เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 1161
บทที่ 1161 ยอมรับ
สุดท้าย หานชิงก็ลูบหัวเสี่ยวเหยียนอีกครั้ง จากนั้นให้หล่อนขึ้นไปด้านบน เสี่ยวเหยียนหันหลังกลับและเดินออกไปด้วยใบหน้าแดงก่ำทันที
เมื่อถึงชั้นบน หล่อนยังมีความรู้สึกว่าสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดมันช่างน่าเหลือเชื่อเกินไปจริงๆ ดูเหมือนว่าหานชิงกลายเป็นคนอ่อนโยนแล้ว? แม้ว่าน้ำเสียงการพูดยังคงเรียบนิ่งเหมือนเมื่อก่อน แต่กลับไม่มีท่าทีเย็นชาและเหินห่าง ทำให้คนไม่กล้าเข้าใกล้เหมือนสมัยก่อนอีกแล้ว
หรือเป็นเพราะจูบครั้งนั้น?
เมื่อคิดได้เช่นนี้ ใบหน้าของเสี่ยวเหยียนก็ร้อนผ่าวขึ้นมาทันที
แอ๊ด——
ประตูถูกเปิดออกพอดี หลัวหุ้ยเหม่ยโผล่หน้าออกมามองดู
“ทำอะไรอยู่? แอบยืนอมยิ้มอยู่ที่หน้าประตูคนเดียว?”
เสี่ยวเหยียนหุบยิ้มทันที กระแอมขึ้น จากนั้นก็เดินกลับไปที่ห้องของตัวเอง
*
วิลล่าไห่เจียง
บนกระดานไม้ริมทะเล หานมู่จื่อกำลังประคับประคองท้องของตัวเองลงมาอย่างยากลำบาก หล่อนลองเอาเท้าจุ่มเข้าไปในน้ำเย็นให้รู้สึกผ่อนคลาย เสียงของใครบางคนค่อยๆดังขึ้นมาจากด้านหลัง
“หม่ามี๊ เดี๋ยวพ่อเห็นเข้าจะไม่พอใจนะครับ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หานมู่จื่อหยุดชะงักไปทันที หันไปเหลือบมองเสี่ยวหมี่โต้วที่เดินตามมา สีหน้าตึงเกร็งขึ้นมาทันที
“ตอนนี้เขาไม่อยู่ไม่ใช่เหรอ? แม่แค่แอบมาที่นี่ เขาจะได้ไม่เห็น”
เสี่ยวหมี่โต้วกระพริบตาด้วยความใสซื่อ “แต่หม่ามี๊ ก่อนที่พ่อจะออกไป เขาบอกให้ผมคอยจับตามองหม่ามี๊นะครับ”
“…” หานมู่จื่อ
“เสี่ยวหมี่โต้ว หม่ามี๊เป็นถึงแม่ของลูกนะ ลูกแน่ใจว่าจะรวมหัวกับพ่อรังแกแม่?”
เสี่ยวหมี่โต้วเดินมาด้านข้างหานมู่จื่อ ยื่นมือออกมาดึงแขนเสื้อหล่อน เบะปากด้วยความไม่พอใจ
“แต่หม่ามี๊ใกล้จะคลอดน้องแล้ว ช่วงนี้อากาศเย็นขนาดนี้ ไม่ดีต่อสุขภาพของหม่ามี๊นะครับ”
“อากาศเริ่มร้อนขึ้นแล้ว เล่นสักหน่อยคงไม่เป็นไรหรอก”
ยิ่งใกล้ถึงช่วงคลอดมากเท่าไหร่ หานมู่จื่อก็ถูกเย่โม่เซินจับตามองมากขึ้นเท่านั้น ไปไหนก็ไม่ได้ ทุกวันคอยช่วยประคองหล่อนตลอดเวลาเพราะกลัวจะหกล้ม และเกรงว่าจะเกิดอันตราย
เรื่องนี้ทำให้หานมู่จื่อพูดไม่ออกบอกไม่ถูกจริงๆ
เพราะเย่โม่เซินไม่เคยอยู่กับหล่อนตอนคลอดมาก่อน ตอนท้องแรกเขารู้สึกว่าตัวเองไม่ได้ทำหน้าที่สามีได้ดีอย่างเต็มที่ ครั้งนี้จึงอยากดูแลหล่อนให้ดีเป็นพิเศษ
ใครจะไปคาดคิดเมื่อเขาได้อยู่ดูแลหล่อนและได้เห็นข้อควรระวังของคุณแม่ตั้งครรภ์ เขาก็กลับกลายเป็นคนที่เคร่งครัดขึ้นมาทันที
ถ้าวันนี้ไม่ได้มีธุระจำเป็นที่ต้องออกไปจริงๆ และยังพาหล่อนไปด้วยไม่ได้ หานมู่จื่อคิดสงสัยว่าเขาคงอยากพกตัวเองไว้ในกระเป๋าเสื้อของเขาด้วย
สุดท้ายหานมู่จื่อจึงยืนยันกับเขาว่าจะไม่ไปไหน และจะอยู่รอเขาในห้องจนกว่าเขาจะกลับมา เย่โม่เซินจึงจะยอมออกไป แต่ก่อนที่เขาจะออกไป เขายังหาใครบางคนมาคอยจับตาดูหล่อน
ไม่ผิดคาด คนนั้นคือเสี่ยวหมี่โต้ว
“เสี่ยวหมี่โต้ว พ่อของลูกไม่เคยมีประสบการณ์คลอดมาก่อน แต่หม่ามี๊มีไงล่ะ เมื่อก่อนตอนที่หม่ามี๊ท้องลูกก็ไม่ได้เคร่งครัดเหมือนตอนนี้นะ ตอนนั้นหม่ามี๊ยังไปทำงานที่บริษัทอีกด้วย และยังทำเรื่องที่คนท้องทำไม่ได้ตั้งเยอะ สุดท้ายลูกก็ยังออกมาเป็นเด็กแข็งแรงไม่ใช่หรือไง?”
“หึ ไม่เหมือนกันสักหน่อย เสี่ยวมีโต้วเป็นเด็กผู้ชาย แต่ตอนนี้หม่ามี๊ท้องเด็กผู้หญิงอยู่นะ เด็กผู้หญิงต้องคอยดูแลปกป้องดีๆนะครับ”
หานมู่จื่อ:“…”
พูดจาฟังดูมีเหตุผล ทำให้หล่อนพูดโต้เถียงอะไรไม่ได้เลย
“หม่ามี๊รีบขึ้นมาเถอะครับ เดี๋ยวพ่อกลับมาแล้วเห็นหม่ามี๊ออกมาข้างนอก จะเคร่งครัดกับหม่ามี๊มากขึ้นนะครับ”
คำพูดนี้เตือนสติหานมู่จื่อขึ้นมาได้ทันที จริงสิ ถ้าเย่โม่เซินรู้เรื่องนี้ขึ้นมา หรือรู้สึกว่าตัวเองมีอะไรผิดปกติไป เขาต้องเคร่งครัดกับตัวเองมากขึ้นแน่นอน
โอกาสที่ได้ออกมาเดินเล่นเหมือนวันนี้ คงไม่มีอีกแล้ว…
คำพูดนี้ช่างจี้ใจเหลือเกิน หานมู่จื่อค่อยๆหันไปมองเสี่ยวหมี่โต้ว: “ลูกพูดโน้มน้าวหม่ามี๊ได้สำเร็จแล้ว”
“หม่ามี๊ งั้นพวกเรากลับไปกันเถอะ วันนี้ผมจะอยู่เป็นเพื่อนเอง”
“อื้ม”
หานมู่จื่อลุกขึ้นมาด้วยความยากลำบาก เสี่ยวหมี่โต้วเดินเข้าไปช่วยประคอง จากนั้นทั้งสองก็เดินจูงมือกันกลับเข้าไปในห้อง
หลี่ซือห้านนอนอยู่ที่โรงพยาบาลหลายวันจึงจะเริ่มขยับได้ เขาเคียดแค้นมาก คิดอยากแก้แค้นเสี่ยวเหยียนแต่ก็กลัวหานชิงมาก คืนวันนั้นสายตาของเขาน่ากลัวเหมือนปีศาจ บอกว่าจะฆ่าเขาให้ได้
ต่อมาทำไมเขาถึงมีชีวิตรอดมาได้ คงเป็นเพราะฟ้ามีตา รอให้เขาออกไปให้ได้ก่อน ผู้หญิงคนนั้นต้องเห็นดีแน่
อันที่จริงมีตำรวจมาที่นี่เมื่อหลายวันก่อนแล้ว เพียงแต่ตอนนั้นคุณหมอบอกว่า หลี่ซือห้านได้รับบาดเจ็บสาหัส ยังไม่สามารถออกจากโรงพยาบาลได้ ตำรวจจึงส่งคนมาเฝ้าที่นี่ และรอให้อาการของเขาดีขึ้น จากนั้นจะจับเขาไปทันทีที่สามารถออกจากโรงพยาบาลได้
แต่หลี่ซือห้านที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนสลบไปหลายครั้ง จึงทำให้เขาไม่รู้เรื่องนี้เลย
ช่วงหลายวันมานี้เสี่ยวเหยียนก็อยู่ในบ้านมาตลอด พ่อแม่จางกลัวว่าหล่อนจะหวาดกลัว จึงไม่ยอมให้หล่อนออกจากบ้าน และยังไม่ยอมให้หล่อนไปที่ร้านอีกด้วย บอกว่าหล่อนต้องพักผ่อนดีๆ ห้ามไปไหน
อันที่จริงเสี่ยวเหยียนจะไม่รู้ได้ยังไง พวกเขาทั้งสองก็แค่กลัวหล่อนออกไปแล้วเจอหลี่ซือห้านมาแก้แค้นเท่านั้น
“พ่อแม่ วันนี้ไม่ต้องเป็นห่วงหนูแล้วจริงๆ ขืนอยู่บ้านต่อไปแบบนี้ หนูคงรากงอกแน่ๆ หนูอยากออกไปเดินเล่นข้างบ้าง อย่างน้อยให้หนูไปช่วยที่ร้านก็ได้ หนูเป็นคนเปิดร้าน จะให้พ่อแม่ต้องมาลำบากได้ยังไงล่ะคะ?”
“ไม่ได้” หลัวหุ้ยเหม่ยปฏิเสธคำขอร้องของหล่อนทันที
เสี่ยวเหยียนทำสีหน้าเศร้า
“แม่ แม่ก็แค่กลัวว่าหนูออกไปแล้วจะเจอคนนั้นมาหาเรื่องหนูอีกใช่ไหม? ไม่มีทางหรอกค่ะ เขาบาดเจ็บสาหัสมาก นอนอยู่ที่โรงพยาบาลคงจะลุกขึ้นมาไม่ไหวด้วยซ้ำ ไม่มีทางทำอะไรหนูได้หรอกค่ะ”
หลัวหุ้ยเหม่ยถูกหล่อนพูดจี้ใจ จากนั้นก็หรี่ตาลง
“ลูกรู้ได้ยังไงว่าเขาบาดเจ็บสาหัส? คืนนั้น…”
เสี่ยวเหยียนพยักหน้าลง: “ค่ะ”
“ลงมือหนักขนาดนั้นเลย?”
เมื่อย้อนคิดดู คืนนั้นที่หานชิงจัดการหลี่ซือห้าน ถ้าหล่อนไม่เข้าไปขวางไว้ หานชิงคงทำเขาถึงตาย หล่อนคิดไม่ถึงเลยว่าคนที่เย็นชาสุขุมเช่นเขาจะมีอารมณ์ที่ดุเดือดได้ขนาดนี้
“แม่ ก็ไม่ได้รุนแรงอะไรขนาดนั้น เพียงแต่คืนนั้นหลี่ซือห้าน ทำเกินไปจริงๆ อีกอย่างหนูก็ช่วยแล้ว บาดแผลส่วนหนึ่งบนตัวเขาก็เป็นฝีมือของหนู”
เมื่อพูดถึงตอนท้าย สายตาของเสี่ยวเหยียนสั่นขึ้นมาทันที แสดงให้เห็นว่าหล่อนขาดความมั่นใจ หลัวหุ้ยเหม่ยจะมองเรื่องที่ลูกสาวให้ความสำคัญกับการปกป้องจากชายคนนั้นไม่ออกได้อย่างไร หล่อนครุ่นคิดไปมาจึงดึงมือของลูกขึ้นมาถาม: “ลูกจริงจังกับเขา? ต้องแต่งงานกับเขาเท่านั้น?”
เสี่ยวเหยียนหน้าแดง: “แม่ จู่ๆแม่ถามหนูแบบนี้ทำไม? พวกเรากำลังคุยเรื่องที่จะให้หนูออกไปข้างนอกไม่ใช่หรือไง?”
“ลูกตอบแม่มาก่อน แล้วแม่ค่อยคิดว่าจะให้ลูกออกไปรึเปล่า”
ครุ่นคิดสักพัก เสี่ยวเหยียนรู้สึกว่าพูดออกไปตรงๆเลยดีกว่า เพราะยังไงหล่อนก็รู้สึกว่า นอกจากหานชิงแล้ว คนอื่นคงไม่มีทางแน่นอน พูดออกไปตรงๆให้เข้าใจเลยดีกว่า
“ค่ะ” หล่อนพยักหน้าลง ยอมรับไปตรงๆ: “แม่ แม่เข้าใจความรู้สึกที่บ่งบอกว่า นอกจากเขาแล้ว ก็ไม่มีใครอยู่ในสายตาอีกเลย แบบนั้นไหม?”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลัวหุ้ยเหม่ยตกใจตะลึงทันที จากนั้นฟังสิ่งที่ลูกสาวพูดต่อ
“ตอนที่หนูเพิ่งรู้จักเขา หนูไม่ชอบเขา แต่ต่อมาตอนที่หนูเริ่มชอบเขา หนูก็ไม่มองใครอีกเลย ไม่ว่าคนอื่นจะดีกว่ายังไงก็ตาม”
หลัวหุ้ยเหม่ยตั้งสติ “แม่เข้าใจแล้ว ถ้าลูกของแม่คิดแบบนี้จริงๆ แม่ก็สนับสนุน เพียงแต่…เขาคิดยังไงกับลูก?