เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 1045
บทที่1045 ไม่แยแสกับความรัก
เรื่องของ เสี่ยวเหยียน ?
เย่โม่เซินขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย มือที่จับหานมู่จื่อก็ค่อนข้างแน่นขึ้น “ไม่ใช่บอกคุณแล้วเหรอว่าอย่าไปยุ่ง ? ว่าอย่างไร อยากเป็นแม่สื่อเหรอ ?”
ไม่รู้ว่าทำไมเย่โม่เซินถึงได้นึกถึงผู้ช่วยของตนเองคนนั้นขึ้นมา เซียวซู่
นึกขึ้นได้ว่าหลายวันมานี้เหมือนเขาจะช่วยตนจัดการเรื่องบริษัทมาโดยตลอด ไม่รู้ว่าเขากำลังคว้าโอกาสอยู่หรือเปล่า
“เปล่า ฉันก็แค่พูดเฉยๆ จะเป็นแม่สื่อได้อย่างไร”
“ถ้าเช่นนั้นก็อย่าไปยุ่ง” เย่โม่เซินเม้มริมฝีปากอันบอบบางชั่วครู่ แล้วพูดออกมาว่า “วันนั้นผมก็ได้บอกไปแล้วว่าถ้าพี่ชายของคุณมีใจให้เธอ เขาจะลงมือทำด้วยตัวเองโดยไม่ต้องให้คนข้างๆ เข้ามาช่วย”
หานมู่จื่อ : “แต่ว่า……”
“ในฐานะที่คุณเป็นน้องสาวของเขา ดังนั้นถ้าขอก็ต้องรับปากแน่นอน ถ้าคุณพูดอะไรบางอย่างไปแล้วทำให้เขาเปลี่ยนใจ คุณจะรับผิดชอบผลที่ตามมาได้ไหม ?”
“……”
“ยังอยากจะยุ่ง ?”
ส่วนหานมู่จื่อก็หรี่ตาจ้องมองเย่โม่เซินอย่างกะทันหัน แล้วถามขึ้นอย่างจริงจัง : “คำพูดพวกนี้คุณพูดออกมาจากใจเหรอ ?”
“หือ ?”
“คือผู้ช่วยของคุณก็ชอบ เสี่ยวเหยียน ดังนั้น……คุณก็เลยไม่อยากให้ฉันเป็นแม่สื่อใช่ไหม ?”
เมื่อเธอพูดมาแบบนี้ เย่โม่เซินก็ได้เลิกคิ้วขึ้นมาทันที ตอนแรกที่เขาห้ามเธอเพราะเธอเป็นหญิงมีครรภ์ จึงไม่อยากให้เธอไปยุ่งเรื่องของคนอื่น เพราะแต่ละคนต่างก็มีชะตากรรมเป็นของตัวเอง
นอกจากนี้แล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างมีเหตุและผล ถ้าเธอจะแทรกเข้ามาแบบนี้มันก็ไม่ใช่เรื่องดี
เขาไม่ได้คิดที่จะช่วยเซียวซู่ ตอนที่อยู่ต่างประเทศเขาก็ได้ช่วยเขาไปแล้ว แต่เห็นได้ว่าเพื่อนของมู่จื่อไม่ได้มีใจให้เซียวซู่
ดังนั้นแน่นอนว่าเขาก็ไม่ควรจะไปบังคับ อีกอย่างเขาก็ไม่มีอะไรที่จะไปบังคับ
ถ้าหากว่าเขา เย่โม่เซิน จะต้องบังคับสิ่งใดสิ่งหนึ่งหรือคนใดคนหนึ่งจริงๆ ก็มีเพียงแค่ หานมู่จื่อ คนเดียว
เมื่อนึกถึงตรงนี้ เย่โม่เซินก็ยื่นมือไปแตะหน้าผากของหานมู่จื่อ
“คิดเรื่อยเปื่อยอะไรอยู่ ? เรื่องนี้จะไปเกี่ยวอะไรกับคนอื่น ?”
“ถ้าไม่เกี่ยวแล้วทำไมคุณถึงไม่ให้ฉันไปยุ่ง ?”
เมื่อมองไปยังแก้มขาวที่อยู่ตรงหน้าของหานมู่จื่อ เย่โม่เซินก็ได้ยกมือขึ้นเพื่อพันผ้าพันคอของเธอให้ดี เพื่อป้องกันไม่ให้เธอหนาว และพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน
“คุณคิดว่าหลังจากกลับประเทศแล้ว เวลาที่เราได้อยู่ด้วยกันมันนานไหม ?”
“หือ ?” หานมู่จื่อตอบสนองไม่ทันว่าทำไมเขาต้องถามเรื่องนี้ “หมายความว่าอะไร ?”
“คุณก็พูดมาสิ”
จากนั้นหานมู่จื่อก็ได้คิดอย่างละเอียด เหมือนจะไม่ค่อยนานเท่าไหร่จริงๆ หลังจากกลับประเทศแล้วต่างตนต่างมีเรื่องต้องทำ ทั้งสองคนก็ไม่ค่อยมีเวลาได้อยู่ด้วยกัน นอกจากตอนกลางคืน……
ในตอนกลางวันต่างก็ยุ่งเรื่องของตนเอง
เมื่อนึกถึงตรงนี้เธอก็กระแอมไปเบาๆ “เป็นอะไรเหรอ ?”
“เวลาที่เราอยู่ด้วยกันมันน้อยมาก แล้วคุณยังจะแบ่งให้คนอื่น ?” ขณะที่เย่โม่เซินพูดก็ค่อยๆ เข้าไปใกล้ ริมฝีบางอันบอบบางเกือบจะแตะไปถึงหน้าผากของเธอ ตอนที่พูดริมฝีปากอันละมุนก็ขยับ
หานมู่จื่อ เข้าใจความหมายของเขา แต่เขาหวังไม่ให้เธอแบ่งความสนใจไปให้คนอื่น แต่ว่า……
“หลังจากเสี่ยวหมี่โต้วกลับประเทศแล้ว เวลาที่อยู่ด้วยกันแบบนี้ก็ยิ่งน้อยลงไปอีก”
“เอาล่ะ คุณอย่าพูดเลย” หานมู่จื่อ ขัดจังหวะคำพูดของเขา จากการที่ถูกเย่โม่เซินกล่าวโทษแบบนี้ หานมู่จื่อก็รู้สึกว่าถ้าตนเองจะขึ้นไปคุยเรื่องเสี่ยวเหยียน กับหานชิงอีก เธอก็ต้องรู้สึกผิดไปแล้วจริงๆ
อีกอย่าง หลังจากที่เธอถูกเย่โม่เซินว่าไปแล้ว ก็รู้สึกว่าตัวเองไม่ควรไปยุ่งเรื่องของเสี่ยวเหยียน จริงๆ
ก่อนหน้านี้เธอก็ไม่เคยอยากจะไปยุ่ง แต่ในครั้งนี้……เธอก็ไม่รู้ว่าตนเองเป็นอะไรไป ถึงอยากจะคุยเรื่องนี้
เมื่อนึกถึงตรงนี้ หานมู่จื่อ จึงได้พูดเพียงแค่ว่า “ฉันรู้แล้วว่าควรจะทำอย่างไร แต่ฉันได้บอกให้พี่ชายฉันไปรอฉันที่ห้องอ่านหนังสือแล้ว อย่างไรก็ตาม ฉันก็ควรขึ้นไปคุยกับเขาสักหน่อยถึงจะไปได้”
“ว่านอนสอนง่าย” เย่โม่เซินบีบแก้มของเธอ “ให้เวลาคุณห้านาที ผมจะไปรอคุณอยู่ข้างนอกนะ”
“รู้แล้วนะ”
หลังจากนั้นเย่โม่เซินถึงได้ปล่อยเธอไป แล้วได้ไปรอเธออยู่ข้างนอก ส่วนหานมู่จื่อหันหลังไปหาหานชิงที่ห้องอ่านหนังสือแล้ว
ระหว่างทางที่จะไปยังห้องอ่านหนังสือ หานมู่จื่อ คิดอยู่ตลอดว่าตนเองจะพูดอะไรเพื่อคลายความอึดอัด เพราะว่าเธอได้บอกเขาว่าตัวเองมีอะไรจะคุย ฟังดูแล้วเหมือนจะมีเรื่องอะไรสำคัญมาก แต่ตอนนี้เธอก็จะไม่พูดถึงเรื่องของเสี่ยวเหยียน
ถ้าอย่างนั้นยังมีเรื่องอะไรที่สำคัญต้องพูดอีกล่ะ
เมื่อคิดถึงตรงนี้หานมู่จื่อก็จะรู้สึกปวดหัวไปบ้าง แต่ห้องอ่านหนังสือก็อยู่ตรงหน้าแล้ว
เธอก้าวไปข้างหน้า ลังเลอยู่ชั่วขณะ แล้วเอื้อมมือไปเคาะประตู
“เข้ามา”
น้ำเสียงเย็นเฉียบกระจายผ่านแผ่นประตูมา หานมู่จื่อผลักประตูไปก็เห็นหานชิงนั่งอยู่หน้าโต๊ะอ่านหนังสือ และตรงหน้าก็มีโน้ตบุ้กวางอยู่ หน้าจอก็ยังคงสว่างอยู่ ส่วนข้างๆ ก็มีเอกสารหลายชุดวางไว้
เมื่อเห็นแล้วหานมู่จื่อก็ทนไม่ได้ที่จะถามขึ้น : “พี่คะ เวลานี้แล้วยังทำงานอยู่เหรอ ?”
หานชิงยื่นมือออกไปพับปิดจอโน้ตบุ้ก “อืม จัดการเรื่องเล็กๆ น้อย ของบริษัทนิดหน่อย ใกล้จะเสร็จแล้ว”
“พี่ อย่าหักโหมเรื่องงานเกินไปสิคะ ตอนนี้เป็นเวลาพักผ่อน คุณไม่ทำตัวแบบนี้นะ ร่างกายเป็นตัวหลักในการหาเงินนะ”
“ยังจะมาว่าพี่ของคุณด้วยเหรอ ?” คิ้วของหานชิงอ่อนโยนลง เสียงก็ไม่ได้เย็นชาเหมือนเมื่อก่อน อ่อนโยนลงบ้างแล้ว “ก่อนหน้านี้คุณก็ไปทำงานที่บริษัท ทำไมไม่คิดถึงว่าตัวเองเป็นหญิงตั้งครรภ์ล่ะ ทำงานแบบนั้นไม่ได้ ?”
หานมู่จื่อ : “……”
นึกไม่ถึงเลยว่าจะโดนย้อน เธอจึงกระแอมไปหนึ่งเสียงเบาๆ แล้วยิ้มอย่างเขินอาย
“คุณมาพบพี่มีเรื่องอะไรเหรอ ?” หานชิงเคาะปลายนิ้วไปบนโต๊ะ แล้วถามขึ้น
นึกไม่ถึงเลยว่าจะเข้าเรื่องรวดเร็วขนาดนี้ หานมู่จื่อจะไม่คุยเรื่องของเสี่ยวเหยียน อย่างแน่นอน แต่เธอไม่มีเรื่องอะไรจะพูด สุดท้ายก็เลยเปลี่ยนเรื่องไปทันที หานมู่จื่อ จึงได้พูดถึงความทรงจำของเย่โม่เซินออกไป
บอกเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงนี้กับหานชิง
เป็นอย่างที่คาดไว้ หลังจากหานชิงได้ยินแล้วก็ให้ความสนใจขึ้นมา “ถ้าเป็นเช่นนั้น พี่ขอแนะนำว่าคุณยังคงต้องไปหาหมอเพื่อให้คำแนะนำหน่อย”
“หาหมอเหรอคะ ฉันก็คิดแบบนี้นะคะ แต่…..ปกติเขาก็ดูเหมือนคนธรรมดา ฉันก็รู้ว่าเขาปิดบังฉันแล้วแบกรับความทุกข์ไว้คนเดียว ฉันไม่เคยได้ลิ้มรสความทุกข์แบบนี้ก็เลยไม่รู้ว่ามันเป็นอย่างไร”
“เรื่องจะว่าใหญ่มันก็ใหญ่ จะว่าเล็กมันก็เล็ก ถ้าจะว่าเขาฟื้นฟูโดยตรงแล้วไม่มีอาการแทรกซ้อนค้างอยู่แม้แต่น้อยก็จะดี แต่ว่าอาการของเขาในตอนนี้แนะนำว่าควรไปรักษานะ มู่จื่อ ตอนนี้คุณก็ตั้งท้องแล้ว ไม่ควรไปกังวลกับเรื่องพวกนี้เลย วันหลังพี่จะไปคุยกับเขา”
“หือ ? พี่จะไปคุยกับเขา ?”
หานมู่จื่อ กลับมาคิดก็รู้สึกว่าวิธีนี้ได้ผล ถ้าเป็นพี่ชาย เย่โม่เซินก็อาจจะไม่คิดมากเท่าไหร่ แต่ว่าถ้าเป็นตนเอง แม้แต่หมอก็อาจจะไม่อยากไปพบด้วยซ้ำ
เมื่อนึกถึงตรงนี้ หานมู่จื่อ ก็พยักหน้าเบาๆ
“ฉันรู้สึกว่าแบบนี้ก็ดี ถ้าอย่างนั้นเรื่องนี้ก็รบกวนพี่ด้วยนะคะ แต่ว่า……พี่ก็ต้องใส่ใจสุขภาพตัวเองบ้าง เรื่องงานก็เอาไว้ก่อน อีกอย่างพี่ก็อายุปูนนี้แล้ว พี่จะไม่วางแผน?”
ดูเหมือนรู้ว่าต่อไปเธอจะพูดอะไรบางอย่าง หานชิงจึงได้ยิ้มจางๆ แล้วตัดบทเธอไป
“คุณก็รู้ พี่ชายของคุณก็อายุปูนนี้แล้ว ถ้าจะหาอีกก็ต้องรบกวนคนอื่น หลายปีที่ผ่านมานี้พี่ไม่แยแสกับความรัก มีกับไม่มีมันก็เหมือนกัน”