เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 1091
บทที่ 1091 ให้ตายเถอะ ชายแมนทั้งแท่ง
เมื่อเห็นหานชิง เสี่ยวเหยียนก็ตกตะลึงเล็กน้อย รู้สึกมีสติมากขึ้น
ทั้งๆที่ไม่ได้ดื่มเหล้า……
“ขึ้นรถ” หานชิงพูดอย่างเย็นชา
เสี่ยวเหยียน “……”
ก็เพราะเธอบังเอิญได้ยินบทสนทนาของพวกเขา เขาก็จะไม่ปล่อยเธอไปเหรอ? เสี่ยวเหยียนมองเขาอย่างใจเสาะ ยกมือขึ้น
“คือว่า ฉันไม่ขึ้นรถได้ไหม?”
เธอได้สัญญาไว้มากมายขนาดนั้นแล้ว ทำไมยังไม่ปล่อยเธอไป?
อีกอย่าง เสี่ยวเหยียนกินเค้กที่มันเลี่ยนมากเกินไปในตอนกลางคืน ตอนนี้รู้สึกคลื่นไส้มาก เธอก็ไม่กล้าที่จะขึ้นรถ เพราะกลัวว่าเดี๋ยวตัวเองจะอาเจียนในรถของเขา
“ส่งคุณกลับไป”
“ห๊ะ? ส่ง ส่งฉันกลับไป?” เสี่ยวเหยียนยังไม่ทันมีปฏิกิริยาตอบสนอง หันชี้มาที่ตัวเอง หานชิงจะส่งเธอกลับไป?
ทำไมเรื่องนี้ฟังดูลึกลับมหัศจรรย์จัง
เธอรู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังฝันอยู่ จึงยื่นมือออกมาขยี้ตาตัวเอง จากนั้นมองอย่างตั้งใจ พบว่าใบหน้าที่เย็นชาของหานชิง ยังคงอยู่ตรงหน้า ไม่ได้หายไป
เสี่ยวเหยียนยืดตัวตรงทันที ตอบอย่างจริงจัง
“ไม่จำเป็นต้อง ขอบคุณ”
เธอรู้ว่าหานชิงส่งเธอกลับไป ล้วนเป็นเพราะเห็นว่าเธอเป็นเพื่อนสนิทของน้องสาวเขา จึงมีความเป็นสุภาพบุรุษ มิฉะนั้นตามนิสัยของเขาแล้ว จะจอดรถรอเธอได้อย่างไร? แต่ในเมื่อเสี่ยวเหยียนได้ตัดสินใจที่จะอยู่ห่างจากเขาแล้ว ก็จะไม่ขึ้นรถของเขาอีก
หากเป็นเช่นนี้ตลอด ไปๆมาๆ เธอกับหานชิงก็ตัดไม่ขาด จิตใจยังยิ่งสับสน
ที่สำคัญคือ คนเขาอาจจะไม่เป็นอะไรเลย ที่สาหัสคือตัวเธอเอง บอกว่าจะยอมแพ้ แต่ยังอยู่ที่เดียวกับเขา มันก็คือการทรมานเธอไม่ใช่หรือ?
เพราะฉะนั้น เธอห้ามขึ้นรถเด็ดขาด!
เธอต้องยืนกรานจุดยืนของตัวเอง!
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หานชิงก็ขมวดคิ้ว จากสิ่งที่เสี่ยวเหยียนพูดในด้านในแล้ว เขาก็เดาได้โดยประมาณแล้วว่า เสี่ยวเหยียนจะปฏิเสธ แต่ก็ควบคุมใจตัวเองไม่ได้ เมื่อเห็นร่างเล็กๆของเธอยืนอยู่ที่นั่น ทั้งๆที่รู้ว่า รถควรจะขับผ่านหน้าเธอโดยตรง แต่สุดท้ายแล้ว เขาก็ยังจอดรถ
“ไม่จำเป็นจริงๆเหรอ?” หานชิงจ้องมองเธอ ด้วยแววตาเจือจาง
เสี่ยวเหยียนรู้สึกอย่างอธิบายไม่ถูก ว่าแววตานี้ทำให้เธอขนลุกหนาวสั่น เธอกัดริมฝีปากล่างของตัวเองเบาๆ ตอนที่กำลังจะตอบตกลง มือข้างหนึ่งก็จับไหล่ของเธอไว้
“ขอบคุณความปรารถนาดีของประธานหาน แต่ก่อนหน้านี้ฉันได้สัญญาว่าจะส่งเธอกลับไปแล้ว ตอนนี้ให้เธอผิดสัญญาฉัน แล้วขึ้นรถของคุณ เกรงว่าจะทำให้เสี่ยวเหยียนลำบากใจ”
เซียวซู่ปรากฏตัวกะทันหัน จับไหล่ข้างหนึ่งของเธอเบาๆ ท่าทีเหมือนโอบเธอไว้ในอ้อมกอด มีรอยยิ้มที่มุมปากพร้อมอธิบายให้หานชิง
สายตาของหานชิง จ้องมองบนมือของเซียวซู่ เวลาประมาณสองวินาที ก็หันหน้าหนีแล้ว แต่ก็ยังถูกเซียวซู่จับได้อย่างเฉียบแหลม เขาจ้องมองหานชิงอย่างเงียบสงบไม่แสดงออก รอท่าทีต่อจากนี้ของเขา
แต่น่าเสียดายที่ไม่มี แววตาของหานชิงกลับสู่ความเยือกเย็น น้ำเสียงไร้อารมณ์
“ถ้าเป็นอย่างนี้ ก็ไม่ฝืนแล้ว”
สิ้นเสียง รถจากไป
เสี่ยวเหยียนมองท้ายรถ เนิ่นนานกว่าจะดึงสติกลับมาได้ วันนี้……เหมือนว่าหานชิงจะขับรถเอง ทำไมลุงหนานไม่ส่งเขามาในงานเลี้ยง?
“ใจลอยอะไร? ไปแล้ว”
เซียวซู่โอบเสี่ยวเหยียนไว้ เดินไปอีกด้านหนึ่ง เสี่ยวเหยียนเห็นรถของเขาจอดอยู่ไม่ไกล เดิมทีหัวสมองที่วุ่นวายมาก ก็ค่อยๆกระจ่างขึ้น
เธอไม่ได้ขึ้นรถของหานชิง แต่กลับขึ้นรถของเซียวซู่ นี่หมายความว่าอย่างไร?
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ เสี่ยวเหยียนก็หยุดลงในทันที
“คือว่า……”
เซียวซู่หยุดลง มองเธออย่างไม่ทราบสาเหตุ
เสี่ยวเหยียนยกมุมปากอย่างอึดอัด แล้วโบกมือให้เขา
“คุณกลับไปก่อนเถอะ ฉันเพิ่งนึกได้ว่า ฉันยังมีธุระที่ต้องไปหามู่จื่อ ฉันจึงต้องกลับไปสักพัก”
“มีธุระอะไรที่จะไปหาเธอ? ถ้าอย่างนั้นฉันจะรอคุณอยู่ที่นี่ ต้องนานแค่ไหน?”
เมื่อได้ยินเข้า เซียวซู่ก็ไม่ได้สงสัย นึกว่าเธอมีธุระที่จะไปคุยกับมู่จื่อจริงๆ เพราะว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองคน ดีมาโดยตลอด ทุกคนต่างก็รู้ดี
“……”
ไม่คาดคิดว่า อีกฝ่ายจะเป็นชายแมนทั้งแท่ง ถึงฟังไม่เข้าใจว่า เธอขอให้เขาออกไปก่อนอย่างอ้อมๆ ตัวเองไม่อยากจะขึ้นรถของเขา แต่เพราะอีกฝ่ายคือความปรารถนาดี เสี่ยวเหยียนไม่สามารถพูดตรงเกินไปได้ จึงต้องพยายามบอกเป็นนัยให้เขา
“คือว่า……เรื่องที่ฉันหาเธอ ก็ค่อนข้างจะสำคัญมาก คงต้องใช้เวลานาน ให้คุณรอนานเกินไป รู้สึกเกรงใจมาก ดังนั้นคุณกลับไปก่อนดีกว่า”
เซียวซู่ตอบด้วยใบหน้าที่ไร้ซึ่งอารมณ์ “ฉันไม่เป็นไร เพราะยังไงฉันก็ไม่มีอะไรทำ”
เสี่ยวเหยียน “……”
ลูกพี่ใหญ่ คุณน่ารำคาญมาก! ! !
ช่วยสงบสติอารมณ์ แล้วตั้งใจคิดความหมายในคำพูดของเธอได้ไหม??? อย่าเป็นชายแมนทั้งแท่งขนาดนี้ได้ไหม??
เธอโกรธแทบตายจริงๆ!
เสี่ยวเหยียนกัดฟันแน่น หมดความอดทนที่จะอ้อมค้อมกับเขาแล้ว จ้องมองอีกฝ่ายอย่างดุเดือดโดยตรง พูดเสียงดัง “แล้วแต่คุณ ชอบรอนานแค่ไหนก็รอนานแค่ไหนแล้วกัน!”
หลังจากพูดจบ ก็หันเดินเข้าไปข้างใน เซียวซู่เห็นท่าทีที่โกรธเกรี้ยวของเธอ ทันใดนั้นก็นึกคิดได้
ที่แท้……เธอกำลังปฏิเสธตัวเอง
ไม่อยากขึ้นรถของหานชิง และไม่อยากขึ้นรถของเขาด้วย
ตอนที่เซียวซู่คิดจนเข้าใจแล้ว ทำได้เพียงยิ้มอย่างขมขื่นในใจ จ้องมองร่างตรงหน้าสักพัก เขาก็ก้าวขายาวแล้วไล่ตามไป
เซียวซู่ตัวสูง ขาก็ยาว จึงไล่ตามเสี่ยวเหยียนได้อย่างรวดเร็ว ขวางอยู่ตรงหน้าเธอ
“อย่าอารมณ์เสียเลย ฉันส่งคุณกลับไปนะ ตอนนี้คูณเข้าไปหาคุณนายน้อย คุณนายน้อยก็ไม่มีเวลาสนใจคุณ”
เมื่อได้ยิน เสี่ยวเหยียนยืนนิ่ง เงยหน้าขึ้นมองเขา
“หมายความว่าไง?”
“เธออยู่กับคุณชายเย่ คุณแน่ใจหรือว่าต้องการเข้าไปรบกวนพวกเขา?”
เสี่ยวเหยียน “……”
อยู่กับเย่โม่เซิน? เมื่อนึกถึงท่าทางที่เย็นชาของเย่โม่เซินแล้ว เธอก็อดไม่ได้ที่อยากจะสะดุ้งตัวสั่น ดังนั้นก็ช่างมันเถอะดีกว่า
แต่ตอนนี้เปลี่ยนคำพูดก็ไม่ค่อยดีนัก เสี่ยวเหยียนจึงต้องพูดว่า “งั้นฉันเข้าไปรอก็ได้ รอว่างเมื่อไหร่ ฉันค่อยคุยกับเธอ ถ้าไม่มีเวลา ที่นี่มีห้องมากมายขนาดนี้ คืนนี้ฉันพักที่นี่ก็ได้ หรือไปเบียดกับน้าส้งคืนหนึ่งก็ได้”
ทั้งสองคนกำลังคุยกัน ชายหญิงคู่หนึ่ง ก็เดินออกมาจากข้างใน คือเลิงเยาเยากับหวังอานโดยบังเอิญ
เมื่อเห็นเสี่ยวเหยียน เลิงเยาเยาก็โบกมือให้เธอ
“คุณยังไม่ไปเหรอ? เมื่อกี้เห็นคุณออกมา คิดว่าคุณใกล้จะถึงบ้านแล้วเสียอีก”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ ดวงตาของเสี่ยวเหยียนก็ประกายขึ้นทันที ราวกับว่าจับฟางช่วยชีวิตได้ วิ่งไปที่เลิงเยาเยาและหวังอานอย่างรวดเร็ว “พวกคุณจะกลับไปใช่ไหม? ฉันสามารถนั่งรถของพวกคุณกลับไปได้ไหม?”
สองคนชะงัก เลิงเยาเยายังตั้งตัวไม่ได้ สีหน้าของหวังอานก็เปลี่ยนไปอย่างแปลกประหลาด “ข้างหลังคุณ……มีคนพร้อมที่จะส่งคุณกลับบ้านแล้วไม่ใช่เหรอ? ทำไมดันต้องเบียดกับเราด้วย?” ในที่สุดเขาก็หาโอกาสที่จะส่งเทพธิดากลับบ้าน โอกาสที่ดีขนาดนี้ เขาไม่ต้องการมีก้างขวางคอ
เสี่ยวเหยียน “……”
เลิงเยาเยามองหวังอานตาขวาง “คุณพูดอะไรกัน ถ้าไม่อยากตกลง คุณก็กลับบ้านเอง ฉันกับเสี่ยวเหยียน
จะนั่งแท็กซี่ด้วยกัน”
เสี่ยวเหยียนพยักหน้าอย่างรวดเร็ว “ฉันเห็นด้วย”
หวังอาน “คุณเห็นด้วยอะไร? กลางคืนดึกดื่น ผู้หญิงสองคนนั่งแท็กซี่ปลอดภัยที่ไหน? อีกอย่างก็ไม่ใช่ว่าไม่มีใครรับส่ง”
แม้ว่าจะรู้สึกอารมณ์เสียไม่น้อย แต่หวังอานจะยอมให้เลิงเยาเยานั่งแท็กซี่ได้อย่างไร จึงต้องจำใจตอบตกลง
แต่ในเวลานี้ เซียวซู่เดินเข้ามา
“ขออภัย รบกวนพวกคุณแล้ว ฉันส่งเธอกลับไปเอง พวกคุณกลับไปก่อนเถอะ”
“เซียวซู่!” เสี่ยวเหยียนขบเขี้ยวเคี้ยวฟันตะโกนเรียกเขา เซียวซู่ยิ้มแต่ไม่พูด