เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 1316
บทที่ 1316 หานชิงไม่ใช่คนแบบนี้
ได้ยินอย่างนั้น หลัวหุ้ยเหม่ยแปลกใจเล็กน้อย“ไม่มีใครอยู่เลย”
“อืม”
เสี่ยวเหยียนพยักหน้า เรื่องนี้แม้หานชิงจะไม่เคยบอก แต่ว่าเธอกับหานมู่จื่ออยู่ด้วยกันมานานขนาดนั้น ช่วงชีวิตตอนนั้นตระกูลหานก็มีหานชิงแค่คนเดียว ต่อมาเขาก็หาน้องสาวจนพบ
เสมือนกับว่าในที่สุดเขาก็หาญาติพี่น้องเพียงหนึ่งเดียวกลับมาได้ บินไปอยู่เป็นเพื่อนน้องสาวที่ต่างประเทศทุกวัน
การปกป้องและคาดหวังต่อญาติพี่น้องแบบนั้น สภาพแวดล้อม สภาพจิตใจแบบไหนกันที่สะสมให้เกิดขึ้นได้ เสี่ยวเหยียนไม่เคยไปคาดเดาจิตใจของหานชิงมาก่อน เธอรู้สึกว่าชีวิตของเขาก่อนหน้านี้คงเลวร้ายอย่างที่สุด
ถ้าหากเป็นไปได้ เธอก็หวังว่าหานชิงจะราบรื่นสมหวังทุกอย่าง พ่อแม่ยังแข็งแรงอยู่ดี ก็เหมือนกับตนเองในตอนนี้……
คนในครอบครัวอยู่ด้วยกันอย่างสงบสุขปลอดภัย ปีใหม่แล้วก็กินข้าวพร้อมหน้า มีเรื่องอะไรไม่สบายใจก็มาปรึกษาหารือกันดีแค่ไหน
ส่วนเขาล่ะ ในช่วงเวลาที่ไร้ขีดจำกัดนั้น ก็ผ่านมาด้วยตัวเองลำพัง และยังต้องแบกรับหน้าที่หาน้องสาว
เสี่ยวเหยียนรู้ ถ้าหากเป็นตัวเอง เธอคงทนสู้ต่อไปไม่ไหว
หลัวหุ้ยเหม่ยได้ยินเช่นนั้น แววตาก็เกิดความสงสาร“เด็กคนนี้ช่าง……มิน่าเล่าเมื่อคืนตอนที่กินข้าว แม่เห็นแววตาเขาแปลกๆ แม่ยังพูดว่า ผู้ชายอกสามศอกทำไมถึงมีแววตาแบบนี้ ที่แท้ก็……”
“อาจจะคิดถึงพ่อแม่ละมั้ง”เสี่ยวเหยียนพูดเบาๆ“ปกติแล้วหนูก็สามารถให้ความเคารพพวกเขาได้ แต่ว่าตอนนี้หนูมีแฟนแล้ว บรรดาเพื่อนบ้านพวกนั้นพูดจาอย่างนั้นไม่ได้ น่าเกลียดเกินไป”
“หลังจากได้ยินที่ลูกพูด แม่ก็เข้าใจแล้ว ไม่เป็นไร ก็แค่เพื่อนบ้าน คุยกันได้ก็คุย คุยไม่เข้าหูพวกเราก็ไม่ได้พึ่งพวกเขาหาข้าวกิน พวกหล่อนพูดจาไม่น่าฟัง อย่างนั้นพวกเราก็ไม่ต้องไว้หน้า”
เสี่ยวเหยียนชำเลืองมองหลัวหุ้ยเหม่ย“แม่ แม่ไม่โกรธเหรอ ต่อไปพวกหล่อนจะต้องมาว่าหนูลับหลังแน่ว่าไม่มีมารยาทหรือพ่อแม่ไม่สั่งสอน เรื่องเลวร้ายพวกนี้ก็ล้วนมาลงที่แม่แล้ว”
“ยัยเด็กโง่”หลัวหุ้ยเหม่ยยื่นมือมาเคาะที่ศีรษะของเสี่ยวเหยียน พูดน้ำเสียงอ่อนโยนว่า:“เสียงของคนภายนอกจะสำคัญมากขนาดไหน ลูกกับพ่อของลูกล้วนเป็นคนที่แม่รัก นอกจากพวกเธอสองคนแล้ว คนอื่นก็ไม่สำคัญ”
“แม่ แม่ช่างดีจริงๆเลย”เสี่ยวเหยียนคล้องแขนของหลัวหุ้ยเหม่ยแน่นกอดเธอเอาไว้
แม่ลูกสองคนขึ้นชั้นบน
บริษัทตระกูลหาน
วันที่ตอนที่สวี่เย็นหวั่นมาทำงาน ก็คิดว่าทำงานเหมือนปกติทั่วไป แต่คิดไม่ถึงว่ากลับถูกหลายคนขวางเอาไว้ หนึ่งในนั้นก็คือพนักงานที่หน้าเคาน์เตอร์ และคนข้างๆอีกสามถึงห้าคนก็ไม่เคยเจอมาก่อน
เธอชะงักไปเล็กน้อย มองไปที่บรรดาคนที่มาขวางตัวเองเอาไว้
“มีเรื่องอะไรเหรอ ตอนนี้เป็นเวลาทำงานนะ”
เสียงของเธออ่อนโยน แฝงด้วยการเตือนเล็กน้อย
“เธอก็คือว่าที่ภรรยาของประธานหานที่เขาร่ำลือกันเหรอ”
พนักงานต้อนรับพยักหน้าด้วยสีหน้าตื่นเต้น:“ใช่เธอๆ ก็คือเธอ เมื่อเธอเคยมาถามหาประธานหานที่บริษัท ตอนที่ฉันถามเธอเป็นคนบอกเอง”
ได้ยินดังนั้นสวี่เย็นหวั่น ก็ค่อยๆขมวดคิ้วสวย
“จริงเหรอ เธอเป็นว่าที่ภรรยาของประธานหานเหรอ อย่างนั้นเธอรู้มั้ย ตอนนี้ประธานหานมีแฟน”
“ใช่แล้ว แฟนของเขายังมาที่บริษัทบ่อยๆนะ”
เป็นเรื่องแฟนอีกแล้ว ขนตาของสวี่เย็นหวั่นหลุบลง น้ำเสียงฟังอารมณ์ไม่ออก
“ฉันก็ไม่ค่อยรู้ ตอนนี้เป็นเวลางาน พวกคุณมาคุยกับฉันเรื่องแบบนี้ ไม่ค่อยดีนะ ฉันยังต้องไปทำงาน”
“กลัวอะไรล่ะ พวกเราก็แค่คุยนิดเดียวเอง ไม่ได้ทำให้คุณเสียเวลาอะไรมากนัก”
“ใช่แล้ว คุณก็บอกเราสิ ว่าคุณเป็นว่าที่ภรรยาของประธานหานจริงมั้ย คุณอยู่ที่บริษัทนี้ เขารู้หรือเปล่า”
“ประธานหานทำไมให้เธอมาทำงานแผนกนี้ เพราะเขามีแฟนแล้วใช่หรือเปล่า ดังนั้นก็เลยไม่อยากยอมรับว่าที่ภรรยาอย่างคุณ ก็เลยส่งคุณมาที่นี่”
“ไม่ใช่”สวี่เย็นหวั่นเม้มริมฝีปากแดง ดวงตามองหลายคนตรงหน้าอย่างพินิจพิจารณา:“หานชิงไม่ใช่คนแบบนั้น แต่ฉันเองที่ไม่อยากให้เขารู้ ดังนั้นคำถามที่พวกคุณถาม ต้องขออภัยด้วย ทั้งหมดนั่นเป็นเรื่องตอนเด็กๆ ดังนั้นตอนนี้ฉันก็ไม่รู้ว่าจะตอบพวกคุณยังไง”
พอพนักงานที่หน้าเคาน์เตอร์ได้ยิน ดวงตาก็เปล่งประกาย
“อย่างนั้นก็คือ คุณกับประธานหานเป็นคู่รักที่เติบโตมาด้วยกันตั้งแต่วัยเด็กเหรอ โอ้ยพระเจ้าช่วย เมื่อก่อนประธานหานเป็นคนยังไงกันนะ เขาจีบยากเย็นชาขนาดนี้มาตลอดหรือเปล่า”
“ตอนเด็กเหรอ ตอนเด็กทำไมจะไม่สนใจล่ะ พ่อแม่พวกคุณทั้งสองฝ่ายตกลงกันแล้วใช่มั้ย”
“อย่างนั้นตอนนี้คุณก็น่าสงสารมาก ว่าที่สามีถูกแย่งไป คุณยังนิ่งเงียบทำงานที่นี่ได้อยู่อีก”
“ใช่เลย ถ้าหากเป็นฉันล่ะก็ ฉันจะต้องจัดการผู้หญิงคนนั้นแน่ กล้ามาเป็นเมียน้อย คุณนี่ก็ช่างเห็นดีเห็นงามไปด้วย กลัวอะไร”
สามถึงห้าคนนั้นกำลังซุบซิบนินทา สวี่เย็นหวั่นรู้สึกปวดหัว เธอคิดไม่ถึงว่าพนักงานหน้าต้อนรับส่วนหน้าจะหาคนมาล้อมเธอไว้มากมายขนาดนี้
“ฉันได้ข่าวมาว่า คุณชื่อสวี่เย็นหวั่นใช่มั้ย คุณเคยคิดบ้างมั้ยว่าจะจัดการเก็บนางเมียน้อยยังไง พวกเราไม่ถูกชะตากับเธอเลย เห็นชัดว่าไม่ได้มีความสามารถอะไร หน้าตาก็ไม่ได้สวย ทำไมประธานหานถึงได้สนใจหล่อนนะ”
“ก็ใช่นะสิ หล่อนก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษ เปิดร้านขายราเม็งเก่าๆ มาส่งอาหารให้ประธานหานกินทุกวัน ไม่มีอนาคตเลยสักนิด ช่างขายหน้าผู้หญิงอย่างพวกเราจริงๆ คุณสวี่ พวกเราเห็นประวัติของคุณแล้ว คุณสมบัติก็ช่างดีเหลือเกิน เรียกได้ว่าสามารถฆ่านังเมียน้อยให้ตายได้ในชั่วพริบตา”
สวี่เย็นหวั่นได้ยินคำพูดเหล่านี้ ไม่รู้ว่าภายในใจรู้สึกอย่างไร แต่ก็รู้สึกแปลกๆ ในเมื่อคำว่าคำว่าเมียน้อยนี้……ก็ไม่ควรนำมาใช้ส่งเดช
แต่ว่า……เธอกลับไม่อยากจะพูดอะไร
ผ่านไปพักใหญ่ สวี่เย็นหวั่นจึงได้จัดระเบียบสภาพจิตใจ จากนั้นก็พูดเรียบๆว่า:“ที่พวกคุณพูดฉันก็ไม่ค่อยเข้าใจ และก็ไม่อยากจะเข้าใจ ความรู้สึกของทุกคนที่มีต่อตนเองก็ล้วนมีตัวเลือก ในเมื่อเธอสามารถเป็นแฟนของประธานหานได้ อย่างนั้นก็แสดงว่าตัวเธอเองก็ต้องมีความสามารถ”
“มีความสามารถเหรอ”
“หล่อนมีความสามารถอะไรกัน ด้วยคุณสมบัติของหล่อน ฉันคิดว่าประธานหานไม่น่าจะสนใจหล่อนเลย”
สวี่เย็นหวั่นยิ้มบางๆ:“ประธานหานสนใจเธอ อย่างนั้นก็ย่อมแสดงว่าเธอมีจุดเด่นที่ดึงดูดความสนใจของประธานหานได้”
ความจริงแล้วเธอเองก็อยากรู้ เสี่ยวเหยียนที่อะไรที่ดึงดูดหานชิงให้สนใจได้ ผู้ชายคนหนึ่งที่เมื่อก่อนเยือกเย็นหยิ่งยโส เธอและเขาเป็นคู่รักในวัยเด็ก ไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะชอบตัวเองได้ แต่ขอแค่เขายอมฟังคนในครอบครัว แต่งงานกับตนเอง ต่อให้หลังจากแต่งงานแล้วไม่ได้มีใจรักใคร่ มีแค่ความรับผิดชอบก็พอ
เพราะสำหรับสวี่เย็นหวั่นแล้ว เธอคิดมาตลอดว่าหานชิงก็คงจะเป็นคนที่เย็นชาเป็นธรรมดาแบบนี้ ไม่มีทางเกิดความรักใครหลงใหลผู้หญิงคนไหนได้
แต่ตอนนี้เขาเลือกผู้หญิงคนนั้นเป็นแฟน ผู้หญิงคนนั้นก็ต้องมีอะไรพิเศษแน่
ก็ไม่รู้ว่าความรู้สึกของพวกเขาเป็นอย่างไร
หรือว่าเพราะเธอมาส่งอาหารให้ตลอด เป็นคนดีมาก ดังนั้นหานชิงก็เลยคิดว่าสามารถเป็นคนที่จะอยู่ร่วมกันไปทั้งชีวิตได้เหรอ แต่ว่า……ข่าวลือพวกนั้นที่เธอได้ยินมา ต่างก็พูดว่าผู้หญิงคนนั้นคิดแต่จะกอบโกยผลประโยชน์จากสถานะของหานชิง
คิดไปคิดมาก็คงใช่ สถานะทั้งสองคนแตกต่างกันมากขนาดนั้น จะอยู่ด้วยกันได้ยังไง
“จุดเด่นที่ดึงดูดประธานหานเหรอ ดูหล่อนแล้วก็ไม่เห็นมีเลย”
เวลานี้เอง จู่ๆหนึ่งในกลุ่มผู้หญิงก็คิดอะไรขึ้นมาได้ พูดด้วยสีหน้าที่มีเจตนาไม่ดีนักว่า:“เป็นไปได้มั้ยว่า….จะเก่งมากเรื่องอย่างว่า”