แต่ด้านหลังก็มีเสียงฝีเท้าวิ่งเข้ามาหาตน
ตึก…ตึก…ตึก…——
ตึก…ตึก…ตึก…——
เสียงฝีเท้าดังมาจากที่ไกลๆใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เพียงไม่นานก็มาถึงด้านหลังของเขา แล้วยังตามมาด้วยเสียงหอบหายใจของเด็กน้อยตามมา
“คุณทวด! ผมกลับมาแล้ว~~”
ยู่ฉือจินก็ตกใจขึ้นมา ในตอนที่นิ่งอึ้งอยู่หลายวิ เขาก็ได้เรียกสติกลับคืนมาได้ทันที
พอเห็นเสี่ยวหมี่โต้วยืนอยู่ตรงหน้าของตนแล้ว
ในนาทีนั้นเอง ยู่ฉือจินก็ยังคงไม่กล้าที่จะเชื่อตาตัวเอง ไม่อย่างนั้นแล้วเสี่ยวหมี่โต้วที่ในเวลานี้ควรจะขึ้นเครื่องกลับบ้านกับแด๊ดดี้หม่ามี๊ของเขาไปแล้ว ทำไมถึงได้มาอยู่ตรงนี้ได้?
ทั้งสองคนสบตากันอยู่นาน จู่ๆยู่ฉือจินก็ละสายตาออกไปจากเสี่ยวหมี่โต้วเดินออกไปข้างนอก
“หยูโป หยูโป!”
เขาจิตหลอนไปแล้ว ต้องให้หยูโปไปเชิญคุณหมอมาถึงจะถูก
เดิมทีเสี่ยวหมี่โต้วก็ยังนึกว่ายู่ฉือจินเห็นตนแล้วจะดีใจออกมาถึงจะถูก ไม่นึกเลยว่าจะละสายตาจากตนไป หัวเล็กๆของเขาเอียงเล็กน้อย หรือว่าคุณทวดเห็นเขากลับมาอีก ก็เลยไม่พอใจ?
คิดมาถึงตรงนี้แล้ว เสี่ยวหมี่โต้วก็รีบไล่ตามยู่ฉือจินไปติดๆ
“คุณทวด~คุณทวดโกรธเสี่ยวหมี่โต้วแล้วใช่มั้ยฮะ? แต่เสี่ยวหมี่โต้วอยากอยู่กับคุณทวดนะฮะ~”
ปัง!
หัวของเด็กนั่นชนเข้ากับขาของยู่ฉือจิน ยู่ฉือจินจึงหยุดฝีเท้าลง ส่วนหยูโปที่ถูกเรียกชื่อนั้นในตอนนี้เองก็ได้เดินเข้ามาแล้วเหมือนกัน พร้อมเอ่ยออกมาด้วยใบหน้ายิ้มๆ “นายท่าน”
“เกิด…เกิดเรื่องอะไรขึ้น?” ยู่ฉือจินพบว่าเสียงของตนสั่นออกมาเล็กน้อย “คนขึ้นเครื่องกันไปแล้วใช่มั้ย?”
“ใช่ครับ” หยูโปพยักหน้า “ส่งขึ้นเครื่องกันไปหมดแล้ว”
ได้ยินอย่างนั้นแล้ว ยู่ฉือจินถอนหายใจอย่างโล่งอกออกมา “งั้นก็ดี”
แต่ในขณะเดียวกันแสงสว่างในแววตาของเขาก็ได้สลดลง อย่างที่คิดเขาหลอนไปเองจริงๆ คนหยูโปก็ได้พาไปส่งขึ้นเครื่องกันไปหมดแล้ว แต่เขายังเห็นเสี่ยวหมี่โต้วกลับมา
อีกทั้งเมื่อกี้นี้ก็ยังชนขาของเขาอีก ยู่ฉือจินนึกว่าตัวเองหลอนไปอีกแล้ว
“นายท่าน…” หยูโปอุทานออกมาเบาๆ เหมือนกับว่าจะลังเลไปเล็กน้อย นานกว่าจะได้พูดออกมา “คุณนายน้อยบอกว่าให้เสี่ยวหมี่โต้วอยู่กับนายท่านที่นี่ ผมก็เลยรับเสี่ยวหมี่โต้วกลับมา ผมทำไปตามอำเภอใจ หวังว่านายท่านอย่าได้ตำหนิผมเลยนะครับ”
ยู่ฉือจินเบิกตากว้างออกมา เหมือนกับว่าไม่อยากที่จะเชื่อ
คำพูดนี้ของหยูโปหมายถึงอะไร เขาถามพึมพำออกมา
“นายว่าอะไรนะ? เรื่องที่เกิดขึ้น…เมื่อกี้นี้ที่แท้มันก็ไม่ใช่ภาพหลอนงั้นหรอ?”
เสี่ยวหมี่โต้วกลับมาแล้วจริงๆ??? ไม่ได้ขึ้นเครื่อง??
ตอนแรกหยูโปก็ยังแปลกใจว่าทำไมนายท่านถึงไม่สนใจเสี่ยวหมี่โต้วกัน นึกไม่ถึงว่าเลยว่าจะเป็นเพราะเหตุผลนี้ เขาอดไม่ได้หลุดยิ้มออกมา “นายท่าน จะเป็นภาพหลอนไปได้ยังไงกันครับ? เสี่ยวหมี่โต้วก็ยืนอยู่ด้านหลังนายท่านไงครับ”
คำพูดเมื่อกี้นี้หลุดออกไป เสียงของเสี่ยวหมี่โต้วแฝงไปด้วยความเศร้าออกมาเล็กน้อย จากนั้นก็เดินเข้ามาจากทางด้านหลัง
“คุณทวดเกลียดเสี่ยวหมี่โต้วแล้วหรอฮะ?”
ยู่ฉือจิน “…”
นี่มันเป็นไปได้ยังไง?
เขาจะเกลียดเหลนที่น่ารักน่าชังของเขาได้ยังไงกัน? นี่มันเป็นเรื่องที่ไม่มีวันเกิดขึ้นได้แน่!
ยู่ฉือจินรีบหันหน้ากลับไป โค้งตัวลงไปเตรียมที่จะอุ้มเสี่ยวหมี่โต้วขึ้นมา พลางรีบพูดแก้ต่างออกไป “เสี่ยวหมี่โต้วอย่าเข้าใจผิดนะ คุณทวดจะเกลียดหนูได้ยังไง? เมื่อกี้คุณทวดก็แค่นึกว่าหนูขึ้นเครื่องกลับไปแล้ว ไม่รู้ว่าหนูจะกลับมา!”
สีหน้าของเสี่ยวหมี่โต้วยังคงเศร้า ไม่พอใจออกมา “แต่เมื่อกี้นี้คุณทวดเห็นเสี่ยวหมี่โต้วแล้ว ดูเหมือนว่าจะไม่ดีใจเลยสักนิด”
“ดีใจสิ! คุณทวดดีใจที่สุด เพียงแต่…ทำไมหนูไม่ได้ขึ้นเครื่องกลับไปล่ะ? ไม่ใช่ว่าแด๊ดดี้หม่ามี๊ของหนูกลับไปแล้วหรอ? ทำไมถึง…”
เสี่ยวหมี่โต้วยิ้มเผยให้เห็นฟันขาวสะอาดออกมา “หม่ามี๊บอกว่าคุณทวดอยู่คนเดียวมันเหงาเกินไป ให้ผมอยู่เป็นเพื่อนคุณทวด! ท่านกับแด๊ดดี้กลับไปคิดหาวิธีกัน ถึงตอนนั้นแล้วก็จะมารับพวกเรากลับไปด้วยกัน!”
เป็นหานมู่จื่ออีกแล้ว…
ยู่ฉือจินรู้สึกขมขื่นขึ้นมา นึกไม่ถึงว่าหลานสะใภ้ของเขาคนนี้จะรู้จักเป็นห่วงเป็นใยคนแก่อย่างเขาด้วย ยิ่งเธอมีท่าทีอย่างนี้ออกมา ยู่ฉือจินก็ยิ่งนึกถึงเรื่องที่เคยทำกับเธอเมื่อก่อนขึ้นมา ใบหน้าชราก็ยิ่งรู้สึกละอายใจ
“แด๊ดดี้กับหม่ามี๊ของหนูปรึกษากันดีแล้วหรอ?”
เสี่ยวหมี่โต้วพยักหน้าออกมาอย่างจริงจัง ยื่นมือออกไปหยิกแก้มของยู่ฉือจิน “ถึงตอนนั้นแล้วคุณทวดจะกลับไปกับพวกเราหรือเปล่าฮะ?”
กลับไปด้วยกัน?
ยู่ฉือจินรู้สึกดีใจขึ้นมา สามารถกลับไปกับพวกเด็กๆได้ พอทุกคนได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขแล้ว นี่มันนับว่าเป็นสิ่งที่เขาเฝ้าฝันมาทั้งชีวิตเลยก็ว่าได้
แต่ถ้ากลับไปอย่างนี้ แล้วบริษัทตระกูลยู่ฉือล่ะ?
ถึงตอนนั้นแล้วจะทำยังไง? ถึงเขาจะอยากมอบทุกอย่างให้กับเย่โม่เซิน แต่ดูจากท่าทีของเขาแล้วไม่รู้ว่าจะต้องการหรือเปล่า…แล้วจะให้มอบให้ส้งอานลูกสาวของเขา?
คาดว่าส้งอานก็คงทำเพียงแค่กลอกตาใส่เขาออกมา “อยากให้ใครก็ให้ไปสิ? คุณคิดว่าฉันจะอยากได้บริษัทกิ๊กก๊อกของคุณงั้นหรอ?”
คิดมาถึงตรงนี้แล้ว ยู่ฉือจินก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมา
ปวดหัว!
“เรื่องนี้ค่อยว่ากันเถอะ ในเมื่อหนูอยู่ที่นี่แล้ว งั้นวันนี้คุณทวดจะพาหนูออกไปเที่ยวกันสักวัน เป็นไง?”
เสี่ยวหมี่โต้วเอียงหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็พยักหน้าออกมา “ดีฮะ”
*
หลังจากผ่านไปหลายชั่วโมงแล้ว หานมู่จื่อก็รู้สึกว่าทั้งร่างไม่สบายไปหมด
อาจเป็นเพราะตอนนี้เธอกำลังตั้งท้อง หลังจากที่ลงจากเครื่องแล้วสีหน้าของเธอก็ซีดเซียวไปหมด อีกทั้งบนเครื่องก็ไม่ได้กินอะไรเลยแม้แต่คำเดียว
ถึงแม้ว่าเย่โม่เซินที่อยู่ข้างๆจะดูแลเธออย่างดี แต่หานมู่จื่อก็ยังรู้สึกไม่สบายตัวอยู่ดี
รอจนลงจากเครื่อง ในตอนที่นั่งพักอยู่ในเลานจ์ หานมู่จื่อจึงได้รู้สึกว่าร่างกายและจิตใจค่อยๆผ่อนคลายลงไปบ้าง
“มู่จื่อ เป็นไงบ้าง? รู้สึกดีขึ้นบ้างหรือเปล่า?”
เสี่ยวเหยียนย่อตัวนั่งลงตรงหน้าเธอ ในมือก็ยังถือน้ำอุ่นเอาไว้แก้วนึง “ดื่มน้ำสักหน่อย”