เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 1353
บทที่1353 ไม่หลงเหลืออะไรไว้
บ้านตระกูลหาน
“แค่กๆ ……”
“คุณผู้ชาย ไม่สบายเหรอครับ? หรือว่าไปโรงพยาบาลหน่อยไหมครับ? ”ลุงหนานยืนอยู่ข้างๆ หานชิงพร้อมกับแสดงความคิดเห็น สีหน้าดูกังวล
“แค่กๆ ……”
การตอบสนองของเขาคือการไออย่างต่อเนื่อง ทำให้คนที่ได้ยินรู้สึกปวดใจ
ลุงหนานเห็นหานชิงเป็นแบบนี้ ก็รู้สึกปวดใจอย่างมาก
เมื่อคืนตอนที่คุณผู้ชายกลับมานั้น ตัวก็อุ่นๆ อากาศก็เย็น หลังจากนั้นเขาก็แนะนำให้คุณชายรีบไปอาบน้ำ แต่ว่าคุณชายกลับนั่งเงียบๆ อยู่ที่โซฟาคนเดียวอยู่นานสองนาน ลมปราณทั่วร่างของเขาต่ำมาก ทำให้คนไม่กล้าเข้าใกล้
หลังจากนั้นวันนี้ตื่นมาตอนเช้าเขาก็ป่วยเลย
ลุงหนานปวดใจอย่างมาก “คุณผู้ชายครับ เดี๋ยวผมไปเตรียมรถ ไปส่งคุณผู้ชายไปโรงพยาบาลครับ”
“ไม่จำเป็น” หานชิงไออยู่ครึ่งวัน สุดท้ายก็คลายลงบ้าง เสียงของเขาหนักและแหบแห้ง “แค่เรื่องเล็ก ไม่ต้องไปโรงพยาบาลหรอก”
“คุณผู้ชายครับ คุณไอจนเป็นขนาดนี้ยังจะไม่ไปโรงพยาบาลอีกเหรอ? ตอนนี้คุณกำลังไม่ให้ความสำคัญกับร่างกายของตัวเองเลยนะ! ” ลุงหนานพูดอย่างจริงจัง “ต่อให้คุณผู้ชายยังหนุ่มอยู่ แต่ว่าถ้าป่วยแล้วก็ต้องได้รับการรักษาให้ทันเวลา โรคมันก็เริ่มจากอาการเล็กน้อยเพียงเท่านั้นแหละ”
แต่อย่างไรก็ตามหานชิงก็ไม่ได้สนใจคำบ่นของเขา ลุกขึ้นและเดินออกไปด้านนอก สีหน้าของลุงหนานเปลี่ยนไป “คุณผู้ชายจะไปไหนครับ? ”
“มีเรื่องให้ต้องไปจัดการนิดหน่อย”
ลุงหนานอยากจะไปกับหานชิง แต่ว่าหานชิงไม่ให้เขาตามไป สุดท้ายเขาก็ต้องอยู่ที่บ้านอย่างจำใจ
ระหว่างทางที่ไปหาเสี่ยวเหยียนนั้น หานชิงก็โทรหาเสี่ยวเหยียนอย่างต่อเนื่อง
เหมือนกับเมื่อคืน โทรศัพท์ของเธอยังคงปิดอยู่ ดูท่าทางเหมือนกับว่าเธอยังคงโกรธอยู่ ยังไม่อยากจะสนใจเขา
เมื่อคืนหลังจากที่เขากลับมาแล้วก็นอนไม่หลับทั้งคืน ตาสว่างจนถึงรุ่งสาง
สำนึกถึงความผิดร้ายแรงที่ตัวเองทำเมื่อตอนกลางวัน
แม้ว่าตอนนั้นเสี่ยวเหยียนจัดงานวันเกิดให้เขา จุดชนวนความทรงจำที่เขาไม่อยากจะจำอีกต่อไป แต่ว่าสาวน้อยนั้นไม่ได้ตั้งใจ แล้วตัวเขาเองก็ไม่เคยเล่าให้เธอฟังมาก่อน ดังนั้นเธอก็เลยไม่รู้ว่าจัดงานวันเกิดให้เขาแล้วจะทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
เขาผิดเอง เขาไม่ควรจะปิดบังเธอ
ในเมื่อตัวเองเลือกเธอแล้ว ก็ควรจะมอบทุกอย่างให้เธอทั้งหมดโดยที่ไม่เหลืออะไรทิ้งไว้สิถึงจะถูก
แต่ว่าเขากลับซ่อนเร้นบาดแผลของตัวเองไว้อย่างเห็นแก่ตัว
พอนึกถึงว่าในช่วงนี้สาวน้อยได้เตรียมตัวอย่างตั้งอกตั้งใจ แต่ผลก็คือถูกเขาทิ้งไว้ที่ร้านอาหาร ทำให้เธอถูกหัวเราะเยาะ หานชิงรู้สึกเหมือนหัวใจของเขานั้นถูกมีดกรีด
เมื่อเอาทั้งสองฝั่งมาเปรียบเทียบกัน อดีตพวกนั้นกลายเป็นไม่สำคัญอีกต่อไป
มันเป็นอดีตไปแล้ว ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุด ก็คือการมีเธออยู่ข้างกาย
แต่ว่าตอนนี้เหมือนกับว่าสาวน้อยไม่ฟังอะไรทั้งนั้น เรื่องนี้ทำให้เธอโกรธมาก ยิ่งเธอโกรธยิ่งเห็นว่าเธอถูกทำร้ายอย่างหนัก
หานชิงก็ไม่ได้วางแผนจะใช้กำลัง เขาวางแผนจะรอให้สาวน้อยค่อยๆ หายโกรธ หลังจากนั้นก็เล่าเรื่องราวให้เธอฟังทีละนิด
โทรศัพท์โทรไม่ติด แต่ว่ารถของเขาก็มาถึงด้านล่างตึกของบ้านเสี่ยวเหยียนแล้ว
ตอนที่หลัวหุ้ยเหม่ยเตรียมจะออกจากบ้านนั้น ก็เห็นรถที่คุ้นเคยจอดอยู่ที่ด้านล่างของบ้านเธอเงียบๆ ฝีเท้าของเธอก็หยุดลงทันที
นั่นคือรถของหานชิงไม่ใช่เหรอ?
นี่เขามาหาเสี่ยวเหยียนอีกแล้วงั้นเหรอ?
ตอนที่กำลังคิดอยู่นั้น กระจกรถก็ลดลง เผยให้เห็นใบหน้าด้านข้างที่ผอมซีดหานชิง
“คุณป้า”
เขาพยักหน้าให้เธอ หลังจากนั้นก็เปิดประตูและลงมาจากรถ
หลัวหุ้ยเหม่ยยืนนิ่งอยู่กับที่ รอให้เขาเดินเข้ามา
“อรุณสวัสดิ์ครับคุณป้า”
หานชิงมองไปที่ด้านหลังของหลัวหุ้ยเหม่ย แต่ว่าก็ไม่พบร่องรอยของสาวน้อยคนนั้น
“มาหาเสี่ยวเหยียนเหรอ? ” หลัวหุ้ยเหม่ยถอนหายใจออกมา “ถึงแม้ว่าจะไม่รู้ว่าระหว่างพวกเธอเกิดอะไรกันขึ้น แต่ว่าป้าว่าสองสามวันนี้อย่าพึ่งไปหาเธอเลย”
พอได้ยินดังนั้น หานชิงก็ขมวดคิ้วเข้าหากัน “คุณป้า? ”
“เธอไม่ยอมให้อภัยคุณ แถมยังโกรธมาก ถึงแม้ว่าเด็กนั่นตอนเช้าจะดูปกติมาก แต่ป้าว่านี่แหละที่น่ากลัวที่สุด ยิ่งปกติยิ่งแปลกประหลาด ประโยคนี้คุณเคยได้ยินไหม? เมื่อคืนเกิดเหตุการณ์รุนแรงขนาดนั้น แต่ตื่นเช้ามาเธอกลับกินข้าวตามปกติ แถมยังล้อเล่นกับป้ากับตาจางอีก”
พอได้ยินหลัวหุ้ยเหม่ยบรรยาย หานชิงเองก็ตระหนักได้ว่า เรื่องนี้มันรุนแรงกว่าที่เขาคิดไว้เยอะเลย
“แค่กๆ ……”
หานชิงกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็เกิดอาการคันคออีกครั้ง เขาห้ามตัวเองไม่ได้แล้วไอออกมา
การไอครั้งนี้ ทำให้หลัวหุ้ยเหม่ยพึ่งจะสังเกตเห็นว่าใบหน้าของเขาซีดเซียว แล้วก็นึกถึงเรื่องที่เมื่อคืนตอนที่เปิดประตูให้เขานั้นร่างกายเขาเปียกปอนไปทั้งตัว ก็เลยเข้าใจในทันที
“เมื่อวานคุณไม่สบายเพราะเปียกฝนรึเปล่า? สีหน้าดูแย่ขนาดนี้ รีบไปหาหมอแล้วรับยามาทานดีกว่า ไม่ต้องมารอเหยียนเหยียนที่นี่อีกแล้ว”
หานชิงไม่ได้พูดอะไร แต่ว่าร่างกายของเขาไม่ได้ขยับเขยื้อน เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ยอมไปไหน
หลัวหุ้ยเหม่ยเห็นท่าทางของเขา ก็ถอนหายใจออกมาอย่างแรง “ลูกสาวของป้ามีนิสัยยังไงป้ารู้ดีที่สุดแล้ว คุณอย่าเห็นว่าปกติเธอพูดง่าย ซื่อๆ และโดนแกล้งบ่อย แต่เมื่อไหร่ที่เธอหัวแข็งขึ้นมาก็ไม่มีใครไปพูดได้เหมือนกัน ตอนนั้นที่เธอจะออกจากตระกูลเย่นั้นพ่อของเธอโกรธมาก ออกคำสั่งว่าถ้าเกิดว่าเธอกล้าออกจากบริษัทตระกูลเย่ ก็จะตัดพ่อตัดลูกกับเธอ แต่ว่าเด็กนี่ออกไปโดยที่ไม่ได้พูดอะไรสักคำเลย แล้วก็ไม่ได้กลับบ้านห้าปีเต็ม ฟังแค่นี้คุณก็น่าจะรู้แล้วใช่ไหม? ตอนนี้เธอไม่อยากจะเจอคุณ และก็ไม่อยากให้อภัยคุณ ต่อให้คุณรออยู่ที่นี่ตลอด เธอก็ไม่สนใจคุณหรอก”
การตักเตือน ทำให้สีหน้าของหานชิงดูแย่ลงมาก แต่ว่าเขาก็คลี่ยิ้มออกมาอีกครั้งอย่างรวดเร็ว แล้วพูดแบบนิ่งๆ ว่า “ที่คุณป้ายอมพูดเรื่องพวกนี้กับผมในวันนี้ ผมรู้สึกซาบซึ้งมากครับ แต่ว่ามีเรื่องบางอย่างที่ผมจำเป็นต้องอธิบายให้เธอฟังให้เคลียร์ ถ้าเกิดว่าเธอยังโกรธผมอยู่ล่ะก็ ผมก็จะรอจนกว่าเธอจะหายโกรธ”
“คุณ….เฮ้อ จะทำแบบนี้ไปทำไมกัน ตอนนี้คุณยังป่วยอยู่เลยนะ”
“คุณป้าไปทำธุระต่อเถอะครับ”
หลัวหุ้ยเหม่ยเห็นว่าสายตาของอีกฝ่ายดูแน่วแน่มาก ดูยืนกรานมั่นคงมาก ก็เลยขี้เกียจที่จะเกลี้ยกล่อมเขาแล้ว แล้วก็ออกไปจากตรงนั้น
ก่อนจะไปนั้น เดิมทีหลัวหุ้ยเหม่ยอยากจะบอกหานชิงว่า ที่จริงแล้วเสี่ยวเหยียนไม่ได้อยู่ข้างบน เธอออกไปที่ร้านแล้ว ให้เขาไปหาเธอที่ร้านดีกว่า
แต่ว่าพอนึกถึงท่าทางที่ใจแข็งของลูกสาวตัวเองในตอนเช้าแล้วนั้น หลัวหุ้ยเหม่ยก็เลือกที่จะอยู่ข้างลูกสาวของตัวเอง
ลูกสาวของเธอ อยากจะหายโกรธเมื่อไหร่ก็เมื่อนั่นแหละ
ตอนนี้ เธอจะไปก่อปัญหาให้ลูกสาวเพิ่มไม่ได้
หานชิงไม่รู้ว่ารออยู่ข้างล่างนานแค่ไหนกัน โทรศัพท์เขาก็ดังขึ้น ซูจิ่วเป็นคนโทรเข้ามา
“ประธานหาน การประชุมจะเริ่มขึ้นแล้ว ทำไมเช้านี้คุณไม่มาที่บริษัทคะ? ”
“เลื่อนออกไปให้หมดแล้วก่อนกัน”
ซูจิ่วได้ยินว่าเสียงของเขาแหบแห้ง ก็ตกใจ “ประธานหานคุณไม่สบายเหรอคะ? ”
หานชิงไม่ได้ตอบเธอตามตรง ได้แต่พูดว่า “งานที่บริษัทสองสามวันนี้ให้เลื่อนออกไปให้หมด อะไรที่เธอแก้ไขได้ก็แก้ไขไป อะไรที่ไม่ได้ก็เลื่อนออกไปก่อน”
ซูจิ่ว:“……แล้วโครงการที่สำคัญก็……”
“อืม เลื่อนออกไปให้หมด”
ซูจิ่วรู้สึกตกใจเล็กน้อย แต่ว่าน้อยมากที่ประธานหานจะตัดสินใจอะไรตามอำเภอใจแบบนี้ พอนึกถึงเรื่องที่อาจจะเกิดขึ้นในครั้งนี้ เธอนึกถึงท่าทางที่เสี่ยวเหยียนมาหาหานชิงที่บริษัทเมื่อวาน ก็ได้พูดนิ่งๆ ว่า “เข้าใจแล้วค่ะเสี่ยวเหยียน”