เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 1403
บทที่ 1403 ไม่มีทางเสียใจภายหลัง
เมื่อพูดออกมาเช่นนี้ เซียวซู่หยุดชะงักเหมือนสะอึกไปในทันที พูดอะไรไม่ออก
เขามองเจียงเสี่ยวไป๋แปลกๆ สีหน้าอารมณ์บิดเบี้ยวเล็กน้อย
เจียงเสี่ยวไป๋พูดอย่างไม่สบอารมณ์: “ทำไมทำสีหน้าแบบนั้นล่ะ หรือว่าฉันพูดผิด? ถ้าเมื่อคืนนายเอาแต่ใจเหมือนวันนี้ พวกเราจะมีความสัมพันธ์กันเหรอ?”
เซียวซู่รู้สึกว่าเธอพูดถูก ถ้าเมื่อคืนเขาควบคุมตัวเองให้ดีกว่านี้ คงไม่เกิดเรื่องที่ตามมาภายหลัง ทั้งสองมีความสัมพันธ์กันแล้ว และเป็นแฟนกันจริงจังแล้ว เขายังเป็นแบบนี้อีก ช่างเอาแต่ใจจริงๆ
เมื่อคิดถึงตอนนี้ เซียวซู่จึงค่อยๆเดินกลับมาเงียบๆ จากนั้นนั่งลงข้างเตียง
เงียบไปสักพัก จู่ๆเขาก็พูดขึ้น: “ต่อไปเวลาเธอพูดอะไรไม่ต้องพูดตรงขนาดนี้ได้ไหม?”
“หมายความว่ายังไง?”
“หมายความว่าเวลาพูดเรื่องที่ไม่ค่อยสะดวกใจ ให้อ้อมค้อมหน่อย”
“ฉันไม่อ้อมค้อมตรงไหน? อีกอย่างตรงนี้มีแค่นายกับฉัน นายมีอะไรกับฉันแล้ว ยังต้องให้อ้อมค้อมอีกเหรอ?”
เซียวซู่: “เธอคิดซะว่าเมื่อครู่ฉันไม่ได้พูดอะไร”
เขาไม่ควรเถียงกับหล่อนเรื่องนี้ เจียงเสี่ยวไป๋ปากเก่งมาก และเขาก็ไม่ได้เป็นคู่ปรับของเธอเลย เอาเป็นว่าหล่อนว่ายังไงก็ว่าตามแล้วกัน
อันที่จริงเจียงเสี่ยวไป๋ไม่ได้เป็นคนโผงผาง เพียงแต่เมื่อเจอกับคนอย่างเซียวซู่ จึงปลุกความกล้าในตัวหล่อนขึ้นมา มีคำพูดหนึ่งที่กล่าวไว้ว่า ถ้าฝ่ายหนึ่งแข็งอีกฝ่ายก็จะอ่อน ถ้าฝ่ายหนึ่งอ่อนอีกฝ่ายก็จะแข็ง
เจียงเสี่ยวไป๋กับเซียวซู่ก็เป็นเช่นนี้ เดิมทีนิสัยของเซียวซู่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเรื่องความรู้สึกจะกลายเป็นคนลึกซึ้ง ไม่แสดงออก แต่ในความรู้สึกนี้ก็ทำให้เขินง่ายเช่นกัน ถ้าได้เจอผู้หญิงที่ตัวเองชอบมากๆก็จะเป็นฝ่ายเข้าหามากกว่า
แต่เมื่อเจอคนดื้อรั้นอย่างเจียงเสี่ยวไป๋ เขาจึงจำต้องยอมทน
การคบกันระหว่างเจียงเสี่ยวไป๋กับเขา เขาถือเป็นฝ่ายที่ถูกกดดัน
เช่น หลังจากที่เซียวซู่ยอมนอนกับหล่อนร่วมเตียงเดียวกัน เมื่อเซียวซู่เป่าผมแห้งแล้วเตรียมตัวจะนอน เจียงเสี่ยวไป๋กลับเป็นฝ่ายเข้าหาเขา และบังคับให้เขาจูบฝันดี
มือคู่นั้นที่ทั้งนุ่มทั้งเนียนกอดรัดแขนของเขาไว้ พูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา จนทำให้เซียวซู่นอนตัวเกร็ง จนขยับไม่ได้
“นายไม่ได้ยินเหรอ?” เจียงเสี่ยวไป๋เห็นเขานอนไม่ขยับ จึงยื่นมือออกไปผลักเขา “คนอื่นคบกันก็มีจูบฝันดีกันหมดไม่ใช่เหรอ?”
เซียวซู่รู้ดีว่าถ้าตัวเองไม่ทำตามสิ่งที่หล่อนอยากให้ทำ เจียงเสี่ยวไป๋คงจะกอดรัดตัวเองไว้และพูดบ่นไม่หยุด
จากนั้นเขาจึงหลับตาลง และลืมตาขึ้นมาอีกครั้งด้วยความเหนื่อยใจ “จูบตรงไหน?”
“นายยอมแล้วเหรอ?” เจียงเสี่ยวไป๋ชี้ไปที่หน้าผากของตัวเอง “จูบฝันดีต้องจูบตรงนี้สิ จะให้จูบที่ไหนล่ะ?”
เซียวซู่หันหน้าไปมองหล่อน ยกแขนขึ้น ค่อยๆโน้มตัวเข้าไป
มองดูเขาค่อยๆโน้มตัวใกล้เข้ามา ใจของเจียงเสี่ยวไป๋เต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมา กลิ่นเฉพาะตัวของผู้ชายโอบล้อมตัวของหล่อนไว้
แม้ว่าเมื่อวานทั้งสองจะมีความสัมพันธ์กันแล้ว แต่เจียงเสี่ยวไป๋กลับคิดไม่ออกเลยว่าตอนนั้นเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น เพราะหล่อนดื่มจนเมา จึงลืมเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น
จนตื่นขึ้นมาตอนเช้าเพิ่งจะรู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ตอนนี้เซียวซู่เป็นฝ่ายเข้ามาใกล้หล่อน เจียงเสี่ยวไป๋จึงเริ่มรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา
แต่หล่อนไม่ได้แสดงออกมา เพราะหล่อนไม่อยากทำตัวขี้ขลาดต่อหน้าเซียวซู่ มือที่ซ่อนอยู่ในผ้าห่มจับผ้าปูที่นอนไว้ มองหน้าเซียวซู่ที่โน้มตัวเข้ามาจูบบนหน้าผากหล่อนด้วยสีหน้านิ่งเรียบ
ท่าทางของเขาอ่อนโยนมาก เหมือนแมลงปอบินเฉี่ยวบนน้ำ
เจียงเสี่ยวไป๋กระพริบตา จู่ๆก็นึกถึงรอยจูบนั้นที่ใต้ตึก ทำไมเขาในตอนนั้นถึงดูกล้าหาญ แต่ตอนนี้กลับเขินขึ้นมาแล้วล่ะ?
หรือผู้ชายคนนี้ต้องตกอยู่ในสถานการณ์คับขันจึงจะสามารถเข้มแข็งและกล้าหาญได้?
เมื่อคิดถึงตอนนี้ เจียงเสี่ยวไป๋จึงลูบไปที่หน้าผากของตัวเอง ส่วนเซียวซู่ห่มผ้าเรียบร้อยแล้ว “นอน!”
กลางดึก
เซียวซู่นอนอยู่บนเตียง ฟังเสียงลมหายใจของคนข้างกาย พูดไม่ถูกว่าตอนนี้รู้สึกอย่างไร
เด็กผู้หญิงที่ยังทะเลาะกับเขาอยู่เมื่อครู่ ตอนนี้มานอนหลับอยู่ข้างกายเขาแล้ว อีกทั้งตอนที่หล่อนนอนหลับดูเหมือนไม่มีความรู้สึกปลอดภัยเลย นอนขดตัวกลม และหันหน้ามาทางเขาพอดี
ทำให้เซียวซู่รู้สึกว่าหล่อนพึ่งพาตัวเองเป็นอย่างมาก
หลังจากเกิดเรื่องขึ้น จนถึงตอนนี้ใจของเขายังคงรู้สึกกระวนกระวาย นอนไม่หลับ
กระทั่งใกล้ถึงเวลาเที่ยงคืน เซียวซู่จึงจะนอนหลับไป
.
หลังจากที่สวี่เย็นหวั่นออกจากโรงพยาบาล ก็เริ่มยุ่งกับเรื่องก่อตั้งบริษัทตระกูลสวี่อีกครั้ง
หลินสวี่เจิ้งเห็นแก่มิตรภาพในอดีต จึงมักจะมาช่วยหล่อนบ้าง
ส่วนเสี่ยวเหยียนกับหานชิงได้จองแบบชุดแต่งงานไว้เรียบร้อย เพียงแค่ต้องใช้เวลาในการปรับแต่งเท่านั้น ตอนที่วัดตัว ดีไซน์เนอร์ยังบอกให้เสี่ยวเหยียนดูแลรูปร่างของตัวเองให้ดี ห้ามทานเยอะเด็ดขาด ถึงตอนนั้นถ้าอ้วนจนใส่ชุดไม่ได้ จะทำให้เจ็บปวดใจมาก
ตอนแรกเสี่ยวเหยียนคิดจะตอบตกลงทันที แต่เมื่อคิดถึงสภาพร่างกายตัวเอง จึงบอกให้ดีไซน์เนอร์ช่วยขยายให้ตัวเองนิดนึง เมื่อดีไซน์เนอร์ได้ยินเช่นนั้นรู้สึกประหลาดใจ จนต้องถามเธอ: “นี่คุณเตรียมจะทานให้อ้วนแล้วเหรอ?”
เสี่ยวเหยียนตอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม: “เวลาฉันทานอะไรมักจะหยุดไม่ได้ ฉันเกรงว่าถึงตอนนั้นเกิดปัญหาอะไรขึ้นมา หลวมนิดหน่อยคงไม่เป็นอะไร”
“งั้นก็คงไม่มีปัญหาอะไร คุณผอมขนาดนี้ คนอ้วนก็ใส่ได้เช่นกัน เมื่อก่อนฉันเคยเจอเจ้าสาวให้ฉันทำชุดให้เล็กลง ก่อนงานแต่งงานลดความอ้วนอย่างดุเดือดมาก เพื่อหวังว่าถึงวันงานจะได้ใส่ชุดสวย แต่คุณกลับหวังว่าตัวเองจะทานมากขึ้น ไม่กังวลอะไรเลยเหรอคะ?”
เสี่ยวเหยียนถูกอีกฝ่ายพูดจนตอบกลับไม่ถูก แต่หล่อนอยากทานมากขนาดนั้นที่ไหนล่ะ หล่อนก็หวังว่าตัวเองจะได้สวมชุดสวยในงานแต่งงาน แต่ตอนนี้หล่อนท้องอยู่จะทำอย่างไรได้ล่ะ ไม่ใช่คลอดลูกก่อนแล้วค่อยแต่งสักหน่อย ทำได้เพียงเท่านี้แหละ
อีกอย่างหลังจากท้องแล้ว เสี่ยวเหยียนคงไม่กล้ากินตามใจปากเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว กินให้น้อย ลดความอ้วนเป็นหลัก
ตอนนี้หล่อนคิดเพียงแค่สนใจเรื่องของโภชนาการ เพื่อลูกของตัวเอง
เรื่องอื่นวางไว้ก่อน
หลังจากจองชุดแต่งงานเสร็จ หานชิงจึงไปทำพิธีสู่ขอที่บ้านเสี่ยวเหยียน เพราะหานชิงไม่มีใครแล้ว ดังนั้นวันที่สู่ขอ หานมู่จื่อจึงไปพร้อมกับหานชิง
เมื่อสองสามีภรรยาตระกูลโจวทราบเรื่องของหานชิงกับเสี่ยวเหยียน ในวันที่สู่ขอ หลัวหุ้ยเหม่ยจึงดึงเสี่ยวเหยียนเข้าไปถามในห้อง
“ลูกแน่ใจแล้วเหรอว่าจะแต่งงานกับเขา?”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เสี่ยวเหยียนจึงตกใจตะลึงขึ้นมา: “แม่ ทำไมแม่ถามแบบนี้ล่ะคะ?”
“ไม่ถามให้แน่ใจได้ยังไงล่ะ? ถ้าครั้งต่อไปลูกยังเป็นแบบครั้งก่อน บอกว่าจะเลิกกับเขา งั้นแม่ก็ตอบตกลงไม่ได้นะ เรื่องแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ ต้องคิดให้รอบคอบ ลูกคิดให้ดีนะ ตอนสู่ขอกับแต่งงานไม่สบายเหมือนตอนนี้ที่ลูกคบกันเป็นแฟนนะ ถึงตอนนั้นถ้าพวกเธอเกิดเปลี่ยนใจขึ้นมา ต้องแบกรับความกดดันมหาศาลเลยนะ”
“แม่ หนูไม่มีทางเปลี่ยนใจแน่นอน” เสี่ยวเหยียนส่ายหน้า “หนูเคยบอกแล้วไง ชีวิตนี้นอกจากเขาแล้ว หนูจะไม่แต่งงานกับใครอีก ถ้าหนูไม่สามารถแต่งงานกับเขาได้ หนูก็จะไม่แต่งงานอีก”
“นี่ๆ พูดอะไรเพ้อเจ้อ” หลัวหุ้ยเหม่ยยื่นมือออกไปตีปากเธอเบาๆ “คำพูดไม่เป็นมงคลแบบนี้อย่าซี้ซั้วพูด ลูกอยากแต่งก็แต่ง แม่อวยพรให้พวกเราอยู่กันอย่างมีความสุขนะ!”