เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 1470
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
บทที่1470เธอคือผู้บริสุทธิ์
“สรุปก็คือ ตอนนี้คุณสามารถคิดปลงได้ ดีจริงๆค่ะ”
เสี่ยวเหยียนกลัวเธอคิดไม่ตก จากนั้นไปทำเรื่องชั่วจริงๆ ถึงเวลาไม่เพียงแต่ทำร้ายคนอื่นแถมยังทำร้ายตัวเองด้วย
“คุณไม่โทษฉันจริงๆเหรอคะ? ก่อนหน้านี้ ฉันพูดคำพูดที่ยุให้รำตำให้รั่วกับคุณเพราะอารมณ์ชั่ววูบ ทำให้คุณจากไปโดยไม่คำนึงอะไร เกือบเลิกกับหานชิง ต่อมาฉันยังแกล้งยึดครองตำแหน่งที่เบาะนั่งข้างคนขับของคุณอีก”
“คุณว่าเรื่องพวกนี้เหรอคะ?”เสี่ยวเหยียนยิ้มอย่างไม่แคร์:“ที่จริงฉันรู้สึกฉันน่าจะไม่โทษคุณมั้งคะ โกรธน่ะแน่นอนอยู่แล้ว แน่นอนว่ารู้สึกไม่อยากไปมาหาสู่กับคุณอยู่แล้ว แต่หลังจากนั้นคิดๆแล้วถ้าไม่ใช่คุณ ฉันก็ไม่รู้หลังจากฉันไปอย่างไม่คำนึงอะไรหานชิงจะตามฉันมาตลอด ฉันถือว่าได้รู้ความสำคัญที่ฉันมีต่อเขาผ่านเรื่องนี้ อย่างน้อยได้พิสูจน์ว่าความรักครั้งนี้ไม่ใช่มีแค่ฉันที่พยายามอยู่คนเดียว เขาก็เดินเข้าใกล้ฉันอยู่ ส่วนเรื่องเบาะนั่งข้างคนขับ ตอนนั้นฉันก็ได้ตอกกลับคุณแล้วไม่ใช่เหรอคะ?”
ที่จริงสวี่เย็นหวั่นมาในวันนี้ เตรียมใจแล้วว่าจะมาขอโทษ ในขณะเดียวกันก็เตรียมใจแล้วว่าเสี่ยวเหยียนจะโทษตัวเอง แต่คิดไม่ถึงแม้แต่คำพูดแรงๆเธอก็ไม่พูดสักคำ นี่ทำให้ความละอายใจของเธอได้เพิ่มขึ้นอีกหลายส่วน เธอกัดริมฝีปากล่าง ก้มหน้าไว้ และน้ำตาคลอเบ้า
“ฉันรู้ค่ะ คนที่ตัวเองชอบไม่ชอบตัวเองมันทรมานมากแค่ไหน แต่ถ้าคุณมาขอโทษฉันล่ะก็ ฉันก็รู้สึกไม่จำเป็นแล้วค่ะ คุณไม่ได้เป็นคนทำ งั้นคุณก็ไม่จำเป็นต้องมาขอโทษฉัน ฉันเจอหน้าคุณก็แค่อยากคุยกับคุณให้รู้เรื่องเฉยๆ ชีวิตวันข้างหน้ายังอีกยาวไกล คุณใช้ชีวิตดีๆเถอะค่ะ”
เธอที่เป็นคุณหนูของตระกูลสวี่ ชีวิตจะพังทลายเพราะเรื่องๆนึงและคนเชี้ยๆคนนึงไม่ได้
จู่ๆสวี่เย็นหวั่นเงยหน้าขึ้น แล้วมองเธอด้วยดวงตาแดงก่ำ
“ทำไมคุณไม่โทษฉัน? ทำไมไม่ด่าฉัน? ทำไมต้องพูดคำพูดเหล่านี้กับฉันด้วย? คุณรู้มั้ยว่าฉันทรมานใจมากแค่ไหน? ทั้งๆที่ฉันถึงเป็นคุณหนูของตระกูลสวี่ แต่ฉันอยู่ตรงหน้าคุณกลับอายจนจะแทรกแผ่นดินหนีไม่ทัน คุณแสดงสีหน้าโกรธหน่อยไม่ได้หรือไง?”
เสี่ยวเหยียนคิ้วกระตุก พูดไม่ออกสักคำ นาทีนี้สวี่เย็นหวั่นได้ร้องไห้ต่อหน้าเธอแล้ว
“ขอโทษ ขอโทษจริงๆค่ะ ฉันไม่ควรกลับประเทศ ฉันไม่ควรฝันเฟื่อง ยิ่งไม่ควรแส่หาเรื่องผู้ชายอย่างเห้อเหลียนจิ่ง โชคดีที่คุณไม่เป็นไร ถ้าครั้งนี้คุณเกิดเรื่องล่ะก็ ฉันลงนรกขุมสิบแปดก็ชดเชยความผิดของฉันไม่ได้ ตระกูลสวี่ถูกฉันขายขี้หน้าไปหมดแล้ว ขอโทษค่ะ”
เธอพูดขอโทษตลอด และร้องไห้กระหืดกระหอบไปด้วย ดูแล้วย่ำแย่จริงๆ
เสี่ยวเหยียนคิดไม่ถึงจู่ๆเธอบอกร้องไห้ก็ร้องไห้ ดังนั้นเลยไม่รู้จะทำยังไงดีในชั่วขณะ ได้แต่มองดูเธออย่างเงียบๆ
คนรับใช้สองคนที่อยู่ข้างๆเห็นภาพนี้ก็ค่อนข้างตื่นเต้น เพราะเมื่อกี๊คำพูดของสวี่เย็นหวั่นอารมณ์วู่วามขึ้นมากะทันหัน พวกเธอกลัวจริงๆว่าสวี่เย็นหวั่นจะกระโจนเข้าไปหาคุณผู้หญิงของพวกเธอ ดังนั้นเลยเตรียมตัวพร้อมเพื่อสู้สุดชีวิตตั้งนานแล้ว
แต่คิดไม่ถึงสวี่เย็นหวั่นแค่ร้องไห้และขอโทษเฉยๆ จากนั้นก็ไม่มีท่าทีอย่างอื่นแล้ว
ก็ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไหร่ กระดาษทิชชู่หลายแผ่นได้ยื่นมาที่ตรงหน้าของสวี่เย็นหวั่น
ระหว่างที่สวี่เย็นหวั่นแววตาพร่ามัว เห็นเสี่ยวเหยียนยื่นทิชชู่มาให้เธอ
“อย่าร้องเลยค่ะ”
สวี่เย็นหวั่นไม่ได้รับทิชชู่ของเธอ น้ำตาไหลลงมาเหมือนเม็ดไข่มุกที่สายขาด“คุณยอมให้อภัยฉันมั้ยคะ?”
อะไรนะ? เสี่ยวเหยียนนึกว่าตัวเองหูฝาด มองเธออย่างตะลึงงัน
“ฉันมาในวันนี้ ก็คือมาขอโทษคุณ ขอร้องให้คุณยกโทษให้ฉันค่ะ”
เสี่ยวเหยียนฟังถึงตรงนี้ถึงโล่งใจ“ที่แท้ก็แบบนี้นี่เอง คุณเช็ดน้ำตาก่อนค่ะ”
สุดท้าย สวี่เย็นหวั่นก็ได้รับทิชชู่มา หันหน้าไปเช็ดน้ำตาบนใบหน้าให้แห้ง จัดการเสร็จถึงหันหน้ากลับมา
“ขอโทษค่ะ เมื่อกี๊ฉันเสียมารยาทเกินไป”
ทีนี้สวี่เย็นหวั่นถึงปรับอารมณ์ตัวเอง และฟื้นฟูกลับมาได้
“ไม่เป็นไรค่ะ”
“คุณ คุณยอมให้อภัยฉันมั้ยคะ? ที่ผ่านมาฉันทำไม่ถูกจริงๆ ต่อไปฉันจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้วค่ะ”
“ให้อภัยไม่ให้อภัยอะไรกันคะ ที่จริงตอนนั้นฉันตอกกลับไปก็ลืมแล้วค่ะ ก็ไม่ถือว่าโทษคุณมั้งคะ? เพราะนั้นก็ไม่ค่อยมีความเกี่ยวข้องกับให้อภัยค่ะ”
ฟังถึงตรงนี้ สวี่เย็นหวั่นเข้าใจความหมายของเธอแล้ว ที่จริงความหมายของเสี่ยวเหยียนคือไม่เคยโทษเธอเลย เพราะฉะนั้นตัวเองไม่ต้องกังวลว่าเธอจะให้อภัยตัวเองหรือเปล่า
คิดถึงตรงนี้ แววตาที่สวี่เย็นหวั่นมองใบหน้าเธอที่เผยความซาบซึ้งออกมา
“ถึงว่าเขาถึงได้ชอบคุณ”
เสี่ยวเหยียนฟังแล้วหยุดนิ่ง จากนั้นหลุบตาลงและพูดเสียงเบา:“ที่จริง ตอนนั้นฉันก็พยายามมานานมากเหมือนกันค่ะ ระหว่างนั้นก็เคยคิดจะยอมแพ้นับครั้งไม่ถ้วนเลย”
“ไม่ว่าจะยังไง ก็ขออวยพรพวกคุณนะคะ”
“แต่ว่างานแต่งของพวกคุณพังไปแล้ว ฉันก็มีส่วนเหมือนกัน พวกคุณเตรียมจะจัดงานแต่งงานอีกครั้งมั้ยคะ?”
เสี่ยวเหยียนส่ายหัว:“ฉันไม่คิดจะจัดแล้วค่ะ งานแต่งเป็นแค่พิธีอย่างนึง สำหรับฉันแล้วไม่มีความจำเป็นขนาดนั้นค่ะ ที่สำคัญคืออยู่กับเขาค่ะ”
ถึงแม้สวี่เย็นหวั่นตัดสินใจจะปล่อยวางแล้ว แต่นาทีนี้ได้ยินเธอพูดแบบนี้ก็เสียใจมาก เธอสะกดอารมณ์ไว้อย่างเร็ว และเผยรอยยิ้มออกมา
“คุณพูดถูกค่ะ ที่สำคัญคือพวกคุณอยู่ด้วยกัน พิธีไม่ได้สำคัญขนาดนั้นจริงๆ”
หลังจากสวี่เย็นหวั่นกล่าวขอโทษได้ไม่นานก็ได้จากไป หลังจากเธอไปเสี่ยวเหยียนถึงพบว่าของที่เธอเอามาไม่ได้คืนให้เธอเลย ก็เลยให้คนรับใช้รีบตามไปคืน
ใครจะไปรู้ว่าคนรับใช้ออกไปสักพักก็กลับมาแล้ว จากนั้นได้บอกเสี่ยวเหยียนว่า“คุณผู้หญิงคะ คุณสวี่ไม่เห็นแล้วค่ะ ของอันนี้จะจัดการยังไงคะ?”
ไปเร็วขนาดนี้เลยเหรอ?
เสี่ยวเหยียนได้แต่พูดอย่างจนปัญญา:“งั้นก็วางไว้ก่อนเถอะ เดี๋ยวรอมีโอกาสค่อยคืนให้เธอ”
คนรับใช้ได้แต่เอาของวางไว้ที่ข้างๆ ตอนที่วางลงจู่ๆมีบัตรเครดิตตกลงมาใบนึง เธออึ้งไปครู่นึงและรีบพูด:“คุณผู้หญิงคะ ในนี้มีบัตรเครดิตใบนึงค่ะ?”
บัตรเครดิต?
ได้ยินอันนี้ เสี่ยวเหยียนรู้สึกแปลกใจมาก ถ้าว่าวันนี้สวี่เย็นหวั่นคือมาขอโทษ งั้นเธอซื้อของขวัญมาขอโทษก็สามารถเข้าใจได้ แต่บัตรเครดิตคือหมายความว่ายังไง?
มาขอโทษก็ต้องเอาบัตรเครดิตมาด้วยเหรอ?
เสี่ยวเหยียนก็เลยเดินไปแกะของขวัญชิ้นนั้น
“คุณผู้หญิงคะ ในนี้ยังมีกระดาษโน๊ตอยู่ใบนึงค่ะ”
{บัตรใบนี้คือกำไร90%ของบริษัท ต่อไปฉันจะโอนเงินเข้ามาที่บัตรใบนี้ตามกำหนดทุกเดือน ขอโทษค่ะ ติดค้างพวกคุณมากเกินไป จึงต้องใช้วิธีนี้มาคืนแล้วค่ะ}
ดูถึงตรงนี้ เสี่ยวเหยียนอึ้งไปนานมาก จนกว่าด้านหลังมีเสียงฝีเท้าที่ใจเย็นก้องมา หานชิงโผล่มาที่ด้านหลังเธอ
“เป็นอะไรครับ?”
เสี่ยวเหยียนหันหลังยื่นบัตรเครดิตและกระดาษโน๊ตให้เขา หานชิงรับมาดูแว๊บนึง แววตาได้เยือกเย็นลงมา จากนั้นได้เอาของวางใส่เข้าไปในถุง
“กำไร90%ของบริษัทโอนเข้ามาในบัตรใบนี้หมด งั้นต่อไปบริษัทเธอจะใช้เงินที่ไหนหมุนคะ? พวกเราคืนให้เธอเถอะค่ะ”
ไม่นานเสียงของหานชิงก็ละมุนละม่อมลงมา“คุณอยากคืน?”
เสี่ยวเหยียนพยักหน้า:“ฉันรู้ว่าคุณคำนึงถึงมิตรไมตรีของตระกูลหานกับตระกูลสวี่ อีกอย่างเธอก็ไม่ได้สมคบคิดเรื่องที่ทำร้ายฉัน ที่จริงเธอเป็นผู้บริสุทธิ์ค่ะ”
ผู้บริสุทธิ์เหรอ?