เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 1074
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
บทที่1074 หวานชื่นและทั้งขมขื่น
เสี่ยวเหยียนรีบวิ่งลงไปข้างล่างอีกครั้ง ลมหายใจไม่ค่อยมั่นคงนัก ดังนั้นแล้วในตอนก่อนที่จะเข้าใกล้ร่างหานชิงนั้นเอง เสี่ยวเหยียนก็ได้หาที่สงบลมหายใจของตัวเอง
หลังจากที่ผ่านไปหลายวิ เสี่ยวเหยียนรู้สึกว่าลมหายใจของตัวเองค่อนข้างจะมั่นคงขึ้นแล้ว
เธอซอยเท้าก้าวเข้าไปข้างหน้า
รถของหานชิงจอดอยู่ชั้นล่าง เพราะผ่านไปนาน ก็ได้ดับเครื่องรถไปก่อนแล้ว เขายังคงนั่งอยู่ตรงที่นั่งคนขับ ลดหน้าต่างรถลงไปครึ่งนึง ไฟถนนสะท้อนเงารถออกมา ใบหน้าหล่อปิดซ่อนอยู่ในความมืด
ไกลออกไป เสี่ยวเหยียนก็ได้เห็นภาพนั้น
ออร่าจากร่างของเขาประดับไปด้วยความสงบนิ่งไม่แสดงความรู้สึก ทำให้คนที่เห็นรู้สึกสบายใจ เมื่อก่อนเสี่ยวเหยียนคิดอย่างนี้ ตอนนี้…เธอกลับรู้สึกว่าผู้ชายตรงหน้าคงไม่มีหัวใจ
ไม่ เขามี แต่มีให้แค่น้องสาวของเขาคนเดียว
คนอื่นคิดอยากจะได้รับเศษเสี้ยวนั้นจากเขา เป็นไปไม่ได้โดยเด็ดขาด
เสี่ยวเหยียนเดินเข้าไปหาเขาอย่างยากลำบาก
รับรู้ได้ถึงเสียงที่ดังเข้ามา สายตานิ่งเย็นของหานชิงหลุบมองไปยังร่างของเธอทันที
สบตากับเขา ภายในใจของเสี่ยวเหยียนก็เกิดกลัวขึ้นมา แต่ก็ต้องเดินเข้าไปอยู่ดี
“ท่าน…ท่านประธานหาน…”
หานชิงขมวดคิ้ว เผยรังสีของความไม่สบอารมณ์ออกมา
เสี่ยวเหยียนหดคอลงไปทันที เธอคิดว่าเพราะเสี่ยวหมี่โต้วไม่ได้ตามเธอลงมาด้วยเขาเลยไม่พอใจ เธอก็อยากพาเสี่ยวหมี่โต้วลงมาด้วย เพราะถึงยังไงเขาก็จะได้ออกมาพูดให้ชัดเจน
ถ้าเธอไม่พาเสี่ยวหมี่โต้วลงมา ก็จะเหมือนกับว่าจะกลายไปเป็นคนหน้าด้านสุดๆไปเลย
“เอ่อเสี่ยวหมี่โต้ว…ฉันกล่อมเขายังไง เขาก็ไม่ยอมลงมาเลยค่ะ” มุมปากของเสี่ยวเหยียนแสยะยิ้มแหยออกมาเล็กน้อย สุดท้ายก็ยังคงต้องฝืนพูดออกไป “ไม่งั้นแล้ว พรุ่งนี้พวกเราค่อยมาคุยกับเขาดีๆ กล่อมให้เขากลับไป?”
หานชิงไม่ได้พูดตอบออกมา มองเธอไปเงียบๆ สายตาล้ำลึกเสียจนทำเอาคนอื่นมองไม่ออกว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
ผ่านไปได้สักพัก หานชิงก็ได้เม้มริมฝีปากออกมา “ตอนกลางวัน เขาอยู่ที่ร้านเธอ?”
เสี่ยวเหยียนพยักหน้าออกไปอย่างมึนงง
“รู้แล้ว”
จากนั้นหานชิงก็ได้เตรียมที่จะจากไป ในตอนนั้นเองโทรศัพท์ของเสี่ยวเหยียนก็ได้ดังขึ้นมา เธอหยิบขึ้นมาดู ในตอนที่พบว่าเป็นเซียวซู่ที่โทรมาหาเธอก็รู้สึกแปลกใจขึ้นมาเล็กน้อย
เธออยากจะรับ แต่หานชิงอยู่ที่นี่ เสี่ยวเหยียนมองท่าทางเขาออกไปเล็กน้อย เขากลับมีท่าทางเหมือนกับไม่ได้กำลังจะออกไปเลยสักนิด
แต่เซียวซู่อยู่ที่โรงพยาบาล โทรมาหาเธอในเวลานี้ ก็คงจะมีเรื่องด่วนอะไรล่ะมั้ง?
จากนั้นเสี่ยวเหยียนก็รับสาย
“ฮัลโหล?”
น้ำเสียงของเธอดูระมัดระวัง คงเป็นเพราะหานชิงอยู่ตรงด้านหน้าด้วย
“ถึงบ้านแล้ว?” เสียงเซียวซู่ดังออกมาจากโทรศัพท์
เสี่ยวเหยียนพยักหน้าตอบออกไปทันที “อืม ถึงแล้ว”
“อีกเดี๋ยวเธอจะกลับมาโรงพยาบาลยังไง?” เซียวซู่เอ่ยถามออกมาตรงๆ
เสี่ยวเหยียนนิ่งงัน จากนั้นก็เอ่ยพูดออกไปว่า “คงเรียกรถสักคัน?”
ถึงยังไงเธอในตอนนี้ยังไม่ได้ซื้อเครื่องมือในการเดินทางเลย ไปโรงพยาบาลดึกขนาดนี้ก็คงต้องเรียกรถเอาเท่านั้นแหละ อีกอย่างสมัยนี้การเรียกรถก็สะดวกเป็นอย่างมาก
“เธอเป็นผู้หญิง เรียกรถตอนกลางคืนมันไม่สะดวก ส่งที่อยู่มาให้ผม ผมไปรับเธอเอง”
“…”
เพราะตอนนี้เป็นช่วงเวลากลางคืน บริเวณรอบๆก็เงียบสงัด แม้ว่าเสี่ยวเหยียนจะไม่ได้เปิดใช้แฮนด์ฟรี แต่คำพูดของเซียวซู่ก็ดังเข้าไปในหูของหานชิงอย่างชัดเจน
สายตาของหานชิงก็ยิ่งเยือกเย็นขึ้นมาหลายส่วน
ริมฝีปากของเสี่ยวเหยียนแสยะออกมาอย่างทำตัวไม่ถูก “เอ่อ ไม่ต้องหรอก…ตอนนี้นายอยู่ที่โรงพยาบาล ไปมาลำบากแย่ ฉันเรียกรถไปเองก็ได้”
“ก็แค่เรื่องแป๊บๆเอง อย่าลืมส่งที่อยู่มาให้ผมนะครับ”
หลังจากที่วางสายไป เสี่ยวเหยียนก็เห็นหานชิงที่อยู่ข้างหน้ายังไม่ไปไหน เธอคิดว่าเขาจะรั้งตัวอยู่เพราะเรื่องเสี่ยวหมี่โต้ว แต่เมื่อกี้นี้เขาก็เพิ่งบอกว่ารู้แล้วอยู่แท้ๆ
เสี่ยวเหยียนคิดว่าสิ่งที่เขาอยากทำต่อไปนั้นก็คงจะเป็นการขับรถออกไป
นึกไม่ถึงว่าเขาจะยังอยู่ที่นี่อีก
เธอไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ในใจ แต่ก็ไม่อยากต่อปากต่อคำกับเขาอีก ก็เลยผันร่าง เตรียมที่จะเดินออกไป
แต่ใครจะรู้ว่าหานชิงจะเอ่ยออกมาในเวลานี้
“เธอจะกลับโรงพยาบาลไปอยู่เป็นเพื่อนมู่จื่อ?”
ได้ยินอย่างนั้นแล้ว เสี่ยวเหยียนก็ได้ชะงักฝีเท้าลงทันที จากนั้นก็พยักหน้าออกไป
“ขึ้นรถ” หานชิงเอ่ยออกมา
เสี่ยวเหยียนนิ่งอึ้งไป นึกว่าตัวเองจะได้ยินอะไรผิดไป
“ท่านประธานหาน?” เสี่ยวเหยียนเอ่ยถามออกไปอย่างงุนงงไม่รู้เรื่องรู้ราว
หานชิงเอ่ยออกมาด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “ไม่ใช่ว่าอยากจะไปโรงพยาบาล? ฉันก็ยังมีเรื่องที่จะต้องกลับไปโรงพยาบาลอีกรอบเหมือนกัน ทางผ่าน”
โอเค ที่แท้ก็เป็นทางผ่านนี่เอง
มิน่าล่ะ ไม่อย่างนั้นแล้วจะเป็นไปได้ยังไงที่หานชิงจะไปส่งเธอที่โรงพยาบาลโดยเฉพาะกัน? เขาอยากออกห่างเธอไปไกลๆถึงจะถูก
สุดท้ายเสี่ยวเหยียนก็ขึ้นรถไป จากนั้นก็โทรหาหลัวหุ้ยเหม่ย ให้เธอพาเสี่ยวหมี่โต้วเข้านอนคืนนี้ เธอไปโรงพยาบาลจะกลับมาในวันพรุ่งนี้ หลัวหุ้ยเหม่ยก็ได้ตอบรับออกมาคำนึง จากนั้นก่อนที่จะวางสายไปก็ได้เอ่ยถามออกมา
“ตอนนี้แกอยู่บนรถคุณลุงเสี่ยวหมี่โต้ว?”
เสี่ยวเหยียนลอบมองหานชิงที่กำลังขับรถอยู่ข้างหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็ส่งเสียงอืมออกไปเบาๆ ใช้อีกมือนึงมากั้นโทรศัพท์เอาไว้เพื่อไม่ให้มีเสียงหลุดออกไป
แต่เพียงไม่นานเสี่ยวเหยียนก็ได้พบว่าอย่างนั้นมันไม่มีประโยชน์อะไรเลย เพราะในรถเงียบสงบมากจริงๆ เสียงของหลัวหุ้ยเหม่ยจึงดังออกมาจากโทรศัพท์
จากนั้นเสี่ยวเหยียนก็คิดไปคิดมา ทำได้เพียงรีบลดหน้าต่างรถลง
ลมหนาวพัดผ่านเข้ามาในรถ เสี่ยวเหยียนขาดการระวังไปชั่วขณะ ผมถูกลมพัดจนยุ่งไปหมด เพราะหนาว ลมที่พัดเข้ามาบนใบหน้าก็เหมือนกับมีดไม่มีผิด
“นี่เหยียนเหยียน แกกำลังทำอะไรอยู่หา? เสียงลมทำไมถึงได้ดังขนาดนั้นกัน?”
เสี่ยวเหยียนจึงพูดตามน้ำออกไป “แม่ ตอนนี้ฉันไม่สะดวกคุยโทรศัพท์ พรุ่งนี้ค่อยคุยกัน แค่นี้ก่อนนะคะ”
พูดจบเธอก็วางสายไป จากนั้นก็เก็บโทรศัพท์กลับไปในกระเป๋า
เพราะว่าเพิ่งจะเปิดหน้าต่าง เสี่ยวเหยียนก็ไม่กล้าปิดกลับไปในทันที ดังนั้นแล้วลมก็เลยพัดเข้ามาเรื่อยๆ
หานชิงขมวดคิ้ว “ไม่หนาว?”
เสี่ยวเหยียนสะดุ้งเล็กน้อย จะไม่หนาวได้ยังไง? เธอหนาวจะตายอยู่แล้ว แต่ก็ยังส่ายหน้าออกไปอย่างอวดดี
“ฉันร้อนนิดหน่อยน่ะ”
“…”
หานชิงมองหญิงสาวผ่านกระจกมองหลัง
จู่ๆก็นึกถึงวันนั้นตอนที่อยู่เมืองนอกขึ้นมา ทั้งๆที่หนาวเสียขนาดนั้น แต่เธอก็ยังสวมเสื้อผ้าน้อยเอามากๆ แล้วออกไปกับเขา จนเกือบโดนแช่แข็งจนกลายเป็นไอติมแท่ง
ต่อมาก็ไข้ขึ้น
เดิมทีเธอก็อยากปากแข็ง หานชิงเองก็ไม่อยากเปิดโปงเธอ แต่พอคิดว่าหญิงสาวอาจจะป่วยขึ้นมาได้ แล้วป่วยก็ยังน่าสงสารมากอีก เขาเคยเห็นมาแล้ว
เมื่อคิดมาจนถึงตรงนี้แล้ว หานชิงก็ได้ปิดหน้าต่างรถ
เดิมทีเสี่ยวเหยียนก็ได้ทำใจเอาไว้แล้ว ท่าทางที่ไม่ยี่หระต่อความตายใดๆทั้งสิ้น เตรียมอดทนไปอีกสามนาที จากนั้นก็ค่อยปิดหน้าต่าง ถึงตอนนั้นแล้วค่อยพูดหน้าตายออกไปว่าเย็นสบายพอแล้วก็OK
แต่ใครจะรู้ว่าจู่ๆหานชิงจะปิดหน้าต่างไป
เสี่ยวเหยียนนั้นเพื่อรักษาหน้าตาของตัวเองแล้ว ก็ทำเพียงถามออกไป “ปิดหน้าต่างทำไม? ฉันยังตากลมไม่พอเลย”
หานชิง “…”
ถึงตายก็จะรักษาหน้าไว้ให้ได้ แม้ว่ามีชีวิตอยู่เพื่อรับกรรมก็ตามแต่
โชคดีที่ข้างหน้าเป็นไฟแดง หานชิงก็ได้หยุดรถ หันกลับไปมองเธอ
“ฉันหนาว”
“…”
เอาเถอะ เหตุผลนี้ได้เอาชนะเธอได้สำเร็จ
ไม่อย่างนั้นแล้วเสี่ยวเหยียนก็ยังคิดอยู่เลยว่าเธอจะเปิดหน้าต่างต่อหรือเปล่า ในเมื่อเขาพูดออกมาอย่างนี้แล้ว เสี่ยวเหยียนก็ต้องปล่อยให้เป็นไปตามความต้องการของเขาไป
“ขอโทษนะคะ ไม่ได้คำนึงถึงคุณ งั้นฉันไม่เปิดหน้าต่างแล้วค่ะ”
“อืม”
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเซ้นส์ที่ผิดไปหรือเปล่า เสี่ยวเหยียนรู้สึกว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองคนดูผ่อนคลายขึ้นกว่าเมื่อก่อนไม่น้อย
เธอหลุบตาลง ภายในใจทั้งรู้สึกหวานชื่นและทั้งรู้สึกขมขื่นขึ้นมา
หานชิงในตอนนี้เหมือนกับว่าไม่ได้ตั้งกำแพงกับเธอเหมือนเมื่อก่อนแล้ว เป็นเพราะเธอยอมปล่อยไม่เข้าไปยุ่งวุ่นวายกับเขาได้สักทีงั้นหรอ?