เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 1119
บทที่ 1119 เปิดตัวต่อหน้าสาธารณชน
เสียงผู้ชายที่ดังขึ้นมาอย่างกะทันหันทำให้คนทั้งสองต่างประหลาดใจ
คนที่ชวนเสี่ยวเหยียนคุยหันไปมองยังต้นตอของเสียง เขาเห็นว่าคนที่เดินเข้ามามีใบหน้าเคร่งขรึมเล็กน้อย เมื่อสายตาเย็นยะเยือกมองมาที่เขาก็รู้สึกหนาวสั่นบริเวณแผ่นหลังอย่างบอกไม่ถูก
“หาน ประธานหาน?”
คนที่มาเข้าร่วมงานเลี้ยงวันนี้ มีใครบ้างที่ไม่รู้จักประธานหาน?
ทว่าโดยปกติแล้วเขามักจะอยู่ตัวคนเดียว วันนี้ทำไมถึงเข้ามาร่วมเสวนากับคนอื่นได้ล่ะ? ถ้าพูดกันตามเหตุผลแล้ว เขาไม่น่าจะวางตัวแบบนี้ อย่างงั้นก็หมายความว่าสาเหตุที่ประธานหานเดินมานั่นก็คือ…ชายหนุ่มหันไปมองสาวน้อยชุดขาวที่เขากำลังจีบอยู่
แน่นอนว่าสายตาของเสี่ยวเหยียนจับจ้องไปที่ใบหน้าของหานชิง ใบหน้าขาวๆของเธอดูเหมือนได้รับความหวาดกลัว ริมฝีปากเปิดเล็กน้อยราวกับอยากอธิบายบางอย่าง แต่กลับพูดไม่ออก
อันที่จริงตอนที่เสี่ยวเหยียนถูกคนรั้งไว้ไม่ให้เข้าไป ในใจเธอพะว้าพะวังอยู่บ้าง เนื่องจากเธอไม่รู้ว่าถ้าตัวเองสายแล้ว หานชิงจะเดินตรงดิ่งเข้าไปงานเลี้ยงเลยหรือไม่ พอถึงตอนนั้นเธอก็ต้องอยู่คนเดียว แม้แต่งานเลี้ยงก็อาจจะไม่ได้เข้าไป
ไม่คิดเลยว่าหานชิงจะเดินมาหา
สายตาของหานชิงในเวลานี้ดูเย็นชาเล็กน้อยและเข้มขึ้นมาหลายส่วน เสี่ยวเหยียนจับกระโปรงด้วยความลังเลอยู่สักพัก และในที่สุดก็เดินไปหาหานชิงด้วยก้าวที่ไม่มั่นคง
ในขณะที่เดินก็สูดหายใจไปด้วย
แม้วันนี้รองเท้าส้นสูงคู่นี้จะใส่ได้พอดีเท้า แต่มันก็ยังสูงมากเกินไป ถ้ารู้แบบนี้แล้วเธอคงเลือกสวมคู่ที่เตี้ยลงมาอีกนิด
อย่างไรก็ตามในบรรดารองเท้าเหล่านั้นมีเพียงรองเท้าส้นสูงคู่นี้ที่เข้ากับชุดของเธอ เลือกอยู่ตั้งนานกว่าจะเลือกได้
ในขณะที่สายตามองเพื่อจะเดินไปอยู่ข้างๆหานชิง ทันใดนั้นเสี่ยวเหยียนก็สะดุดโดยไม่คาดคิด เดิมทีก็ยืนไม่มั่นอยู่แล้ว การสาวเท้าก็ยิ่งเป็นเหมือนศัตรูตัวร้าย เธอก้าวไปข้างหน้าอย่างไร้การควบคุมและล้มลงไป
ไม่ไกลออกไป หลังจากที่ซูเหยาเหยาเห็นกับตาว่าพอหยูซานอิงแอบอยู่ในอ้อมอกหานชิงก็โดนเขาเหวี่ยงออกและล้มลงกับพื้นอย่างน่าอับอาย ต่อมาก็มีสายตาสมน้ำหน้ามองเธออยู่ไม่น้อย คาดไม่ถึงว่ายังมีผู้หญิงที่คิดจะเอาละครเก่ามาแสดงใหม่อีกครั้งโดยการโผเข้าซบเขาอีก?
ซูเหยาเหยายืนกอดอกอยู่ข้างหน้าพลางมองเสี่ยวเหยียนที่โผตัวล้มไปทางชายหนุ่มผู้เย็นชาและสูงส่ง หน้าตาเธอคนนั้นเปลี่ยนไป ใบหน้าเล็กตกตะลึงพรึงเพริด หากมองดีดีก็ดูแย่ลงเล็กน้อย
เล่นได้ไม่เลว แสดงได้ดีเลยทีเดียว
แต่ท่าทางสะดีดสะดิ้งของเธอดูจะแย่เกินไปหรือเปล่า? ทำท่าทางแบบนี้ตอนซบอกไม่กลัวตัวเองจะน่าเกลียดจนทำให้อีกฝ่ายตกใจหรือไง?
ฮึ โง่จริงๆเลย
ทว่าในไม่ช้า ซูเหยาเหยาก็ถูกตบหน้าด้วยความคิดของตัวเอง
เนื่องจากเห็นหานชิงดูไม่ไหวติงใดๆ ทั้งยังเอื้อมมือออกมารับเสี่ยวเหยียนไว้
ฝูงชนที่เตรียมตัวชมการแสดงดีดี “…”
ซูเหยาเหยา “…”
คนที่ขายหน้าอย่างน่าเวทนาก็ยังคงเป็นหยูซาน “…”
นี่มันเกิดอะไรขึ้น?
เสี่ยวเหยียนยังคิดว่าตัวเองจะต้องสัมผัสพื้นเสียแล้ว แต่ใครจะรู้ว่ามีสองมือรับเธอไว้ จากนั้นก็ได้กลิ่นที่คุ้นเคยในลมหายใจและโอบล้อมเธอไว้
เสี่ยวเหยียนเงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจ เธอสบกับดวงตาสงบและมืดมนของหานชิงเข้าพอดี เสี่ยวเหยียนใจเต้นรัวขึ้นมาทันใด ความคิดแรกของเธอก็คือเขาจะคิดว่าเธอจงใจล้มเพื่อให้เขากอดตัวเองหรือเปล่านะ?
พอคิดได้ดังนั้น เธอก็รีบอธิบายยกใหญ่ “ขอ ขอโทษค่ะ…รองเท้าสูงไปหน่อย แต่ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆนะคะ”
เมื่อได้ยินดังนั้นหานชิงก็ขมวดคิ้วพลางมองมายังรองเท้าส้นสูงของเธอ
รองเท้าส้นสูงสีขาวห่อหุ้มข้อเท้าเล็กที่งดงามราวกับหยก นิ้วเท้าทั้งห้ากลมเล็กน้อยแต่ไม่อวบดูน่ารักและบอบบาง รองเท้าคู่นี้เข้ากับเธอได้เป็นอย่างดียกเว้นความสูง หานชิงประเมินด้วยสายตาก็เข้าใจว่ามันดูสูงกว่าปกติเพื่อให้เข้ากับงานเลี้ยง คนที่เคยชินกับการสวมรองเท้าส้นสูงน่าจะสวมใส่มันได้ง่าย
อันที่จริงหานชิงเห็นซูจิ่วสวมรองเท้าส้นสูงแบบนี้วิ่งทำงานเป็นปกติ
แต่ทุกครั้งที่เสี่ยวเหยียนปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าเขา เธอมักจะสวมรองเท้าส้นเตี้ย คาดว่าสาวน้อยคงไม่คุ้นชินกับรองเท้าประเภทนี้ ยังจำได้ว่าเมื่อนานมาแล้วตอนที่เธอไปงานเลี้ยงงานหนึ่งกับตัวเองและตอนนั้นเธอสวมรองเท้าที่ไม่พอดีกับเท้าจึงทำให้เกิดแผลหลังจากนั้น
พอคิดถึงตรงนี้หานชิงก็มองส้นเท้าเธอและพูดเสียงทุ้ม
“รองเท้าไม่พอดีเหรอ?”
“อ๊ะ?” เสี่ยวเหยียนผงะไปชั่วขณะ จากนั้นก็ตอบอย่างรวดเร็วและพยักหน้า “พอ พอดีค่ะ แต่ว่ามันสูงไปหน่อย ไม่ค่อยชินเท่าไหร่”
หานชิงเงยหน้าขึ้นและมองไปยังใบหน้าขี้อายของสาวน้อย “เดินได้ไหม? ถ้าไม่พอดีก็เปลี่ยนอีกคู่”
“เปลี่ยนรองเท้า? ไม่ ไม่ต้องหรอกค่ะ แค่ไม่ชินเฉยๆ ไม่เป็นไร ฉันจะค่อยๆลองเดินดู”
พอพูดจบเสี่ยวเหยียนก็เพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองยังคงซบอกเขา เธอหน้าแดงพร้อมกับรีบกลับมายืนให้มั่น หลังจากที่พบว่าสายตาของทุกคนจับจ้องมายังตัวเธอ เธอก็อายทำตัวไม่ถูกและหลบอยู่ข้างหลังหานชิงโดยไม่รู้ตัว
แม้จะกลัวหานชิงเล็กน้อย แต่ในที่แห่งนี้เธอรู้จักเพียงแค่หานชิงเท่านั้น ดังนั้นจึงมีเพียงเขาที่ทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยได้
หลังจากที่สาวน้อยมองไปยังใบหน้าไม่คุ้นเคยรอบๆตัวเธอ การเคลื่อนไหวเล็กๆน้อยๆที่ซ่อนอยู่ข้างหลังเขาก็ถูกเขาจับจ้อง บอกไม่ถูกว่าทำไมหานชิงถึงรู้สึกว่าอารมณ์ขมุกขมัวของตัวเองค่อยๆหายไปและถูกแทนที่ด้วยความพึงพอใจ
เขาเม้มริมฝีปากและพูดว่า “ถ้าเดินไม่สะดวก เธอเกาะฉันก็ได้”
ไม่นานหลังจากสิ้นเสียง หานชิงก็รู้สึกได้ถึงแรงดึงเล็กน้อยจากแขนเสื้อ เขาเลื่อนสายตาลงและเห็นมือขาวคู่หนึ่งจับแขนเสื้อของเขาอย่างระมัดระวัง แต่เป็นการจับเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเพราะกลัวว่าถ้าจับมากเกินไปเขาจะไม่พอใจ
“ตามฉันมา”
“ค่ะ”
สาวน้อยเดินตามอยู่ข้างๆหานชิงโดยจับแขนเสื้อด้วยมือข้างเดียวในขณะที่ก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่ย่อท้อ
เมื่อเดินผ่านซูเหยาเหยาและหยูซาน พวกเธอทั้งสองต่างก็มีสีหน้าย่ำแย่ หยูซานมีพ่อช่วยพยุงไว้แล้วและยืนอยู่กับซูเหยาเหยาในเวลานี้
ตอนแรกซูเหยาเหยายังคิดว่าเสี่ยวเหยียนจะถูกเหวี่ยงออกไป แต่ใครจะรู้ว่าหานชิงไม่เพียงแต่รับเธอไว้ เขาทั้งยังอนุญาตให้เธอเดินอยู่ข้างๆเขาไปจนกระทั่งจับแขนเสื้อและเดินเข้างานไปด้วยกัน
ที่สำคัญก็คือผู้หญิงคนนี้ดูแปลกหน้ามาก ในวงสังคมของพวกเธอ แม้ว่าจะไม่ได้มีความสัมพันธ์คุ้นเคยกัน แต่ก็ไม่ถึงกับแปลกหน้าค่าตา เพราะมักจะพบปะกันในโอกาสต่างๆ
ผ่านไปนานมากแล้ว แม้ว่าทุกคนจะไม่รู้จักกัน แต่พวกเขาก็จะพบกันเป็นครั้งคราว
“เด็กผู้หญิงคนนี้เป็นใคร? ทำไมถึงยืนอยู่ข้างประธานหาน?”
แน่นอนว่าในบรรดาผู้ชมที่ได้เห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง บางคนต่างก็เริ่มตั้งคำถามอย่างสงสัยแล้วในตอนนี้
“จริงด้วย ประธานหานไม่เคยควงผู้หญิงออกงานตั้งแต่ไหนแต่ไรมาแล้วนี่นา? วันนี้เกิดอะไรขึ้นล่ะ???”
ทุกคนดูตกตะลึง “อะไรกัน จู่ๆประธานหานก็พาผู้หญิงออกงาน หรือว่าเป็นการเปิดตัวต่อหน้าสาธารณชน??”
“เป็นไปได้เหรอ? ต้นไม้เหล็กจะออกดอกเนี่ยนะ?”
ซูเหยาเหยาและหยูซานสบตากันด้วยสีหน้าไม่สู้ดี
“เมื่อกี้พวกเธอเห็นซูเหยาเหยากับหยูซานไหม? สองคนนั้นคิดจะเข้าไปตีสนิทแต่ประธานหานกลับไม่มองพวกเธออยู่ในสายตาเลย”