เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 1434
บทที่ 1434 คุณเคยคิดถึงฉันบ้างไหม
ขณะที่เจียงเสี่ยวไป๋ที่กำลังพยายามจะเข้าไปด้านในให้ได้ เย่โม่เซินก็เดินเข้ามาพร้อมพูดกระซิบกับพวกเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่จึงจำต้องพูดกับเจียงเสี่ยวไป๋ด้วยความเหนื่อยใจ: “ขอโทษครับ พวกเราเข้าใจความรู้สึกของคุณเป็นอย่างมาก แต่ตอนนี้ไม่สามารถเข้าไปในที่เกิดเหตุได้นะครับ ในส่วนของคนที่อยู่ด้านใน พวกเราจะพยายามช่วยอย่างสุดความสามารถครับ”
พยายามช่วย แต่เจียงเสี่ยวไป๋มองไม่เห็นเหตุการณ์ด้านใน จึงรู้สึกร้อนใจขึ้นมา โมโหจนกัดริมฝีปากตัวเองแน่น
เจ้าโง่เซียวซู่ เขาคิดว่าตัวเองเป็นฮีโร่หรือไง? ไฟลุกโชนขนาดนี้ยังวิ่งเข้าไปโดยไม่สนใจอะไรเลย สุดท้ายเป็นไงล่ะ คู่รักคู่นั้นออกมาได้แล้ว แต่เขายังไม่ออกมา สถานการณ์แบบนี้ยังคิดอยากจะเป็นฮีโร่อีกงั้นเหรอ?
ทั้งโง่ทั้งบื้อ!
เจียงเสี่ยวไป๋ด่าเซียวซู่อยู่ภายในใจไม่ยั้ง แต่อีกใจก็เฝ้ารอให้เขารีบออกมา
อย่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นเลย อย่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นเลย !
เจียงเสี่ยวไป๋ยกสองมือขึ้นมาพนมมือ คอยอธิษฐานอยู่ตลอดเวลา หล่อนทำอะไรไม่ได้ เข้าไปก็ไม่ได้ ดังนั้นจึงทำได้เพียงอธิษฐานให้เขาปลอดภัย
ราวกับรอจนผ่านไปแล้วหนึ่งชาติภพ ในที่สุดเซียวซู่ก็ออกมา แต่เขาถูกช่วยออกมา บทที่ออกมายังคงมีสติอยู่บ้าง เจียงเสี่ยวไป๋จึงรีบวิ่งตรงเข้าไป
“เซียวซู่!”
เมื่อเซียวซู่ได้ยินเสียงตะโกนเรียก จากนั้นเจียงเสี่ยวไป๋ก็มาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้า เขาออกมาช้า ดังนั้นจึงเจ็บหนักกว่าพวกหานชิงมาก เขามีแผลไฟลวกเต็มตัว ผมก็ถูกไฟไหม้เช่นกัน ตรงจุดที่เสื้อขาดหลุดลุ่ยเผยให้เห็นถึงเนื้อสีแดงสดออกมาทันที
มองไปแค่แวบเดียว เจียงเสี่ยวไป๋ก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ จากนั้นจึงด่าเซียวซู่อย่างเต็มที่: “นายมันบ้า ทำไมถึงวิ่งเข้าไปแบบนี้? นายไม่รู้หรือไงว่าไฟไหม้เยอะมากขนาดไหน? นายวิ่งเข้าไปแบบนี้เคยคิดถึงผลที่ตามมาบ้างไหม? คิดถึงฉันบ้างรึเปล่า?”
คำพูดประโยคสุดท้าย ทำให้เซียวซู่หยุดชะงักไปทันที จากนั้นสายตาก็เต็มไปด้วยความรู้สึกเสียใจ แต่ยังมีสิ่งอื่นที่มากกว่านั้น
เจียงเสี่ยวไป๋สังเกตเห็นแล้ว เขาขยับปากขึ้น เหมือนจะพูดบางอย่าง อันที่จริงไม่ต้องฟังเจียงเสี่ยวไป๋ก็รู้แล้วว่าเขาจะถามอะไร เพียงแต่ตอนนี้หล่อนรู้สึกไม่สบอารมณ์ ไม่อยากคุยกับเขาจริงๆ จึงหันหลังกลับไป
สุดท้ายเมื่อเห็นว่าสายตาของเซียวซู่ร้อนแรงมาก ถูกเขาจ้องมองจนทนไม่ไหว จึงหันกลับไปมองเขาใหม่อีกครั้ง พร้อมกัดริมฝีปากตัวเองไว้แน่น จากนั้นพูดขึ้น: “หล่อนไม่เป็นอะไร บทที่ออกมาฉันเห็นแล้ว อยู่กับเจ้าบ่าวของหล่อน และถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลเรียบร้อยแล้ว”
เดิมทีเซียวซู่เข้าไปเพราะเสี่ยวเหยียน เมื่อยังไม่ได้รับการยืนยันว่าเสี่ยวเหยียนปลอดภัยหรือไม่ เขาจึงยังไม่สามารถพักผ่อนไม่ได้ เขายังคอยประคองสติไว้อยู่ตลอด เจียงเสี่ยวไป๋เข้าใจเรื่องนี้ดี จึงรู้สึกอึดอัดใจขึ้นมา ตอนแรกหล่อนไม่อยากพูด แต่เมื่อคิดไปคิดมาก็ไม่สามารถให้เซียวซู่ที่เจ็บหนักขนาดนี้ต้องทนรอไปตลอด จึงอยากให้เขารีบไปพักผ่อน และส่งตัวไปรักษาต่อ
เมื่อเซียวซู่ได้ยินเช่นนั้น สายตาที่เต็มไปด้วยความกังวลใจกลับหายไปทันที สติก็เริ่มลดน้อยเรื่อยๆจนสลบไป
เจียงเสี่ยวไป๋มองดูเขาถูกหามขึ้นรถพยาบาล ตกใจตะลึงอยู่สักพักจึงจะตามขึ้นไปด้วย
หล่อนคอยอยู่เคียงข้างเขาในฐานะคนสนิท เจ้าหน้าที่พยาบาลที่อยู่ด้านข้างสองสามคนต่างพากันช่วยชีวิตเขา เจียงเสี่ยวไป๋ไม่เข้าใจอะไรสักอย่าง จึงช่วยอะไรไม่ได้ ได้แต่นั่งมองอยู่ทางด้านข้าง
เมื่อเห็นแผลที่โดนไฟลวกขนาดใหญ่บนตัวเขา ตาของหล่อนเริ่มร้อนขึ้นมาทันที แต่ควบคุมอารมณ์ตัวเองไว้ไม่ให้น้ำตาไหลออกมา หล่อนหันหน้ากลับไป และไม่มองเซียวซู่อีก
เมื่อเจียงเสี่ยวไป๋ย้อนนึกถึงเหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ เปลวไฟที่ลุกโชน เหมือนอุทกภัยและเหมือนสัตว์ป่าอันดุร้าย ในสถานการณ์เช่นนั้น คนปกติทั่วไปคงต้องรีบวิ่งหนีเอาตัวรอด แต่เขากลับเผชิญหน้าบุกเข้าไปด้านใน
เพราะผู้หญิงคนนั้นติดอยู่ด้านใน
เจียงเสี่ยวไป๋ก้มหน้าลงและเงียบไปทันที
หล่อนกำลังคิดว่า ถ้าคนที่อยู่ในกองไฟวันนี้คือตัวเอง เซียวซู่จะวิ่งฝ่าเข้าไปแบบไม่คิดชีวิตเช่นนี้รึเปล่า?
คำตอบของเรื่องนี้อันที่จริงเจียงเสี่ยวไป๋ไม่จำเป็นต้องคิดเลย เพราะรู้ดีว่าไม่มีทางแน่นอน
เจ็บปวดตาเหลือเกิน อยากร้องไห้ออกมา แต่กลับรู้สึกว่าตัวเองเป็นแบบนี้ดูเอาแต่ใจเกินไป สุดท้ายเจียงเสี่ยวไป๋จึงสูดหายใจเข้าลึก จากนั้นก็กลั้นน้ำตาไว้
ช่างเถอะ ตอนนี้ยังไม่ต้องคิดอะไรเสียดีกว่า พาเขาไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลก่อน ให้เข้าฟื้นขึ้นมาถือเป็นเรื่องสำคัญกว่า
ในส่วนของแขกภายในงาน เย่โม่เซินและส้งอานอยู่จัดการส่วนสุดท้าย
เดิมทีเป็นงานแต่งงานที่ทุกคนมาร่วมด้วยความรู้สึกยินดี แต่ใครจะไปคาดคิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นในงานแต่งงาน ตอนนั้นเรื่องนี้จึงเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ขึ้นมาทันที
“งานมงคลดีๆ ทำไมถึงไฟไหม้ได้ล่ะ? ที่นี่คือโรงแรมไม่ใช่เหรอ? ระบบรักษาความปลอดภัยแย่ขนาดนี้เชียวเหรอ?”
“ได้ยินมาว่าคนที่ถูกไฟคลอกคือเจ้าสาว หรือนี่คือความแค้นจากศัตรูหัวใจ? รู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่น่าจะง่ายขนาดนั้น”
“ฉันก็คิดว่าเป็นเรื่องแก้แค้น ระบบรักษาความปลอดภัยของโรงแรมไม่น่าจะปล่อยให้เกิดไฟไหม้ใหญ่ขนาดนี้โดยไม่รู้อะไร และยังมีการโยกย้ายทีมดับเพลิงอีก ฉันไม่เชื่อว่าไม่มีใครบงการอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้”
“เฮ้อ วันนี้คิดจะมาดื่มเหล้ามงคลสักหน่อย ตอนนี้เห็นทีไม่ได้ดื่มแล้ว”
ทุกคนต่างพูดวิจารณ์กันไปต่างๆนานา จากนั้นบอกลาเย่โม่เซิน และแยกย้ายกันออกไป
ส้งอานคอยดูแลเสี่ยวโต้วหยาอยู่ตลอด หลังจากสถานการณ์เป็นปกติแล้วจึงเดินไปถามเย่โม่เซิน
“สถานการณ์ตรงนั้นเป็นอย่างไรบ้าง? เสี่ยวเหยียนกับหานชิงไม่ได้รับบาดเจ็บใช่ไหม?”
“เจ็บเล็กน้อย ส่งตัวไปรักษาแล้วครับ น่าจะไม่มีปัญหาอะไรมาก”
เมื่อเย่โม่เซินพูดจบ ทำท่าทีครุ่นคิดเล็กน้อย เหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่
ส้งอานจ้องมองเขา “เป็นอะไร?”
“เปล่าครับ”
เย่โม่เซินตั้งสติขึ้นมา กระแอมเล็กน้อย จากนั้นพูดขึ้น: “เดี๋ยวจัดการเรื่องตรงนี้เสร็จ พวกเราไปดูพวกเขาที่โรงพยาบาลกัน”
“ลูกไปก่อนเถอะ ถ้าพาเสี่ยวโต้วหยาไปด้วยคงไม่สะดวก เดี๋ยวฉันจัดการเรื่องเสร็จแล้วค่อยไปนะ”
เมื่อครู่เย่โม่เซินกำลังคิดถึงเรื่องของเซียวซู่อยู่ เพราะเขาเจ็บหนักกว่าหานชิงและเสี่ยวเหยียนมาก หวังว่าพวกเขาจะปลอดภัย ไม่เป็นอะไร
อีกด้านหนึ่ง หลังจากที่เสี่ยวเหยียนออกมาก็เป็นลมสลบไป เมื่อหมดสติ หานชิงรู้สึกร้อนใจมาก แม้ว่าบนตัวของเขามีแผลไฟไหม้เป็นจำนวนมาก แต่กลับดื้อไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่พยาบาลรักษา คอยดูแลอยู่เคียงข้างเสี่ยวเหยียนตลอด จนกระทั่งส่งหล่อนเข้าไปในห้องฉุกเฉิน หานชิงก็เป็นลมไปในเวลาเดียวกัน
จากนั้นไม่นาน ก็ถูกส่งเข้าห้องฉุกเฉินไปอีกหนึ่งคน
เจียงเสี่ยวไป๋คอยเฝ้าอยู่ด้านหน้าประตู ตาแดงก่ำ
เมื่อคนไข้ที่อยู่รอบข้างเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ อดไม่ได้ที่จะพูดคุยกันขึ้นมา
“วันนี้เกิดเรื่องอะไรขึ้น ทำไมห้องฉุกเฉินมีคนเยอะมากขนาดนี้? อีกอย่างดูเจ็บสาหัสกันหมดเลย”
พวกเขาอยากถามเจียงเสี่ยวไป๋ แต่เมื่อเห็นว่าหล่อนตาแดงมาก จึงไม่กล้าเข้าไปถามอะไร
เจียงเสี่ยวไป๋ยืนรอด้วยความร้อนใจอยู่หน้าประตูห้องฉุกเฉิน พยายามอดกลั้นไม่ให้น้ำตาไหลออกมา หานมู่จื่อกับเสี่ยวหมี่โต้วเห็นท่าทางเช่นนี้ของหล่อน จึงเดินตรงเข้าไปหาหล่อน
“คุณคือเพื่อนของเซียวซู่ใช่ไหมคะ?”
เมื่อได้ยินเสียง เจียงเสี่ยวไป๋จึงเงยหน้าขึ้น สายตามองทั้งสองด้วยความอ่อนล้า จากนั้นพยักหน้าลง ตอบรับเบาๆ
หานมู่จื่อดึงเสี่ยวหมี่โต้วมานั่งด้านข้างหล่อน
“ไม่ต้องคิดมากนะ ถึงโรงพยาบาลแล้ว เรื่องร้ายจะต้องกลายเป็นดีแน่นอน”
หานมู่จื่อไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงต้องมาปลอบหล่อน เพียงแค่รู้สึกว่าหล่อนยืนอยู่คนเดียวลำพัง ไม่เหมือนตัวเองที่มีเสี่ยวหมี่โต้วนั่งอยู่ด้วยข้างๆ จึงอยากเดินเข้ามาคุยกับหล่อน