เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 1267
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
บทที่ 1267 อยู่ให้ห่างจากผู้หญิงของฉัน
ทุกคนต่างพากันเงียบไปนานพอสมควร
คงไม่มีใครคาดถึงว่าเรื่องราวจะมีจุดเปลี่ยนไปมากขนาดนี้ และผู้หญิงอย่างหล่อนกลับแบกรับเรื่องนี้ไว้โดยไม่บอกใครเลย แม้ว่าหานมู่จื่อไม่ได้มีความผูกพันอะไรกับหล่อนเลย แต่เมื่อได้ยินเรื่องราวทั้งหมดนี้หล่อนรู้สึกเห็นใจมาก
หล่อนรู้สึกนับถือใจของสวี่เย็นหวั่นขึ้นมาทันที
สวี่เย็นหวั่นเช็ดคราบน้ำตา จากนั้นก็กลับมายิ้มอย่างร่าเริงอีกครั้ง น้ำเสียงใสเหมือนปกติ
“พวกเธอคิดว่าชีวิตฉันน่าสงสารมากเลยใช่ไหม? ฉันกลับรู้สึกว่ายังโอเคอยู่ เพราะช่วงเวลาแห่งความทุกข์เหล่านั้นได้ผ่านพ้นไปแล้ว พ่อฉันใช้ชีวิตของเขาแลกกับอนาคตอันสดใสในวันข้างหน้าให้ฉัน ต่อไปฉันจะขยันและพยายามแน่นอน”
เขาไม่มีทางทำให้การตายของพ่อแม่ไร้ความหมายแน่นอน นี่เป็นสิ่งที่สวี่เย็นหวั่นคิดในใจ
มื้ออาหารในครั้งนี้ ทำให้หานมู่จื่อมีทัศนคติที่เปลี่ยนไปต่อสวี่เย็นหวั่น เมื่อก่อนยังคิดลบกับหล่อนบ้าง แต่ตอนนี้ความคิดลบพวกนั้นหายไปหมดอย่างราบคาบ
หล่อนคิดว่าก่อนหน้านี้คงเป็นเรื่องของเสี่ยวเหยียนจึงทำให้ตัวเองรู้สึกอคติกับหล่อน แต่ความเป็นจริงแล้วเป็นเพราะตัวเองใจแคบเกินไป จึงคิดร้ายกับหล่อน ดูจากสภาพครอบครัวของบ้านสวี่เย็นหวั่นแล้ว หล่อนจะเป็นพวกแย่งความรักจากคนอื่นได้อย่างไร ถ้าหล่อนรู้ว่าพี่ชายของตนมีใครในใจอยู่แล้ว จากการอบรมสั่งสอนของครอบครัวหล่อน หล่อนคงค่อยๆเดินออกไปเอง และจะไม่มาพัวพันอะไรอีก
มีพ่อที่คุณธรรมและจริยธรรมสูงขนาดนั้น ลูกสาวจะเหมือนคนธรรมดาทั่วไปได้อย่างไรล่ะ?
ตอนที่ออกจากโรงแรม หานมู่จื่อถามสวี่เย็นหวั่น: “หลังจากนี้เธอวางแผนจะทำอะไรเหรอ? มีที่ไปรึเปล่า? แม้ว่าฉันรู้ดีว่าเธอไม่อยากรับความช่วยเหลือจากใคร แต่ในสถานการณ์คับขันเช่นนี้ มีคนช่วยเธอสักหน่อย เธอก็จะมีชีวิตที่สบายขึ้นนะ”
สวี่เย็นหวั่นมองหล่อนด้วยแววตาอันลึกซึ้ง พูดขอบคุณด้วยความตั้งใจเป็นอย่างมาก “น้องมู่จื่อ ขอบคุณเธอมากนะ ฉันเข้าใจความหมายของเธอดี แต่ฉันวางแผนที่จะไปหางานสักหนึ่งงาน ทำตั้งแต่งานระดับล่าง นี่เป็นปณิธานของพ่อฉัน ฉันไม่อยากให้ปณิธานของเขาไม่เกิดขึ้นจริง”
ความหมายนี้ชัดเจนมาก
หานมู่จื่อยิ้ม พูดด้วยเสียงแผ่วเบา: “พ่อของเธอคาดหวังว่าเธอจะไม่ขอร้องอะไรจากใคร แต่ความสัมพันธ์ของพวกเราสองตระกูลดีขนาดนั้น และไม่ถือว่าเป็นคนอื่นอีกด้วย อีกอย่างเธอก็ไม่ได้เอ่ยปากขอให้ช่วย แต่เป็นเพราะพวกเราช่วยเธอเอง”
สวี่เย็นหวั่นตกตะลึงไปสักพัก ทำท่าทางเหมือนคิดไม่ถึงว่ามีวิธีจัดการแบบนี้ด้วย
“เป็นยังไง? เธอคิดว่าฉันพูดถูกรึเปล่า? แม้ว่าพวกเราจะแอบช่วยเธอ เธอก็ไม่จำเป็นต้องรู้ นี่ก็ไม่ถือว่าเป็นการทำลายความตั้งใจของเธอใช่ไหม”
เมื่อพูดจบ สวี่เย็นหวั่นก็เดินเข้าไปกอดหานมู่จื่อ
“น้องมู่จื่อ เธอมีจิตใจที่ดีขนาดนี้ ฉันดีใจมาก แต่ฉันตัดสินใจแล้ว ฉันจะเริ่มทำงานตั้งแต่งานระดับล่าง เมื่อก่อนฉันอยู่ใต้ปีกของพ่อ ได้รับการดูแลปกป้องมากเกินไป ไม่เคยรู้ว่าโลกภายนอกมีสิ่งอันตรายเยอะขนาดนี้ ถ้าครั้งนี้ไม่ได้เกิดเรื่องกับที่บ้าน ฉันคงใช้ชีวิตอย่างมึนๆงงๆไปจนแก่”
“ที่ฉันมาหาพวกเธอ ไม่ได้มาเพื่อขอความช่วยเหลือแน่ แต่มาเพื่อทำความฝันให้เป็นจริง เมื่อก่อนฉันคิดอยากจะกลับมาเยี่ยมพวกเธอ หาเพื่อนเก่าบ้าง แต่ฉันมีเรื่องรัดตัวมากเกินไป ดังนั้นจึงไม่มีโอกาสมาเลย พอตอนนี้ได้เจอแล้ว ได้เจอพี่ชายของเธอกับเธอ พวกเธอต่างมีชีวิตที่ดีแบบนี้ ฉันก็ไปทำตามความฝันของตัวเองได้อย่างสบายใจแล้ว”
หล่อนพูดด้วยความจริงใจ หานมู่จื่อฟังอย่างตั้งใจและรู้สึกเห็นใจมาก ทำให้รู้สึกดีกับหล่อนมากขึ้นกว่าเดิม
หล่อนรู้สึกว่า ไม่ว่าอย่างไร จากความสัมพันธ์อันดีระหว่างสองตระกูล หานชิงคงยื่นมือไปช่วยหล่อน เพียงแต่ไม่รู้ว่าสวี่เย็นหวั่นจะยอมรับหรือไม่
ถ้าหล่อนยังรักษาความรู้สึกเช่นนี้ไว้ คงไม่เข้าไปใกล้กับหานชิงมาก
ระหว่างทางกลับบ้าน เสี่ยวหมี่โต้วหน้าบึ้งอยู่ตลอด ก้มหน้าลงไม่ยอมพูดอะไร และเสี่ยวโต้วหยาก็นอนหลับไปแล้ว เย่โม่เซินห่มผ้าให้หล่อน เพื่อป้องกันไม่ให้เป็นหวัด
หานมู่จื่อสังเกตเห็นว่าเสี่ยวหมี่โต้วดูไม่มีความสุข จึงถามขึ้น: “เป็นอะไรไป?”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เสี่ยวหมี่โต้วส่ายหน้าไปมาด้วยสีหน้าบึ้งตึง
“เด็กน้อยโตแล้ว เริ่มมีความลับแล้ว” หานมู่จื่อยิ้มและยื่นมือไปลูบหัวเขา ขยับเข้าไปใกล้เขาและกระซิบถามขึ้น: “ไม่อยากพูด งั้นให้หม่ามี๊เดาดูนะ เพราะน้าเย็นหวั่นเก่งและโดดเด่นมาก ดังนั้นเสี่ยวหมี่โต้วก็เลยกลัว ไม่สบายใจ?”
เสี่ยวหมี่โต้ว: “…”
เขาเหลือบมองหานมู่จื่อด้วยสายตากลุ้มใจ
ไม่ผิดหวังที่เป็นหม่ามี๊ของตัวเอง ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ปิดบังหล่อนไม่ได้
“หึ” เสี่ยวหมี่โต้วถอนหายใจด้วยความไม่พอใจ “ไม่ใช่สักหน่อย น้าเหยียนดีที่สุด เสี่ยวหมี่โต้วชอบน้าเหยียนมากที่สุด”
น้ำเสียงของหานมู่จื่อแฝงไปด้วยความเหนื่อยใจ: “ลูกเอ๋ย เด็กยังไงก็คือเด็ก ลุงของลูกกับน้าเสี่ยวเหยียนเป็นแฟนกันแล้ว ลูกยังกังวลอะไรอีก? เพราะไม่เชื่อใจว่าน้าเสี่ยวเหยียนของลูกเก่งมากงั้นเหรอ หรือว่าไม่เชื่อใจคุณลุง?”
เสี่ยวหมี่โต้วตอบอย่างไม่ลังเล: “ไม่เชื่อใจคุณลุง!”
หานมู่จื่อ: “…ลูกนี่นะ….ถ้าน้าเสี่ยวเหยียนได้ยินขึ้นมา หล่อนต้องบ่นลูกแน่ๆ กล้าไปว่าแฟนของน้าเหยียนแบบนี้”
“หึ น้าเสี่ยวเหยียนรักผมที่สุด ไม่มีทางทำกับผมแบบนั้นหรอกครับ”
“ก็ไม่แน่นะ รอให้น้าเหยียนเป็นน้าสะใภ้ของลูกก่อน มีลูกเป็นของตัวเอง ถึงตอนนั้น…”
“หม่ามี๊! หม่ามี๊กำลังสร้างความบาดหมางให้ความสัมพันธ์ของผมกับน้าเหยียน”
“โธ่ลูกเอ๋ย” หานมู่จื่อลูบหัวของเขา ยิ้มและพูดขึ้น: “ถูกจับได้แล้ว? ลูกที่แม่คลอดออกมา คำสองคำก็น้าเหยียน ไม่ว่ามีเรื่องอะไรก็สนใจหล่อนตลอด และยังไม่ให้แม่อย่างหม่ามี๊อิจฉาด้วย ทำอะไรได้บ้างไหม?”
เสี่ยวหมี่โต้วครุ่นคิดไปมา ขยับเข้ามากอดเอวของหานมู่จื่อ กระเถิบตัวเข้าไปในอ้อมอก “หม่ามี๊ อย่าให้น้าเย็นหวั่นต้องเจอกับคุณลุงบ่อยๆได้ไหมครับ? อย่างมากน้าเสี่ยวเหยียนก็จะกลายเป็นน้าสะใภ้ของผม ไม่ได้เป็นหม่ามี๊ แต่หม่ามี๊ไม่ว่ายังไงก็เป็นหม่ามี๊ของผมตลอดไป เป็นคนที่เสี่ยวหมี่โต้วรักและใกล้ชิดมากที่สุดในโลก”
เมื่อพูดจบ เสี่ยวหมี่โต้วก็อดไม่ได้ที่จะลูบตัวหล่อนไปมา ออดอ้อนคลอเคลียไม่หยุด
เวลาเด็กผู้ชายอ้อนขึ้นมา ทำอะไรไม่ถูกเลยจริงๆ
หานมู่จื่อกำลังคิดจะพูดบางอย่าง คอเสื้อของเสี่ยวหมี่โต้วก็ถูกพอดึงขึ้นไป ดึงออกมาจากอ้อมอกของมู่จื่อ
เสี่ยวหมี่โต้ว: “…พ่อใจร้าย ปล่อยผมลงเดี๋ยวนี้!”
เย่โม่เซินทำสีหน้านิ่งเรียบ: “ออกห่างจากผู้หญิงของพ่อหน่อย”
เสี่ยวหมี่โต้ว: “ไม่! นั่นคือหม่ามี๊ของผม! เป็นคนที่เสี่ยวหมี่โต้วรักมากที่สุด!”
เย่โม่เซินหันไปมองหานมู่จื่อ เม้มริมฝีปากไว้ จากนั้นหันไปมองเสี่ยวหมี่โต้ว พูดขึ้น: “เดี๋ยวกลับไปจะหาแฟนให้ลูก ต่อไปจะได้ไม่มายุ่งกับผู้หญิงของพ่ออีก”
หานมู่จื่อที่อยู่ด้านข้าง: “…”
พ่อลูกสองคนนี้นี่จริงๆเลย
ทั้งสองยังคงเถียงกันไปมา บทสนทนาตอนท้ายยิ่งทำใจฟังไม่ได้มากขึ้น
หานมู่จื่อจึงแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน เสี่ยวหมี่โต้วพยายามทำท่าทางเรียกร้องหล่อนอยู่ข้างๆ เย่โม่เซินก็ลากเขากลับไปอีก เสี่ยวหมี่โต้วจึงทำได้เพียงดึงคอเสื้อของหานมู่จื่อด้วยท่าทีน่าสงสาร “หม่ามี๊ พ่อรังแกผม หม่ามี๊~ช่วยเสี่ยวหมี่โต้วด้วย”
เสี่ยวหมี่โต้วทำท่าทางน่าสงสารมาก ดูเหมือนถูกรังแกเยอะมาก หานมู่จื่อแค่เหลือบมองหล่อนก็รู้สึกใจอ่อนขึ้นมาเป็นอย่างมาก หล่อนเหลือบมองเย่โม่เซิน “คุณหยุดแกล้งเขาได้แล้ว เขายังเป็นเด็กนะ คุณจะอะไรกับเด็กนักหนา?”