เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 1380
บทที่ 1380 รับปากคุณโอเคแล้วนะ
ช่างเถอะ ขี้เกียจจะไปซักไซ้เรื่องนี้แล้ว
เซียวซู่เม้มปาก ไม่ได้ตอบอะไรเธอ
“นี่ คุณยังไม่ได้ตอบคำถามฉันเลยนะ เมื่อครู่คุณแกล้งทำมาเป็นเปลี่ยนเรื่องใช่มั้ย”
“เปล่า”
ก็แค่นึกขึ้นมาได้พอดี เท่านั้นเอง
พูดก็พูดเถอะ ใครใช้ให้เธอโน้มเข้ามาใกล้ขนาดนี้
ใครจะไปคิดว่าเจียงเสี่ยวไป๋จะจ้องหรี่ตามองมาที่เขา :“คุณมีความลับอะไรในใจหรือเปล่า”
จากนั้นก็โน้มลงมาใกล้อีกนิด เสมือนกับว่ามองอะไรจากใบหน้าหรือดวงตาเขาออก ดังนั้นระยะห่างระหว่างพวกเขาสองคนจึงใกล้กันขึ้นอีก
หัวใจของเซียวซู่เต้นเปลี่ยนเป็นผิดปกติอีก เขาขมวดคิ้ว ยกมือขึ้นมาวางบนใบหน้าขาวๆของเจียงเสี่ยวไป๋ดันออกไปไกลๆ
“พูดดีๆ อย่าเข้าใกล้ผมมากขนาดนี้”
เจียงเสี่ยวไป๋ยังไม่ทันได้ตั้งตัวอะไร หน้าก็ถูกผลักออกไปแล้ว ความอบอุ่นบนฝ่ามือของชายหนุ่มส่งผ่านไปที่บนใบหน้า ตอนที่เธอจะขัดขืนตอบโต้เซียวซู่ก็เก็บมือกลับไปแล้ว
และเธอก็ถูกผลักออกมาไกลแล้ว
เชอะ เจียงเสี่ยวไป๋ยังไม่ยอมแพ้เขา:“อย่างนั้นคุณก็พูดสิ จะยกมือยกไม้ทำไม”
เซียวซู่ไม่ได้ตอบคำถามเธอ เจียงเสี่ยวไป๋จ้องเขาอย่างพิจารณา ทันใดนั้นก็นึกขึ้นได้ถึงการหลบสายตาของเขาก่อนที่จะผลักเธอเมื่อครู่ มุมปากกระตุกมองเขาอย่างพินิจพิเคราะห์
“จู่ๆทำไมคุณผลักฉันออก ทำไม หรือว่าคุณกลัวฉัน เข้าใกล้คุณ”
ได้ยินดังนั้น เซียวซู่เหลือบมองเธออย่างตกใจแวบหนึ่ง
“หรือว่าไม่ใช่ ถ้าไม่ใช่กลัวฉัน เข้าใกล้ ทำไมคุณต้องรีบร้อนผลักฉันออกขนาดนั้นด้วย”
เหมือนกับว่าต้องการพิสูจน์สิ่งที่ตนเองพูด เจียงเสี่ยวไป๋ค่อยๆก้าวมาข้างหน้าเข้าใกล้เซียวซู่ แม้เธอจะถูกผลักไปไกล แต่ระยะห่างของทั้งสองคนก็ยังใกล้กัน ดังนั้นพอเจียงเสี่ยวไป๋ขยับมาข้างหน้า ระยะห่างของทั้งสองก็เข้าใกล้อย่างไม่มีข้อจำกัดอีกครั้ง
เห็นดวงตาที่แฝงด้วยรอยยิ้มและความเจ้าเล่ห์คู่นั้นของเจียงเสี่ยวไป๋ ก็รู้สึกว่าหัวใจเริ่มอึดอัด เขาเม้มริมฝีปากบางมองไปที่เธอโดยไม่ส่งเสียง
เจียงเสี่ยวไป๋แน่นอนว่าเป็นผู้หญิงที่จัดว่าสวยมากประเภทนั้น อีกทั้งหน้าสดก็ยังดูดีมาก แทบจะไม่ต้องแต่งหน้า ถ้าหากเธอแต่งหน้าแต่งตัวอย่างจริงจัง อย่างนั้นก็สามารถขึ้นเวทีประกวดได้เลย
เธอมีความสามารถในการหว่านเสน่ห์ให้คนสนใจจริงๆ
ในขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น เจียงเสี่ยวไป๋ก็โน้มตัวมาอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว กระพริบตาปริบๆ ทันใดนั้นก็เป่าลมมาที่เขาหนึ่งครั้ง
เซียวซู่หนังตากระตุก “ทำอะไร”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มอย่างสดใส :“ไม่ได้ทำอะไรนี่ ก็จะลองดูปฏิกิริยาคุณ คุณดูสิดูเหมือนคุณจะกลัวฉันเข้าใกล้มาก เพราะว่าพอฉันเข้าใกล้คุณ คุณก็จะตื่นเต้น จากนั้นก็หายใจติดขัด เหมือนหายใจไม่ทันใช่มั้ย”
ก็ไม่รู้ว่าทำไม ภายใต้การสะกดของเธอ เซียวซู่เป็นแบบที่เธอบอกอย่างนั้นเลย ยิ่งเธอเข้าใกล้มากเท่าไหร่ การหายใจของเขาก็ยิ่งรัวเร็วขึ้น สุดท้ายเหมือนจะหายใจไม่ทันจริงๆ
เจียงเสี่ยวไป๋เห็นความสับสนในแววตาเขาชั่วเสี้ยววินาที
เธอคิดว่าตัวเองดูผิดแล้ว ตอนอยากจะดูให้ละเอียด ในแววตาของดวงตาคู่นั้นก็ฟื้นคืนกลับมาตื่นตัวแล้ว บีบคางของเธอไว้แน่น ถือว่าออกแรงมากทีเดียว
“เจียงเสี่ยวไป๋ คุณจะทำอะไร” เซียวซู่มองเธออย่างเยือกเย็น น้ำเสียงที่ไร้อารมณ์ความรู้สึกทำให้เจียงเสี่ยวไป๋ชะงักไปเล็กน้อย ยังไม่ทันที่เธอจะตั้งตัวกลับมาได้ ก็ได้ยินเสียงเขาพูดว่า:“พวกเราแม้จะพักอยู่ด้วยกัน แต่ขอให้คุณช่วยวางตำแหน่งตนเองให้ถูกด้วย พวกเราเป็นแค่แฟนหลอกๆ เวลาปกติไม่ได้มีเรื่องอะไรไม่ต้องเข้าใกล้ผมขนาดนี้ ได้ยินชัดมั้ย”
เสี้ยววินาทีนั้น เจียงเสี่ยวไป๋ในหัวตนเองเหมือนเส้นอะไรในหัวขาดผึง
หลังจากนั้น สมองก็ว่างเปล่าไปหมดเลย
เธอไม่รู้ว่าใบหน้าตนเองเปลี่ยนเป็นขาวซีดหรือไม่ แต่ว่าหูของเธออื้ออึง เหมือนไม่ได้ยินเสียงอะไรอีก
หลังจากเซียวซู่พูดจบ ก็ตระหนักได้ว่ามือที่บีบใต้คางเธออยู่นั้นเหมือนจะไม่ค่อยถูก จึงปล่อยมือด้วยความตระหนก จากนั้นก็ลุกยืนขึ้นมา
ตอนนี้เจียงเสี่ยวไป๋เพิ่งจะตั้งสติได้ แทบไม่ต้องคิดเลย หยิบหมอนที่อยู่ข้างๆขึ้นมากระแทกลงไปที่ด้านหลังของเซียวซู่อย่างแรง
“เซียวซู่!”
เซียวซู่ไม่ได้หลบ หมอนก็กระแทบลงไปที่ด้านหลังเขา เขายืนนิ่งๆไม่ขยับ
“ที่คุณพูดเมื่อกี้หมายความว่ายังไง อะไรที่เรียกว่าเวลาปกติไม่มีเรื่องอะไรอย่าเข้าใกล้คุณ คุณคิดว่าฉันอ่อยคุณเหรอ ฉันจะบอกคุณให้นะ คุณเข้าข้างตัวเองไปนะ อะไรที่เรียกว่าให้ฉันยึดตำแหน่งตัวเองไว้ มีอย่างที่คุณพูดด้วยเหรอ คุณคิดว่าตัวคุณเองเป็นใคร จะบอกคุณสองประโยคนะคุณคิดว่าตัวเองเป็นคนสำคัญมากจริงๆเหรอ ถึงมาบอกกับฉันแบบนี้ วันนี้ทำไมคุณไม่พูด ต่อหน้าแม่คุณเลยล่ะ”
เซียวซู่:“……”
สมองของเซียวซู่ตื่นตัวขึ้นมาบ้างแล้ว ความจริงหลังจากพูดจบเขาก็รู้สึกเสียใจทีหลังนิดหน่อย
แต่ว่าตอนนั้นเขาถูกเจียงเสี่ยวไป๋รุกเข้ามาใกล้ขนาดนั้น จากนั้นเธอก็ยังพูดแทงใจดำของเขาอีก ดังนั้นเขาจึงพูดอย่างนั้นไปด้วยความโมโห
“คุณไม่กล้าพูดหรือว่าคุณกลัวจะเป็นเรื่องยุ่งยาก ในเมื่อตัวคุณเองก็กลัวความวุ่นวาย อย่างนั้นพวกเราก็คือต่างฝ่ายต่างได้ผลประโยชน์ พูดแค่ประโยคเดียวเท่านั้น ตัวคุณเองตื่นตระหนกอยู่ที่นั่น ฉันแค่ถามว่าคุณเป็นอะไร คุณถึงกับต้องพูดทำร้ายจิตใจกันด้วยเหรอ”
เจียงเสี่ยวไป๋โกรธแล้วจริงๆ ตอนแรกเธอแค่คิดอยากจะแหย่เขาเล่นจริงๆ ใครจะไปรู้ว่าเขาจะจริงจังขนาดนั้น แล้วยังพูดทำร้ายจิตใจด้วยคำพูดเหล่านั้น
“ขอโทษ” เซียวซู่หันกลับมา สายตาจับจ้องอยู่ที่เธอ:“เมื่อครู่ผมเลือกใช้คำพูดเป็น ตอนนี้ผมขอโทษคุณนะ”
เจียงเสี่ยวไป๋อึ้ง ขอโทษแล้วเหรอ
อาจจะเป็นเพราะว่าคำพูดเขาทำร้ายจิตใจมากเกินไป เจียงเสี่ยวไป๋กัดริมฝีปากล่าง พูดอย่างโกรธๆว่า:“คุณคิดว่าคุณขอโทษแล้วมีประโยชน์เหรอ คำพูดที่พูดออกไปก็เหมือนกับน้ำที่ถูกสาดออกไป คุณทำเกินไปแล้ว!”
เซียวซู่มองเธออย่างไม่รู้จะพูดอะไร เธอยังนั่งอยู่บนโซฟา อาจจะเพราะโกรธ ดังนั้นขอบตาแดงก่ำเล็กน้อย คิดถึงคำที่ตนเอ่ยเมื่อครู่ ก็หยาบคายเกินไปจริงๆ
เขาถอนหายใจอย่างจนปัญญา ยอมเดินเข้าไปใกล้เธอ
“อย่างนั้นคุณอยากจะทำอะไร ผมให้คุณตีสักที”
“ตีสักทีเหรอ คุณมองโลกในแง่ดีเกินไป” เจียงเสี่ยวไป๋ส่งเสียงฮึ่ม ความคิดกลับหมุนไปอย่างรวดเร็วมาก ตอนแรกเธออยากจะพูดเรื่องคุณลุงกับเซียวซู่ แต่คิดไม่ถึงว่าแผนจะเปลี่ยน แต่ตอนนี้ก็ไม่มีเรื่องอะไร เรื่องราวยังคงพัฒนาไปตามทางที่เธอคาดหวังไว้
“คุณต้องรับปากฉันเรื่องหนึ่ง ฉันถึงจะไม่โกรธ”
เจียงเสี่ยวไป๋ไม่ใช่ผู้หญิงที่จะยอมลำบากเพื่อทำในสิ่งที่มันไม่คุ้มค่า เมื่อครู่เธอโกรธเซียวซู่มากจริงๆ แต่ถ้าตอนนี้มีเรื่องที่สำคัญกว่า อย่างนั้นเธอก็ให้ความใส่ใจให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อย่างรวดเร็ว คิดไม่ถึงว่าตอนที่เธอกำลังโกรธยังสามารถเจรจาต่อรองกับตนเองได้ ดังนั้นเซียวซู่จึงชะงักไปเล็กน้อย แต่ไม่นานก็ตั้งสติกลับมาได้
“คุณจะให้ผมรับปากอะไร”
“คุณบอกก่อนว่ารับปากหรือเปล่า!” เจียงเสี่ยวไป๋ยังไม่ยอมบอกเขาตามตรง
เซียวซู่:“คุณไม่พูดออกมา ผมจะรู้ได้ยังไงว่าผมรับปากได้มั้ย”
เจียงเสี่ยวไป๋ตะคอกด้วยความโมโห:“คุณอย่างคุณนี่ขอโทษมีความจริงใจมั้ยเนี่ย เห็นชัดว่าพูดแรงเกินไปขนาดนั้น ฉันก็แค่ให้คุณรับปากฉันเรื่องเดียวเท่านั้น คุณก็มัวแต่หาข้ออ้างโน่นนี่นั่นที่นี่ หรือฉันจะให้คุณไปฆ่าคนวางเพลิงหรือยังไง”
คิดไปคิดมาก็ใช่ ขอแค่เป็นเรื่องที่ไม่ขัดหลักศีลธรรม เซียวซู่ก็ล้วนรับปากเธอได้ทั้งหมด
เขาเบ้ปากอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร “ได้ รับปากคุณโอเคแล้วหรือยัง”