เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 1319
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
บทที่ 1319 ความทรงจำที่เลวร้าย
“พวกเธออยู่ด้วยกันมานานขนาดนี้แล้ว แกยังไม่มีความมั่นใจในตัวเองอีกเหรอ”
“ฉันไม่ได้ไม่มีความมั่นใจในตัวเอง ฉันก็แค่ไม่อยากให้เป็นอย่างนั้นเหมือนในอดีต ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ยึดตัวฉันเองเป็นหลัก ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปก็จะเกิดการผิดหวังได้ง่ายมาก ตอนนี้เรื่องปกติทั่วไปฉันก็วางแผนเอาไว้ในกรณีที่เลวร้ายที่สุดเอาไว้ อย่างนี้ถึงจะน่าแปลกใจที่สุด”
หานมู่จื่อได้ยินก็นิ่งเงียบเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่านิสัยของหานมู่จื่อจะถูกขัดเกลาจนเป็นแบบนี้ไปแล้ว เธอจ้องมองเสี่ยวเหยียนที่อยู่ตรงหน้าอยู่นาน ทันใดนั้นก็ยื่นสองมือออกมากอดไหล่ของเธอเอาไว้
“ยัยโง่เอ้ย แกสามารถรักใครคนหนึ่งได้มากๆ แต่แกจะรักเขาจนยอมสูญเสียความเป็นตัวเองไปไม่ได้ ต่อให้หานชิงคือพี่ชายของเขา ฉันก็ยังต้องบอกกับเธอแบบนี้ ในเรื่องของความรู้สึกแกไม่ควรจะลดคุณค่าตัวเอง พวกเธออยู่ด้วยกันแล้ว พวกเธอเท่าเทียมกัน แกชอบเขา เขาก็ชอบแก แต่ถ้าเขาไม่ได้ชอบแกเหมือนที่แกชอบเขา อย่างนั้นแกก็ไม่ต้องชอบเขาจนมากเกินไป”
ถ้าไม่อย่างนั้น สุดท้ายคนที่เสียสละมาก ย่อมจะมีบาดแผลทั่วทั้งตัว
เรื่องนี้หานมู่จื่อเข้าใจอย่างลึกซึ้ง
คำพูดแต่ละคำเหล่านี้เข้าไปถึงก้นบึ้งหัวใจของเสี่ยวเหยียน เธอตบที่ไหล่หานมู่จื่อเบาๆ แสร้งทำเป็นผ่อนคลาย
“แกวางใจเถอะ ฉันไม่มีทางสูญเสียตัวตนของตัวฉันเอง ฉันก็แค่ปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตและจิตใจนิดหน่อยเท่านั้น อยากให้อนาคตของตนเองเต็มไปด้วยความประหลาดใจไม่มีที่สิ้นสุด แกลองคิดดู สิ่งที่ฉันคิดว่าเป็นไปได้ สุดท้ายกลับกลายว่าเป็นไปได้ อย่างนี้ไม่ใช่ว่าน่าแปลกใจมากเหรอ แต่ถ้าสิ่งที่ฉันคิดว่าเป็นไปได้ สุดท้ายกลับดับสลายหายไป ฉันก็จะรู้สึกเสียใจไง จะรับผลลัพธ์นี้ไม่ไหว แต่ตอนนี้ฉันไม่เป็นนะ เพราะว่าตอนแรกฉันมองไว้ในแง่ร้ายที่สุด ดังนั้นต่อให้วันนั้นมาถึงจริงๆ ฉันก็จะไม่……เจ็บปวดจนเกินจะรับได้ขนาดนั้น”
คำพูดเหล่านี้มาจากภายในจิตใจของเธอ ไม่พูดไม่ได้ หานมู่จื่อกลับรู้สึกว่าที่เธอพูดก็มีเหตุผล
แม้อย่างนี้จะดูน่าเห็นใจอยู่บ้าง แต่ว่าความตื่นเต้นดีใจก็มีมาก
อาจจะ ทุกคนล้วนมีทางเลือกและวิถีชีวิตเป็นของตัวเอง เธอไม่ควรจะไปก้าวก่ายอะไรมากนัก
คิดได้อย่างนี้แล้ว หานมู่จื่อก็พูดว่า:“อย่างนั้นก็ได้ ตัวแกเองรู้จักควบคุมให้ได้ ถ้างั้นฉันเข้าไปตรวจเป็นเพื่อน”
“อืม!”เสี่ยวเหยียนพยักหน้า
ตอนที่ผลตรวจออกมา พิสูจน์ว่าเสี่ยวเหยียนตั้งท้องแล้ว
เสี่ยวเหยียนถือผลตรวจเอาไว้ เกือบจะร้องไห้ออกมา สุดท้ายเธอก็กอดหานมู่จื่อซบลงบนไหล่ของเธอ
“ยินดีด้วยเสี่ยวเหยียนของฉัน จะเป็นแม่คนแล้วนะ”
ในใจเสี่ยวเหยียนก็คิดว่า หานชิงก็จะเป็นพ่อของลูกแล้ว
แต่ว่า ตอนนี้เธอยังไม่อยากบอกเรื่องนี้ให้หานชิงรู้
“เรื่องนี้ แกยังไม่ต้องบอกพี่ชายแกนะ แล้วก็คนอื่นด้วย ได้มั้ย”เสี่ยวเหยียนผละร่างออกมา เริ่มปรึกษาหารือกับหานมู่จื่อ
“ทำไมล่ะ ก่อนหน้านี้ที่แกไม่อยากบอกเพราะแกไม่แน่ใจ แต่ตอนนี้ทุกอย่างก็แน่นอนแล้ว ทำไมยังไม่ยอมบอกอีกล่ะ”
สีหน้าท่าทางของเสี่ยวเหยียนเขินอายเล็กน้อย พูดเบาๆว่า:“ฉันอยากจะเตรียมตัวให้พร้อมอีกหน่อย จากนั้นค่อยบอกเขา”
เสี่ยวเหยียนพูดมาขนาดนี้ หานมู่จื่อก็พอจะเข้าใจว่าเธอจะทำอะไร“อืม เรื่องนี้ฉันจะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นชั่วคราวก่อน ที่แกบอกก็ถูก ในเมื่อเรื่องนี้เป็นเรื่องระหว่างพวกแกสองคน ฉันก็ไม่ควรไปก้าวก่ายอะไรมาก”
“อืมๆ”
หลังจากออกไปจากโรงพยาบาลแล้ว เสี่ยวเหยียนกลับไปเอง หลังจากหานมู่จื่อขึ้นรถ เย่โม่เซินก็ถามอย่างเยือกเย็นว่า:“จัดการเรียบร้อยแล้วเหรอ”
หานมู่จื่อส่งเสียงตอบรับ ข้ามไปทักทายกับเสี่ยวโต้วหยา“เสี่ยวโต้วหยา หม่ามี๊กลับมาแล้ว”
“เธอเรียกคุณไปทำอะไร”
เย่โม่เซินก็ยังคงมีความค้างคาใจกับเสี่ยวเหยียนอยู่ เขายังไม่ลืมเรื่องก่อนหน้านี้ที่ทำกับมู่จื่อหวานใจเขาคนนี้ ครั้งนี้ยังเรียกมู่จื่อ ออกมาอีก แย่งเวลาที่ควรจะเป็นของพวกเขา!
“ไม่ได้ทำอะไรนี่ ก็เธอไม่สบาย ดังนั้นก็เลยเรียกให้ฉันไปตรวจเป็นเพื่อนนิดหน่อยเอง”หานมู่จื่อยังคงหยอกล้อกับเสี่ยวโต้วหยาต่อไป สีหน้าท่าทางเปลี่ยนไปไม่หยุด
มองดูท่าทางมีชีวิตชีวาของหานมู่จื่อชัดเจนแกล้งทำหน้าทะเล้นอยู่ต่อหน้าเขา ความโกรธและความเบื่อหน่ายที่รอนานของเย่โม่เซินเมื่อครู่ก็จางสลายหายไป
“ไม่สบายมาโรงพยาบาลเองไม่ได้เหรอ ไม่ใช่เด็กจะได้ต้องมีคนมาเป็นเพื่อน ตอนนี้คุณมีลูกมีสามีแล้ว ยุ่งมาก”
ท่าทางของหานมู่จื่อในที่สุดก็หยุดลง จากนั้นก็เงยหน้ามองเย่โม่เซินอย่างแปลกประหลาด
“ฉันรู้สึกว่าตอนนี้คุณเปลี่ยนไปเป็นคนที่แปลกมาก”
สายตาของเธอสุกใส เหมือนกับสามารถทะลุเข้าไปในดวงตาของเขาผ่านไปถึงภายในใจอย่างนั้น ริมฝีปากบางของเย่โม่เซินเม้มเข้าหากัน จากนั้นพูดว่า:“ใช่เหรอ แปลกตรงไหน”
“เมื่อก่อนคุณ……ดูเหมือนว่าจะไม่ตัวติดกับฉันแบบนี้ ตอนนี้กลับไม่เคยห่างกันสักก้าว ราวกับกลัวว่าฉันจะหายไปอย่างนั้น ตกลงเป็นยังไง”
เย่โม่เซินถูกถามคำถามนี้ก็ไม่รู้จะตอบยังไง
แต่ว่าเขาแค่ยังไม่ได้คิดว่าจะตอบคำถามเธออย่างไรดี ถูกต้อง เมื่อก่อนแม้ว่าทั้งสองจะอยู่ด้วยกัน แต่เขาก็ไม่ได้ตัวติดกับเธอเหมือนตอนนี้
“ฉันรู้สึกว่านับตั้งแต่ที่คุณฟื้นฟูความทรงจำ คุณก็ตัวติดกับฉัน รอจนฉันคลอดลูกเหตุการณ์แบบนี้ก็ยิ่งมากขึ้น ฉันรู้สึกว่าเหมือนจะเกิดเรื่องอะไร ทำไมคุณต้องคอยตามติดฉันทุกฝีก้าวด้วย”
เมื่อก่อนหานมู่จื่อไม่เคยถามเขาอย่างจริงจังแบบนี้มาก่อน ครั้งนี้ก็ใช้โอกาสนี้ถามเขาสักที
เย่โม่เซินเม้มริมฝีปากบาง เริ่มคิดทบทวนขึ้นมา
ความจริงแล้วปัญหานี้ต้องเริ่มพูดตั้งแต่เขาฟื้นความทรงจำกลับมา
ไม่มีใครเคยเจอเรื่องราวแบบที่เขาเจอ ตอนนั้นเครื่องบินประสบอุบัติเหตุ ตอนที่เขาตกลงในทะเลนั้น ความสิ้นหวัง สิ่งที่พบเจอมาอย่างนั้น
วันนั้นเขาควรจะเป็นเจ้าบ่าว ผู้หญิงที่เขารักยังรอเขาไปแต่งงานกับเธอในงานแต่งงาน
แต่วันนั้นเขากลับไปไม่ได้แล้ว เย่โม่เซินสามารถจินตนาการได้ถึงหานมู่จื่อที่อยู่ภายใต้การมาเป็นสักขีพยานของเหล่าญาติมิตรและเพื่อนพ้อง ห้อมล้อมไปด้วยนักข่าวจะผิดหวังมากแค่ไหนที่ไม่ได้เห็นตัวเอง
เขาเองก็กลัวว่าตัวเองจะเป็นอะไรไป จากนั้นก็จะไม่ได้พบเธออีก
ดังนั้นวินาทีที่ความทรงจำเขาฟื้นคืนกลับมาเป็นปกติ ความทรงจำและความรู้สึกที่วนเวียนเหล่านี้ก็เหมือนเขาที่ตกลงไปอยู่กลางทะเลอย่างไร้เรี่ยวแรง พยายามดิ้นรนต่อสู้ แต่กลับถูกคลื่นซัดจนแทบจะไม่มีสติรู้ตัว
คนเราเล็กกระจิริดมากจริงๆเมื่ออยู่ต่อหน้าธรรมชาติ
ความทรงจำเหล่านี้ก็เหมือนคลื่น แต่ละอันก็อันตรายน่ากลัวขึ้น ทำให้เขาต้องตั้งรับอย่างสุดกำลังตั้งแต่ต้นจนจบ จากนั้น……ก็ถูกคลื่นซัดกลืนกินไป
บวกกับต่อมา ตอนที่หานมู่จื่อคลอดเสี่ยวโต้วหยา เย่โม่เซินตามเข้าไปในห้องคลอดด้วย มองเห็นเธอคลอดลูกด้วยตาตัวเอง ท่าทางเหมือนกับว่าเหนื่อยจนแทบหมดสิ้นเรี่ยวแรง
ตอนนั้นเย่โม่เนกุมมือเธอเอาไว้แน่น มองดูใบหน้าที่ไร้สีเลือดของเธอ ก็นึกถึงตัวเองตอนอยู่ในทะเล ถูกคลื่นซัดเข้าใส่พัดพาออกไปทีละลูกๆ สุดท้ายก็หมดซึ่งเรี่ยวแรง
คิดได้เช่นนี้ เย่โม่เซินก็ค่อยๆดึงสติกลับมา จากนั้นเขาก็มองเห็นใบหน้าของหานมู่จื่อที่มองเขาอย่างเป็นห่วง“คุณเป็นอะไรไป”
พูดจบ ก็ยังยื่นมือมาโบกไปมาที่ตรงหน้าเขา:“ยังโอเคมั้ย เห็นท่าทางคุณ คุณคงจะไม่ได้คิดถึงความทรงจำที่ไม่ดีใช่มั้ย”
“เปล่า”เย่โม่เซินไม่อยากให้เธอเป็นกังวล ดังนั้นจึงรีบปฏิเสธทันควัน แต่ว่าหานมู่จื่อไม่เชื่อ เพราะท่าทางเขาเมื่อครู่เห็นชัดว่าจมติดอยู่กับความทรงจำ จะไม่ใช่ได้อย่างไร
ความทรงจำของเขาหานมู่จื่อรู้เกือบหมดแล้ว ดังนั้นเรื่องที่ทำให้เย่โม่เซินแสดงท่าทีอย่างนั้นออกมา เธอรู้สึกว่าตนเองอาจจะพอคาดเดาได้ว่าคืออะไรแล้ว