เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 1297
บทที่1297 ได้คืบแล้วยังจะเอาศอก
พอพูดจบ เจียงเสี่ยวไป๋ก็รู้สึกไฟโกรธลุกโชนขึ้นมา แล้วทันใดนั้นเธอก็ไม่อยากจะนั่งอยู่ในรถของเซียวซู่ต่อไป เลยยื่นมือไปปลดเข็มขัดนิรภัยออก จากนั้นก็เปิดประตูรถ
“จะไปไหน ?”
เซียวซู่เรียกเธอเอาไว้
เจียงเสี่ยวไป๋หันกลับไปมองเขาทีหนึ่ง แล้วยิ้มเย็นชา “ไม่ต้องลำบากคุณเซียวขับรถไปส่งฉันหรอกค่ะ ฉันเรียกรถไปเองได้”
ปัง!
เจียงเสี่ยวไป๋ปิดประตูรถเต็มแรง จากนั้นก็ลากรองเท้าส้นสูงเดินกลับไปทางถนน เธอรูปร่างสูงโปร่ง ขาเรียวยาว ดังนั้นเลยก้าวได้ยาวมาก
พอเห็นฉากนี้แล้ว จู่ๆเซียวซู่ก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมา
เมื่อครู่เขาตอบสนองได้รุนแรงเกินไปหน่อย แต่ว่าตอนนี้การตอบสนองของเจียงเสี่ยวไป๋ก็เหมือนกับเขาเปี๊ยบ เขาเปิดประตูลงจากรถแล้วตามหลังเจียงเสี่ยวไป๋ไป
“ขึ้นรถเถอะ ที่นี่เธอเรียกรถไม่ได้หรอก”
เจียงเสี่ยวไป๋ “จะเรียกรถได้หรือเปล่าไม่ใช่เรื่องที่คุณจะตัดสินได้ ฉันจัดการด้วยตัวเองได้ คุณเซียวอย่าให้ฉันไปขึ้นรถคุณอีกเลย ฉันไม่อยากทำให้ตัวเองตกใจจนป่วยเป็นโรคหัวใจ”
“ขอโทษ เมื่อกี้ฉันตอบสนองรุนแรงเกินไปหน่อย ตอนนี้ฉันมาขอโทษเธอแล้ว จะขึ้นรถได้หรือยัง”
พอได้ยินแบบนั้น เจียงเสี่ยวไป๋ก็หยุดเท้าลง รอยยิ้มตรงมุมปากยังคงไร้แววความอบอุ่น
“เรื่องขอโทษไม่ต้องแล้วล่ะคุณเซียว ฉันคิดว่าฉันคงรับคำขอโทษของคุณไม่ไหว”
คำพูดพวกนี้ทำให้เซียวซู่อดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้ มองดูเจียงเสี่ยวไป๋ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยคำถาม “จำเป็นต้องโมโหขนาดนี้เลยเหรอ”
คำถามนี้ทำให้เจียงเสี่ยวไป๋ชะงักไป
ใช่สิ ทำไมเธอต้องโมโหขนาดนี้ด้วย ถึงแม้เขาจะจริงจัง เขาก็ไม่เห็นจำเป็นต้องโมโหเลย เพราะยังไงทั้งสองคนก็แค่แสดงละครกันอยู่แล้วไม่ใช่หรือ
เจียงเสี่ยวไป๋เพิ่งจะตระหนักได้ว่าตัวเองใส่อารมณ์มากไป แต่ว่าเธอก็ไม่อยากเสียหน้า เลยทำแค่หัวเราะเสียงเย็นแล้วพูดว่า “จู่ๆคุณก็เบรกกะทันหัน การเคลื่อนไหวขนาดนั้น ทำเอาฉันตกใจหมด ทำไมฉันจะโกรธไม่ได้”
เธอเอาความโกรธทั้งหมดไปลงใส่เรื่องเหยียบเบรกของเซียวซู่ ตรงส่วนนี้ เซียวซู่ก็ทำได้แค่พูดขอโทษ
“เอาเถอะ เมื่อกี้ความผิดฉันเอง ที่นี่เรียกรถไม่ได้หรอก ขึ้นรถเถอะ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยืนนิ่งไม่ขยับเขยื้อน
เซียวซู่จ้องมองแก้มขาวบอบบางของเธอ แล้วก็พูดขึ้นกะทันหันว่า “เธอจะขึ้นมาเอง หรือจะให้ฉันไปอุ้มเธอขึ้นมา”
พอคำพูดประโยคนี้เข้าไปในหูของเจียงเสี่ยวไป๋แล้ว สีหน้าเธอก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย แล้วมองไปทางเซียวซู่อย่างไม่พอใจ “คุณ !”
“อืม ?” เซียวซู่ยื่นคางชี้ไปทางที่นั่งข้างคนขยับ “จะขึ้นมาไหม”
“ฉันไม่ขึ้น ฉันไม่เชื่อหรอก ว่าคุณจะลงมาอุ้มฉันขึ้นไปบนรถจริงๆ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยืนอยู่ที่เดิมอย่างนั้น สองมือกอดอก เชิดคางสูงแล้วมองเขาอย่างท้าทาย
ทั้งสองคนสบตากัน หนึ่งวินาที สองวินาที
หลังผ่านไปห้าวินาที จู่ๆเซียวซู่ก็จอดรถ จากนั้นก็ปลดเข็มขัดนิรภัย ทุกอย่างแทบจะเสร็จสิ้นพร้อมกันในครั้งเดียว
เจียงเสี่ยวไป๋ยืนอยู่กับที่ด้วยท่าทางโอหัง รู้สึกกังวลขึ้นมาเล็กน้อยตอนที่เห็นเซียวซู่ลงมาจากรถ รอจนเขาเดินมาถึงตรงหน้าเธอ เธอก็รักษาท่าทางแบบเดิมต่อไปไม่ได้อีกต่อไป มองดูเซียวซู่อย่างระมัดระวัง
“คุณจะทำอะไร ? คงไม่ใช่ว่าคุณจะอุ้มฉันขึ้นรถไปจริงๆใช่ไหม ฉันบอกคุณนะเซียวซู่ ฉันไม่มีทางขึ้นรถของคุณหรอก คุณ…… ว๊าย……”
เธอยังไม่ทันได้พูดจบ เซียวซู่ก็คว้าเอวเธอขึ้นมาอุ้ม
เจียงเสี่ยวไป๋เบิกตาโต อยากจะผลักเขาออก แต่กลับพบว่าแรงของตัวเองสู้เซียวซู่ไม่ได้
เขาอุ้มเธอได้อย่างสบายๆ แล้วยัดเธอเข้าไปในที่นั่งข้างคนขับ แถมยังคาดเข็มขัดนิรภัยให้เธออีกด้วย เจียงเสี่ยวไป๋อยากจะต่อต้าน แต่เซียวซู่กลับดึงข้อมือเธอแล้วกดเธอให้นั่งลงตรงที่นั่งข้างคนขับ สีหน้าเคร่งขรึม “ถ้าเธอยังลงไปอีก เชื่อไหมว่าฉันจะมัดเธอไว้เอง”
ท่าทางแบบนี้ของเขาทำให้เจียงเสี่ยวไป๋กลัวขึ้นมาได้จริงๆ
เจียงเสี่ยวไป๋มองดูเขาอย่างอึ้งๆ ไร้การตอบสนอง ส่วนเซียวซู่พอเห็นเธอเงียบลงแล้ว ก็ปิดประตูรถ
ส่วนเจียงเสี่ยวไป๋ที่อยู่ตรงที่นั่งข้างคนขับ บนข้อมือยังเหลืออุณหภูมิจากฝ่ามือของเซียวซู่อยู่ หัวใจเต้นระรัว ถึงแม้ปกติจะโลดโผนจนชินแล้ว รู้สึกว่าตัวเองเป็นหญิงแกร่ง ถึงแม้ฟ้าจะถล่มลงมาเธอก็สามารถแบกไว้ได้
แต่เมื่อครู่นี้เสี้ยววินาทีที่ถูกเซียวซู่อุ้มขึ้นมา ทันใดนั้นเจียงเสี่ยวไป๋ก็รู้สึกได้ว่า เรื่องบางเรื่องนั้นอยู่นอกเหนือจากกำลังของเธอ
พอเขาบอกว่าจะอุ้ม เธอก็ถูกอุ้มขึ้นมาในทันทีเลย
แล้วการต่อต้านของเธอก็ยังไม่เป็นผลอีก ไม่รู้ว่าทำไม ความรู้สึกของเจียงเสี่ยวไป๋ถึงได้เปลี่ยนอย่างน่าประหลาด ทั้งใบหน้าและใบหูต่างก็ร้อนผ่าว
ส่วนเซียวซู่ก็กลับไปตรงที่นั่งคนขับเรียบร้อยแล้ว ก็หันมามองเธอทีหนึ่ง
“จะไปบ้านเธอหรือว่าบ้านฉัน”
เจียงเสี่ยวไป๋กินอิ่มแล้ว ดังนั้นถึงไปบ้านเซียวซู่ก็ไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว แต่ว่าอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ของเธออยู่ที่บ้านของเซียวซู่ทั้งหมด เดิมทีคิดจะพูดว่าไปที่บ้านเขา แต่พอเปิดปากกลับพูดว่า “ฉันจะกลับบ้านของตัวเอง”
เซียวซู่เองก็ไม่ได้พูดอะไร ขับรถออกไปทันที
เวลาหลังจากนั้น เจียงเสี่ยวไป๋ก็เอาแต่เงียบตลอด ไม่เพียงไม่หาเรื่องเขาแล้ว ยังไม่คุยกับเขาอีก นี่ทำให้เซียวซู่อดประหลาดใจไม่ได้ เลยหันไปมองเธออยู่หลายครั้ง
เจียงเสี่ยวไป๋ถูกเขามองหลายครั้ง เลยสบตากับเขาอย่างไม่พอใจ
“คุณจะมองหาอะไร”
เซียวซู่ “……”
ยัยคนนิสัยเสีย ขี้เกียจไปถือสาเธอ
เขาเบือนหน้าหนี แต่อารมณ์ของเจียงเสี่ยวไป๋กลับตื่นขึ้น “ทำไม เห็นฉันเงียบคุณก็เลยไม่ชินใช่ไหม ฉันจะบอกคุณนะ พวกเราเป็นแค่แฟนกันแบบหลอกๆเท่านั้น ต่อไปคุณห้ามอุ้มฉันแบบนี้อีกเด็ดขาด”
ยังไงเสียก่อนหน้านี้พอตัวเองพูดขึ้น เขาก็เอาแต่ย้ำเตือนตัวเองว่าพวกเธอเป็นแค่แฟนแบบหลอกๆกันเท่านั้น ดังนั้นตอนนี้เจียงเสี่ยวไป๋ก็จะพูด พอพูดแล้วก็เห็นว่าเซียวซู่กำลังขมวดคิ้วอยู่ เธอก็เริ่มรู้สึกสะใจขึ้นมา
“ถ้าไม่ใช่เพราะเธอเอาแต่ไม่ยอมขึ้นรถ ฉันก็คงไม่……”
“คงไม่อะไร ? ถ้าฉันไม่ขึ้นรถคุณก็ต้องอุ้มฉันขึ้นรถงั้นเหรอ นี่มันตรรกะอะไรกัน”
เซียวซู่ “……”
“ไม่มีอะไรจะพูดแล้วใช่ไหม”
เซียวซู่หันหน้าไปมองเธอทีหนึ่ง จากนั้นก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบๆว่า “คำพูดก็ถูกเธอพูดหมดแล้ว จะให้ฉันพูดอะไรอีก”
“ขอร้องเถอะ ฉันมีเรื่องอะไรก็พูดทีละเรื่องนะ คุณพูดแบบนี้เหมือนจะบอกว่าฉันพูดมากไร้เหตุผลอย่างนั้นแหละ ก่อนหน้านี้ใครกันล่ะที่เอาแต่พูดกรอกหูฉัน ว่าพวกเราเป็นแค่แกล้งแสดงเป็นแฟนกันเท่านั้น ก็คุณไง ดังนั้นตอนนี้ฉันก็แค่เตือนคุณก็เท่านั้น แล้วคุณมีความเห็นอะไรไหม”
“ไม่มีความเห็น เธอต่อเลย”
เจียงเสี่ยวไป๋ “……”
แล้วทันใดนั้น เซียวซู่ก็กวาดตาไปมองเธอทีหนึ่ง แล้วพูดอย่างแผ่วเบาว่า “ในเมื่อเมื่อกี้เธอแล้ว ว่าต่อไปห้ามฉันอุ้มเธออีก งั้นต่อไปเธอก็ต้องรักษากฎนี้ด้วย ห้ามจู่ๆก็เข้ามากอดฉันอีก”
เจียงเสี่ยวไป๋เบิกตาโต “ใครจู่ๆก็ไปกอดคุณกัน คุณรับปากฉันแล้วนี่ ว่าถ้าอยู่ต่อหน้าคนอื่น ถ้าฉันจำเป็นต้องแสดงละครคุณก็ต้องให้ความร่วมมือกับฉัน แต่เมื่อกี้ตอนที่คุณอุ้มฉัน ไม่ใช่ตอนที่อยู่ต่อหน้าคนอื่น จะเอามาเปรียบเทียบกันได้ยังไง”
เซียวซู่ถูกเธอพูดจนไร้คำโต้แย้ง เห็นเธอทำสีหน้าดุร้าย พูดจาเหมือนเป็นผู้ชอบธรรม เลยตัดสินใจไม่คุยเรื่องนี้กับเธออีกต่อไป
“ทำไมคุณไม่พูดอะไรล่ะ แสดงว่ายอมรับแล้วใช่ไหม”
“เจียงเสี่ยวไป๋”
“อะไร”
“อย่าทำตัวได้คืบจะเอาศอก”
แม่เจ้า!
เจียงเสี่ยวไป๋กัดฟันแน่น กำลังเตรียมจะพูดอะไรต่อ แต่รถกลับหยุดลงเสียก่อน
“ถึงแล้ว ลงรถ”