เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 1083
เนื่องจาก ACC Google Drive บินไปหลาย Email
เราจะทยอยไล่แก้ให้ยามว่างอยากให้แก้เรื่องไหนคอมเมนต์ไว้นะคะ
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
บทที่1083 หิมะตกแล้ว
วันที่สองตอนที่ตื่นขึ้น หานมู่จื่อก็พบว่าเสี่ยวเหยียนที่นอนอยู่ข้างๆเธอกำลังมองไปนอกหน้าต่างอย่างเหม่อลอย สีหน้าดูสับสนเล็กน้อย
“เป็นอะไรไป” หานมู่จื่อเพิ่งตื่นนอน หนังตายังหนักอยู่ ถามไปพลางหลับตาไปด้วย ยังอยากจะนอนต่ออีกสักหน่อย แต่วันนี้พวกเธอยังต้องเตรียมตัวกลับไปที่เมืองเป่ยอีก
เมื่อได้ยินเสียงของเธอ เสี่ยวเหยียนก็ได้สติกลับมา แล้วชี้นิ้วไปทางนอกหน้าต่าง
“ดูสิ หิมะตกแล้ว”
หิมะตกแล้ว ?
ใจของหานมู่จื่อกระตุกวูบ แล้วรีบมองไปนอกหน้าต่างทันที
นอกหน้าต่างขาวโพลนไปหมด หิมะโปรยปราย
มองแค่แวบเดียว หานมู่จื่อก็เลิกผ้าห่มออกแล้วลุกขึ้นมานั่ง เพราะขยับตัวเร็วเกินไป ทำให้ตอนที่ลุกขึ้นนั่งภาพตรงหน้าก็มืดไปหมด แต่ก็ฟื้นฟูกลับมาอย่างรวดเร็ว เธอวิ่งไปที่ริมหน้าต่างทั้งที่ยังไม่ทันสวมรองเท้า
หิมะตกแล้วจริงๆ อีกอย่างก็ตกหนักมากด้วย โลกด้านนอกขาวโพลนไปหมด บนฟ้าเองก็มีหิมะที่ราวกับขนเป็ดโปรยปรายลงมา
สภาพแบบนี้……
“มู่จื่อ เป็นอะไรไป” เสี่ยวเหยียนเดินมาที่ริมหน้าต่าง คงเป็นเพราะพึ่งจะตื่นนอน สมองเธอก็เลยยังเบลออยู่ ขณะที่ถามก็ยกมือขึ้นเกาศีรษะของตัวเองไปด้วย “หิมะตกหนักมากเลยนะ คิดไม่ถึงเลยว่าจู่ๆหิมะจะตกหนักแบบนี้”
“หา!” จู่ๆเสี่ยวเหยียนก็เหมือนคิดอะไรขึ้นมาได้ เลยตบศีรษะตัวเองไปหนึ่งที “ดูสิฉันนี่นอนจนเลอะเลือนแล้ว หิมะตกขนาดนี้เขาจะปิดถนนกันหรือเปล่า แล้วพวกเราจะกลับเมืองเป่ยได้ยังไง”
คิ้วงามของหานมู่จื่อขมวดแน่นขึ้น เธอเม้มริมฝีปากล่างของตัวเองแล้วทอดมองไปยังด้านนอกที่ขาวโพลน
ก่อนมาเธอไม่ได้ตรวจสอบสภาพอากาศมาก่อน เพราะช่วงหลายวันที่ผ่านมาอากาศก็ยังดีอยู่ เธอก็เลยคิดว่าปีนี้หิมะคงไม่ตกหนัก คิดไม่ถึงเลยว่าหิมะจะมารวดเร็วขนาดนี้ และมาโดยไม่ให้สุ้มให้เสียง
กริ๊ง กริ๊ง
ขณะที่ทั้งสองคนกำลังยืนทื่ออยู่ริมหน้าต่าง เสียงกริ่งของห้องพักก็ดังขึ้น เสี่ยวเหยียนเลยรีบพูดขึ้น
“ฉันไปเปิดเอง”
คนที่มาเคาะประตูก็คือเซียวซู่ เขาเตรียมตัวเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นตอนที่เห็นเสี่ยวเหยียนมาเปิดประตูทั้งชุดนอนก็เลยขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ข้างนอกหิมะตกแล้ว เกรงว่าวันนี้คงจะไปไม่ได้”
เมื่อพูดจบ สายตาของเซียวซู่ก็ตกไปอยู่ตัวเสี่ยวเหยียน “สวมเสื้อผ้าให้เรียบร้อย อย่าให้เป็นหวัด”
เสี่ยวเหยียนก้มหน้าลงถึงได้พบว่าตัวเองสวมชุดนอนอยู่ เธอยกมือขึ้นปิดร่างตัวเองโดยสัญชาตญาณ จากนั้นก็ปิดประตูดังปังทันที แล้วกลับไปสวมเสื้อผ้าให้เรียบร้อย
แล้วก็หยิบเสื้อคลุมไปคลุมให้หานมู่จื่อ “รีบสวมให้เรียบร้อย อย่าให้เป็นหวัดล่ะ”
ถึงแม้ในโรงแรมจะเปิดเครื่องทำความร้อน แต่ใครจะไปรู้ว่าวินาทีต่อมาหานมู่จื่อจะออกไปข้างนอกหรือเปล่า อีกอย่างเธอยังยืนบนพื้นด้วยเท้าเปล่าอีก
หานมู่จื่อกระชับเสื้อคลุม แล้วมองเสี่ยวเหยียนด้วยแววตาหนักใจทีหนึ่ง
“ฉันรู้ว่าเธอกำลังกังวลเรื่องอะไร แต่ตอนนี้หิมะตกหนักแบบนี้ก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี พวกเราอยู่ต่ออีกวัน แล้วคอยดูพรุ่งนี้อีกทีเป็นไง”
หานมู่จื่อไม่ตอบคำถามของเสี่ยวเหยียน แต่กลับล้วงโทรศัพท์มือถือออกมาเช็กดู เห็นข่าวใหม่ว่าหิมะตกหนักกะทันหัน มีถนนหลายสายถูกปิด ไม่สะดวกที่จะออกเดินทาง
ถึงแม้ว่าใจของหานมู่จื่อจะโหยหาบ้านขนาดไหน แต่ตอนนี้เธอก็พูดคำว่าจะกลับไปเดี๋ยวนี้ออกมาไม่ได้ เพราะหิมะตกหนักแบบนี้ไม่เพียงแค่เดินทางไม่สะดวก แต่ยังอันตรายมากอีกด้วย
“มู่จื่อ ?”
หานมู่จื่อได้สติกลับมา เงยหน้าขึ้นก็พบว่าเสี่ยวเหยียนกำลังมองเธอด้วยสีหน้าเป็นกังวล เธอพูดอธิบายพร้อมแววตาไม่สบายใจว่า “ขอโทษนะ เมื่อกี้ฉันไม่ได้ตั้งใจจะพูดแบบนั้น ถ้าเธอไม่อยากอยู่ต่อล่ะก็ งั้นพวกเรา……”
“ไม่เป็นไร อยู่ต่ออีกวันสองวันก็ได้ นานๆทีจะได้มาเมืองใกล้เคียง อีกเดี๋ยวพอกินข้าวเช้ากันแล้ว พวกเราก็ลงไปดูห้างสรรพสินค้าที่อยู่ด้านล่างกันเถอะ”
เมื่อได้ยินเธอพูดแบบนั้น เสี่ยวเหยียนก็รู้สึกโล่งอก
“เธอไม่โกรธก็ดีแล้ว”
หานมู่จื่อมองเธออย่างเอ็นดู “เธอนี่นะ ใส่ใจความรู้สึกคนอื่นเกินไปแล้ว”
“ช่วยไม่ได้นี่นา ใครให้ฉันกับเธอเป็นพี่น้องที่ดีต่อกันล่ะ ฉันไม่ได้ทำแบบนี้กับคนอื่นหรอกนะ”
เมื่อได้ยินแบบนั้น หานมู่จื่อก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ใช่ เมื่อก่อนเสี่ยวเหยียนเป็นคนง่ายๆรักอิสระ หลังจากสนิทกับเธอแล้ว ถึงได้ค่อยๆมีความผูกพันกัน
โชคชะตาของคนเรา ไม่อาจบรรยายเป็นคำพูดได้จริงๆ
จู่ๆหิมะก็ตกหนัก ส้งอานเลยโทรมาหาหานมู่จื่อ เพื่อกำชับให้เธอระมัดระวังตัวและดูแลสุขภาพให้ดี รอให้หิมะหยุดตกก่อนค่อยกลับเมืองเป่ย
เพราะว่าไม่สามารถกลับตรงเวลาได้ หานมู่จื่อก็เลยส่งข้อความไปให้หานชิง
ทางเสี่ยวเหยียนเองก็โทรไปแจ้งสถานการณ์กับทางหลัวหุ้ยเหม่ยด้วย
ตอนที่ได้รับข่าวนี้ หลัวหุ้ยเหม่ยกำลังยุ่งอยู่กับงานในร้าน เพราะก่อนจะเปิดร้านลูกสาวสอนเธอเอาไว้ ดังนั้นถึงเสี่ยวเหยียนไม่อยู่เธอก็สามารถช่วยงานได้ บวกกับที่มีดาวน้ำโชคอย่างเสี่ยวหมี่โต้วอยู่ที่นี่ด้วย กิจการของร้านก็เลยไปได้สวยมาก
หลังจากวันนั้น หานชิงก็ไปหาเสี่ยวหมี่โต้วอยู่ครั้งหนึ่ง
แต่เสี่ยวหมี่โต้วกลับปฏิเสธเขา แถมยังบอกว่าคุณน้าเป็นคนไม่ดี ไม่อยากจะอยู่กับคุณน้าแล้ว ทำเอาทุกคนต่างก็อึดอัดกันหมด หานชิงเองก็ไม่ได้ฝืน ดังนั้นเสี่ยวหมี่โต้วก็เลยอยู่กับสามีภรรยาตระกูลจาง
ช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ คอยเกาะติดประจบสามีภรรยาตระกูลจางแจ แล้วยังพูดว่าพอโตขึ้นจะแต่งงานกับน้าเสี่ยวเหยียน ตอนที่คุณพ่อจางได้ยินคำนี้ ก็ตกใจจนเกือบตกจากเก้าอี้ จากนั้นเขาก็รีบปิดปากของเสี่ยวหมี่โต้วทันที
“โถ่บรรพบุรุษตัวน้อยของฉัน คำแบบนี้ห้ามพูดไปเรื่อยนะ เกิดประธานเย่มาได้ยินเข้า เดี๋ยวจะคิดว่าตาเฒ่าจางคนนี้สอนนายพูดเรื่องไม่เป็นเรื่องพวกนี้เอา”
หลัวหุ้ยเหม่ยที่อยู่ข้างๆกลับขำออกมาเสียยกใหญ่
“ฉันว่าก็ไม่เลวนะ ดูรูปลักษณ์กับรัศมีของประธานเย่สิ เสี่ยวหมี่โต้วโตขึ้นมาจะต้องไม่แพ้พ่อเขาแน่ นี่เป็นทางเลือกที่ดี”
เสี่ยวหมี่โต้วยิ้มให้หลัวหุ้ยเหม่ยอย่างภูมิอกภูมิใจ
แต่คุณพ่อจางกลับสลดหดหู่เอามากๆ
“เธอฝันหวานไปหรือเปล่า คนอื่นเขาโตมาดูดีแล้วเกี่ยวอะไรกับเธอ ถ้าผ่านไปอีกสิบปียี่สิบปี เหยียนเหยียนก็คงแก่แล้ว คนแก่หงำเหงือกคิดจะกินหญ้าอ่อน ไม่กลัวขายขี้หน้าหรือไง”
พอหลัวหุ้ยเหม่ยได้ฟังแล้ว ก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมา เลยหันไปตะคอกใส่สามี
“คุณนี่มันตาเฒ่านิสัยเสียจริงๆ มีใครเขาว่าลูกสาวตัวเองแบบนี้บ้าง คนแก่หงำเหงือกอะไรกัน ลูกสาวฉันสิบแปดตลอดกาลย่ะ!”
คุณพ่อจาง “……”
ผู้หญิง ช่างไร้เหตุผลเสียจริง!
ตั้งใจคิดให้ดี จะสิบแปดตลอดกาลได้อย่างไรกัน
ถ้าสิบแปดตลอดกาลได้จริงๆ แบบนั้นคงได้กลายเป็นสัตว์ประหลาดแน่ แค่คิดก็สยองแล้ว
หิมะตกหนักไม่ใช่เล่น แถมยังตกอย่างเป็นเรื่องเป็นราว เมื่อคืนตกทั้งคืน กลางวันก็ยังตกต่ออีก ตอนที่หานมู่จื่อกับเสี่ยวเหยียนกลับถึงโรงแรมทั้งศีรษะและไหล่ของทั้งสองคนต่างเต็มไปด้วยหิมะจำนวนไม่น้อย ข้างนอกไม่มีเครื่องทำความร้อน ทั้งสองคนเลยตัวสั่นเทา สิ่งแรกที่ทำหลังจากกลับถึงโรงแรมก็คืออาบน้ำร้อนก่อน
หานมู่จื่อกลับไปไม่ได้ แต่ในใจกลับเอาแต่คิดถึงเย่โม่เซิน ดังนั้นช่วงบ่ายก็เลยวิดีโอคอลไปหาส้งอาน
เมื่อเห็นเย่โม่เซินที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยผ่านทางวิดีโอคอล รู้สึกเหมือนสีหน้าจะดูดีขึ้นมาบ้างแล้ว
แต่ก็ไม่รู้ว่าหานมู่จื่อรู้สึกไปเองหรือเปล่า
“เธอรู้สึกว่าสีหน้าของเขาดีขึ้นบ้างแล้วหรือเปล่า” ตอนที่หานมู่จื่อกำลังคิดอยู่ในใจนั้น ส้งอานก็ถามขึ้นมาคำหนึ่ง
หานมู่จื่อได้สติกลับมา แล้วถามอย่างประหลาดใจว่า “คุณน้าก็รู้สึกเหรอคะ”
ส้งอานพยักหน้า “อืม ไม่เพียงแค่ฉันที่รู้สึกนะ ชายชราเองก็พูดแบบนี้เหมือนกัน แล้วจะบอกเธออีกอย่างด้วยว่า คุณหมอเองก็บอกว่าเขาฟื้นฟูได้ไม่เลว น่าจะฟื้นเร็วๆนี้แหละ”