เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 1164
บทที่ 1164 รอฉันที่นี่
หานชิงรอหล่อนอยู่ที่ห้องรับแขก
เมื่อสาวน้อยเดินออกมา เดินคอตกมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขา พูดติดๆขัดๆ: “คะ…คุณหาฉันมีธุระอะไรเหรอ?”
ตื่นเต้นขนาดนี้เลย?
หานชิงเม้มปาก หลังจากนั้นสักพักจึงพูดขึ้น: “ตอนนี้ผมจะไปบริษัท บ่ายสองมีประชุม เสร็จประมาณบ่ายสามครึ่ง”
เมื่อเสี่ยวเหยียนที่ยืนก้มหน้าอยู่ได้ยินเช่นนี้ รู้สึกแปลกใจ ทำไมจู่ๆเขาถึงบอกเรื่องพวกนี้กับตัวเอง? ประชุมเกี่ยวอะไรกับหล่อนด้วย?
“หลังประชุมเสร็จ ผมไม่มีธุระอย่างอื่นแล้ว”
ตอนนั้นเอง เขาพูดเสริมขึ้นมา เสี่ยวเหยียนยิ่งรู้สึกแปลกใจมากขึ้น อดไม่ได้ที่จะต้องเงยหน้าขึ้นมา มองหน้าเขาด้วยสีหน้าที่แฝงไปด้วยความรู้สึกสงสัย
ท่าทางใสซื่อไร้เดียงสาของหล่อนทำให้หานชิงรู้สึกเหนื่อยใจ แต่เมื่อคิดไปคิดมาก็รู้สึกดี แววตาของเขาแฝงไปด้วยรอยยิ้ม
“ไปบริษัทกับผมไหม?”
เสี่ยวเหยียน: “…”
เขา…เชิญตัวเองไปบริษัทของเขา?
“ไปบริษัทกับคุณ?” หล่อนไม่แน่ใจจึงถามเขาอีกครั้ง
“อื้ม” หานชิงพยักหน้าลง ดูเหมือนไม่มั่นใจ ถามต่อ “ไปไหม?”
“ไปค่ะ!” เสี่ยวเหยียนพยักหน้าเต็มแรง พูดอย่างหนักแน่น เมื่อพูดจบก็รู้สึกว่าตัวเองแสดงท่าทีประเจิดประเจ้อเกินไป จึงรีบพูดอธิบาย “ความหมายของฉันก็คือ ยังไงตอนนี้ฉันก็ไม่มีธุระอะไร ไปกับคุณก็ได้ค่ะ”
เมื่ออธิบายเสร็จก็รู้สึกเสียใจภายหลัง ทำไมหล่อนต้องพูดมากขนาดนั้นด้วย ถ้าไม่อธิบายก็แค่รู้สึกเคอะเขิน แต่พออธิบายเสร็จก็รู้สึกเหมือนแสดงความรู้สึกออกมาชัดเจนมากกว่าเดิม เสี่ยวเหยียนแทบอยากจะกัดลิ้นของตัวเองให้ขาด
หล่อนเดินขึ้นรถไปกับหานชิง จากนั้นคาดเข็มขัดให้ตัวเอง และออกเดินทาง
เมื่อทั้งสองขับรถออกไปแล้ว บนชั้นสองของบ้านตรงหน้าต่างบานใหญ่มีเงาของเด็กและผู้ใหญ่สองคนกำลังยืนมองอยู่
เสี่ยวหมี่โต้วเงยหน้ามองหานมู่จื่อ: “หม่ามี๊ น้าเสี่ยวเหยียนจะเปลี่ยนสถานะไปเป็นน้าสะใภ้รึเปล่าครับ?”
เมื่อได้ยินคำว่าน้าสะใภ้ หานมู่จื่อกลับฟังแล้วรู้สึกรื่นหู หล่อนยิ้มและยกมือขึ้นมาลูบหัวของเสี่ยวหมี่โต้ว
“น่าจะใช่ คงอีกไม่นานแล้วล่ะ”
“อ๋อ” เสี่ยวหมี่โต้วพยักหน้าลง “งั้นต่อไปผมก็จะได้ไปกินและเล่นที่บ้านน้าสะใภ้ได้อย่างเต็มที่แล้ว”
หานมู่จื่อ: “…”
หล่อนเลี้ยงลูกมายังไง จึงคิดอยากจะไปเล่นและกินของที่บ้านคนอื่น?
*
บริษัท
หานชิงกับเสี่ยวเหยียนเข้าไปในบริษัทพร้อมกัน พนักงานต้อนรับจำได้ทันทีว่าคนที่อยู่ด้านข้างประธานหานก็คือคนที่เคยมาส่งอาหารคนนั้น ตอนแรกหล่อนคิดว่าตัวเองตาฝาดไป แต่เมื่อเสี่ยวเหยียนหันมา ก็สบตากับหล่อนทันที
เพียงแค่มองผ่านแวบเดียว พนักงานต้อนรับก็รู้สึกกลัวจนหลบสายตาไปทันที
เรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ หล่อนยังคงไม่ลืม ตัวเองกับคนพวกนั้นเคยสร้างเรื่องเดือดร้อนให้หล่อน ถ้าพนักงานส่งของคนนี้จะหาเรื่องหล่อนคืน หล่อนคงเป็นคนที่ถูกลงมือจัดการเป็นคนแรก
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ พนักงานต้อนรับรู้สึกเสียใจภายหลังมาก ตอนนั้นหล่อนควรสงบปากสงบคำไว้
แต่เสี่ยวเหยียนหันมาสบตาหล่อนเพียงแวบเดียว ก็เดินตามหานชิงไปอย่างรวดเร็ว ไม่ได้สนใจอะไรหล่อน
ในขณะที่พนักงานต้อนรับถอนหายใจโล่งอก ก็รีบเปิดกลุ่มแชทในมือถือทันที
ตอนแรกหล่อนคิดจะบอกเรื่องนี้กับเพื่อนร่วมงานพวกนั้น เพราะพวกหล่อนตัดสินใจกันแล้วว่าวันเสาร์นี้จะไปหาเรื่องหล่อนที่ร้าน ถ้าหล่อนไปเตือนตอนนี้คงยังทันอยู่
ดังนั้นพนักงานต้อนรับจึงนำข่าวนี้ไปบอกคนในกลุ่ม
ทุกคนต่างตื่นตกใจกันทันที
“อะไรกัน? พนักงานส่งอาหารมาที่บริษัทกับประธานหาน? นี่มันหมายความว่ายังไงกัน? หรือว่าเป็นแฟนกันแล้ว?”
“ให้ตายเถอะ ผู้หญิงคนนี้ใช้ลูกไม้ไหนกันแน่? นี่เพิ่งจะผ่านไปนานเท่าไหร่? ตกปลาก็คงไม่ไวขนาดนี้หรอกใช่ไหม?”
“โห! แค่คิดว่าพวกเราต้องแพ้ให้กับคนส่งอาหารก็หงุดหงิดแล้ว รู้สึกไม่สบายตัวตั้งแต่ผมลงไปถึงนิ้วหัวแม่เท้าแบบนั้นเลย!”
“เห็นด้วยคน อาทิตย์นี้พวกเราไปจัดการหล่อนกันดีไหม? ถึงตอนนั้นต้องถามหล่อนว่า ทำบะหมี่อร่อย หรืองานบริการผู้ชายดีกว่ากัน?”
เมื่อเห็นคำพูดเหล่านี้ พนักงานต้อนรับนึกถึงคำเตือนของซูจิ่วเมื่อครั้งที่แล้วขึ้นมาได้ทันที จึงพูดกลับไป
“พวกเธออย่าก่อเรื่องอะไรกันเลย อาทิตย์นี้อย่าไปดีกว่า ถึงตอนนั้นเกิดทำให้ใครเดือดร้อนขึ้นมา ผลที่ตามมาคงไม่ดีแน่ เลขาซูเคยพูดกับฉันไว้ ห้ามไม่ให้พวกเราก่อเรื่องอะไร”
จากนั้นคนอื่นกลับไม่รู้สึกสนใจอะไร
“ทำไมเธอขี้ขลาดขนาดนี้ล่ะ? เลขาซูพูดไม่กี่คำ เธอก็กลัวขนาดนี้แล้ว? อย่าลืมสิว่าเมื่อก่อนเลขาซูก็เคยชอบประธานหานเหมือนกัน รู้บ้างไหม? ถ้าคนส่งอาหารคนนั้นคบกับประธานหานจริงๆ คนที่โกรธมากที่สุดก็คงเป็นเลขาซู เทียบกับพวกเราแล้ว คนที่อยากเล่นงานพนักงานสาวส่งอาหารคนนั้นก็คงเป็นเลขาซูมากกว่า”
“นั่นสิ ต่อหน้าทำเป็นเตือนเธอว่าอย่าไปก่อเรื่อง แต่จริงๆแล้วกำลังบอกเป็นนัยให้เธอทำรึเปล่า?”
เมื่ออ่านถึงตรงนี้ พนักงานต้อนรับรู้สึกลังเลขึ้นมา จะเป็นไปได้ยังไง? หล่อนพูดชัดเจนแล้วว่าห้ามมีครั้งต่อไป? อีกอย่างตอนนั้นสีหน้าท่าทางของเลขาซูอย่างดูเคร่งเครียดจริงจังมากอีกด้วย ไม่เหมือนว่ากำลังล้อเล่น
“ฉันคิดว่าไม่น่าจะเป็นไปได้…หล่อนทำสีหน้าจริงจังมากเลยนะ”
“แน่นอนว่าต้องจริงจังสิ เลขาซูเป็นคนระดับไหนกัน? เรียนจบจากมหาวิทยาลัยชั้นนำ รูปร่างหน้าตาดีเลิศ ทำงานติดตามประธานหานมานานเท่าไหร่? ความสามาถทางธุรกิจ ทุกคนต่างรู้ดี แต่กลับแพ้ให้กับพนักงานสาวส่งอาหารที่ไม่มีอะไรเลย ถ้าเป็นพวกเธอ พวกเธอจะไม่เครียดเลย?”
พูดแบบนี้ดูเหมือนมีเหตุผลมาก พนักงานต้อนรับเริ่มรู้สึกลังเล
“แต่ ตอนนี้หล่อนอยู่กับประธานหานนะ ถ้าหล่อนเกิดทำอะไรเขาขึ้นมา”
“เธอสบายใจได้ ผู้หญิงที่ไม่มีความหมายแบบนี้ ประธานหานจะมองด้วยเหรอ? อย่างมากก็แค่เล่นๆเท่านั้น ไม่กี่วันหล่อนก็คงร้องไห้ขี้มูกโป่งแล้ว”
พนักงานต้อนรับกอดมือถือจนอยากจะร้องไห้ออกมาแบบไม่มีน้ำตา หล่อนอยากจะพูดออกมามากว่า อยู่มาตั้งหลายปีไม่เคยเห็นประธานหานเล่นกับผู้หญิงคนไหนเลย? ไม่ต้องพูดถึงเล่นกับผู้หญิง แม้แต่แฟนก็ยังไม่มี…
*
ห้องทำงานชั้นบนสุด
หานชิงเปิดประตูออก เสี่ยวเหยียนที่อยู่ด้านข้างเดินเข้าไป หล่อนค่อยๆเดินเข้าไปอย่างระมัดระวัง จากนั้นหานชิงก็ปิดประตูห้องทำงานลง
ตอนที่พวกเขาเดินทางมารถติดมาก ดังนั้นเมื่อเพิ่งก้าวเท้าเดินเข้ามาในห้องทำงาน ซูจิ่วก็เคาะประตูเข้ามาทันที
เมื่อเห็นว่ามีใครบางคนเพิ่มเข้ามาในห้องทำงาน ซูจิ่วตกตะลึงไปสักพักหนึ่ง จากนั้นก็ยิ้มให้ด้วยความเข้าใจ
“ประธานหาน ต้องการให้เลื่อนการประชุมออกไปไหมคะ?”
“ไม่เป็นไร” หานชิงเหลือบมองซูจิ่วด้วยท่าทีเรียบนิ่ง พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา: “คุณไปเตรียมก่อน เดี๋ยวผมตามเข้าไป”
“ไม่มีปัญหาค่ะ” ก่อนที่ซูจิ่วจะเดินออกไปยังหันมาเหลือบมองเสี่ยวเหยียนด้วยแววตาอันลึกซึ้ง จนทำให้เสี่ยวเหยียนทำตัวไม่ถูก รีบหลบสายตาออกทันที
หลังจากหล่อนเดินออกไป ภายในห้องทำงานก็เหลือเพียงพวกเขาสองคนอีกครั้ง น้ำเสียงอันเย็นชาของเขาจางหายไปไม่น้อย
“เดี๋ยวผมประชุมเสร็จจะกลับมา อยู่รอผมตรงนี้?”
หานชิงจ้องมองหล่อน ถามอย่างตรงไปตรงมา
เสี่ยวเหยียนตั้งสติขึ้นมาได้พยักหน้าลง: “อะ…โอเคค่ะ”
หลังจากที่หานชิงเดินออกไป จึงหลงเหลือเพียงแค่หล่อนคนเดียวในห้องทำงาน เสี่ยวเหยียนกระพริบตาลง จากนั้นมองไปรอบๆห้อง รู้สึกเหมือนว่าไม่ใช่ความจริง
ทำไมเขาถึงพาตัวเองมาที่บริษัท ก่อนหน้านี้เป็นเพราะเขาอยู่เคียงข้างหล่อนตลอด เสี่ยวเหยียนจึงไม่ได้คิดวิเคราะห์ดีๆ ตอนนี้หานชิงไปประชุมแล้ว เสี่ยวเหยียนจึงสามารถนั่งเงียบๆใช้ความคิดได้แล้ว
จากคำพูดพวกนั้นที่หานชิงคุยกับหล่อน ประชุมเสร็จไม่มีธุระอะไรแล้ว จากนั้นก็ให้หล่อนรอเขาที่นี่ หรือ…มีเรื่องอะไรจะพูดกับหล่อน