เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 1496
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
บทที่1496 ชาติกำเนิด
เดิมทีหลัวหุ้ยเหม่ยก็บอกว่าจะมาช่วยดูแลลูก แต่เสี่ยวเหยียนไม่ตอบรับ
แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคในการเป็นห่วงลูกสาวของตัวเอง อีกทั้งเธอเองก็อยากอุ้มหลานด้วย ดังนั้นหลัวหุ้ยเหม่ยจึงมาทุกวัน หน้าที่ดูแลร้านจึงตกเป็นของพ่อแทน
พอนานวันเข้าพนักงานก็เริ่มคุ้นเคยกับงาน และช่วยงานเจ้านายได้แล้ว
รวมไปถึงธุรกิจที่ร้านดีขึ้นเรื่อยๆ หลัวหุ้ยเหม่ยจึงว่าจ้างพนักงานเพิ่มอีกหลายคน ทำให้เธอมีเวลามาดูแลลูกสาวและหลานชายฝาแฝดทั้งสองได้แล้ว
“แม่มาช่วยลูกดูแลหลานเพราะแม่อยากจะมาเอง แต่ก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะให้สามีของลูกแอบขี้เกียจนะ”
ถึงแม้ผู้ชายทั่วโลกจะคล้ายๆ กัน แต่พ่อต้องทำหน้าที่ของพ่อ คนที่ไม่แต่จะอุ้มลูก หรือว่าไม่ดูแลลูกดีๆ แล้วยังตะโกนต่อว่าภรรยาเมื่อลูกอาละวาด ว่าคุณดูแลลูกเป็นหรือเปล่า
พอตะโกนด่าเสร็จก็ตัวลงนอนต่อ ไม่สนใจเลยว่าภรรยาของตัวเองเป็นอย่างไรบ้าง
นี่ก็คือปัญหาที่สาวตั้งครรภ์มักจะได้เจอ
ตอนที่เสี่ยวเหยียนยังไม่ได้คลอดลูกเธอมักจะได้เห็นโพสต์ข้อความแบบนี้ เยอะมากและคนที่มาแสดงความคิดเห็นก็เป็นบรรดาคุณผู้หญิง ที่ออกมาบ่นว่า ไม่ช่วยเลี้ยงแล้วยังจะมาตะโกนต่อว่า เพราะเธอต้องอยู่บ้านดูแลลูกจึงไม่มีรายรับอะไร จนถูกคนอื่นมองว่าเป็นคนว่างงาน
แล้วลืมไปเลยว่าที่เธอต้องลำบากอยู่ในทุกวันนี้ นอนไม่พอกินไม่อิ่ม ต้องคอเช็ดตัวเปลี่ยนผ้าอ้อมให้ลูก กล่อมลูกนอนหลับ ทำให้ร่างกายเหนื่อยจนแทบรับไม่ไหว ถ้าในช่วงเวลานี้แม้แต่สามียังไม่เข้าใจเรา เราคงถูกบีบจนบ้าแน่นอน
ตอนที่เสี่ยวเหยียนเห็นบทความนั้น ก็รู้ซึ้งว่า ผู้หญิงเราจะต้องมีหน้าที่การงานที่ดี มีรายได้เข้ากระเป๋าอยู่ตลอด ไม่อย่างนั้นตอนที่เจอเข้ากับปัญหาก็จะทำอะไรไม่ได้
เธอโชคดีมาก ที่หานชิงดีกับเธอ ดีกว่าที่เธอเคยจินตนาการไว้
พอคิดถึงตรงนี้ เสี่ยวเหยียนก็ยกมือขึ้นไปกอดคอของหานชิงไว้ แล้วมุดศีรษะเข้าไปในอ้อมกอดของเขา
“งั้นจากนี้ไปคุณเลิกงานให้เร็วขึ้น แล้วกลับมาพักผ่อนค่ะ”
เธอกลัวว่าร่างกายของหานชิงจะรับไม่ไหว ช่วงนี้ขอบตาเขาคล้ำขึ้นมาก เดินทางไปกลับต่างประเทศบ่อยเหมือนน้องสาวของเขาในสมัยก่อน แต่เขากลับไม่เคยบ่นว่าเหนื่อย และไม่แม้แต่จะขมวดคิ้ว
ผู้ชายคนนี้ดีกับเธอมากจริงๆ
“ไม่เป็นไรครับ” หานชิงโอบไหล่ภรรยาของตนเองไว้ เขารู้สึกอุ่นใจเพราะความเป็นห่วงเป็นใยของเธอ ริมฝีปากของเขายกยิ้ม “ผมยังไหวครับ คุณไม่ต้องเป็นห่วง”
เสี่ยวเหยียนเงยหน้าขึ้นมองอย่างแปลกใจ “ทำไมคุณถึงชอบเป็นอย่างนี้นะ เมื่อก่อนตอนที่คุณกับมู่จื่อเพิ่งได้เจอกัน คุณก็เป็นอย่างนี้ จนวันที่มู่จื่อกลับมา คุณไม่เคยบอกว่าตนเองเหนื่อย คุณเป็นคนธรรมดา ไม่ใช่หุ่นยนต์ ไม่จำเป็นที่คุณจะต้องแบกความลำบากทั้งหมดไว้เอง แล้วอีกอย่าง..” เสี่ยวเหยียนพูดในสิ่งที่อัดอั้นใจมาโดยตลอด “อายุที่ห่างกัน…ระหว่างคุณกับมู่จื่อ ทำไมฉันถึงรู้สึกว่ามันแปลกๆคะ”
เพราะเธอเคยได้ฟังหานชิงเล่าเรื่องตอนเด็กๆ มาแล้ว ตอนแรกที่เสี่ยวเหยียนได้ฟัง เธอก็รู้สึกสงสารเขามาก ก็เลยไม่ได้ถามอย่างละเอียดอะไรมาก
มีอยู่วันหนึ่ง เธอกับมู่จื่อคุยกัน แล้วพูดถึงเรื่องอายุ เธอถึงได้รู้ว่ามู่จื่อกับพี่ชายอายุห่างกันมากพอตัว
จะบอกว่ามากก็ดูเหมือนจะไม่เข้ากับช่วงเวลาที่หานชิงเคยพูดไว้กับเธอ
แต่เธอไม่มีโอกาสได้ถามออกมาสักที ช่วงที่เธอท้องก็มักจะใช้เวลาไปกับการนอน จึงหาเวลาถามเรื่องนี่ไม่ได้สักที
ตอนนี้พอมานึกขึ้นได้ เสี่ยวเหยียนก็เริ่มอยากรู้ขึ้นมาทันที
“ในที่สุดก็นึกถึงเรื่องนี้ได้สักทีนะ” หานชิงนิ้วชี้ลูบจมูกของเสี่ยวเหยียน ก่อนจะพูด “ผมก็นึกว่าคุณจะไม่สังเกตจริงๆแล้วซะอีก”
พอได้ยินแบบนั้น เสี่ยวเหยียนก็ดวงตาเบิกโต “หรือว่าคุณกับมู่จื่อ…”
“อืม” หานชิงพยักหน้ารับ “ผมกับมู่จื่อเป็นพี่น้องที่เกิดจากแม่คนเดียวกันแต่คนละพ่อครับ”
พี่น้องที่เกิดจากแม่คนเดียวกันแต่คนละพ่อย่างนั้นเหรอ
พอได้รู้คำตอบ เสี่ยวเหยียนยังคงตกใจมากอยู่เลย
“หลังจากนั้นเธอไม่ได้ถามอะไรมาก เรื่องนี้ก็เลยไม่ถูกพูดขึ้นมาอีกเลย เพราะยังไงพวกเราก็ไม่มีญาติที่ไหนแล้ว เราเหลือกันแค่สองคนพี่น้อง ถึงแม้จะไม่ใช่พ่อคนเดียวกัน ผมก็รักและเอ็นดูเธอมาก”
ตรงจุดนี้เสี่ยวเหยียนพอจะมองออก ว่าหานชิงให้ความสำคัญกับน้องสาวที่เขาเหลืออยู่คนนี้มากแค่ไหน
พอนึกได้แบบนี้ เสี่ยวเหยียนก็พูดด้วยท่าทางเคร่งขรึม “ฉันจะช่วยคุณเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับเองค่ะ”
“เด็กโง่ นี่มันไม่ใช่ความลับอะไรหรอก ถึงแม้จะไม่ใช่พ่อคนเดียวกัน ผมกับเธอก็มีสายใยพี่น้องอยู่ดี”
ตอนที่มารดาของหานชิงสูญเสียสามีไปเธอเสียใจมาก จนไม่มีกะจิตกะใจจะดูแลลูกชาย สุดท้ายจึงถูกคุณปู่หานพากลับมาที่ตระกูล
แต่ในตอนนี้คุณนายหานปิดตายหัวใจมาก ในแต่ละวันเธอมัวแต่เหม่อลอย สภาพร่างกายทรุดโทรมลงเรื่อยๆ คุณปู่หานทนดูต่อไปไม่ได้ จึงเรียกเพื่อนสมัยเด็กที่โตมาพร้อมกับเธอ เพราะหลังจากที่คุณนายหานแต่งงาน ผู้ชายคนนี้ หรือก็คือพ่อของหานมู่จื่อก็ไม่ได้แต่งงาน เขาพยายามอยู่เคียงข้างเธอ พูดคุยกับเธอ เพื่อให้หลุดออกจากความเจ็บปวด
ในตอนแรกคุณนายหานไม่ยอมรับ แต่หลังจากนั้น เธอวิ่งออกจากบ้านจนเกือบถูกรถชน พ่อของหานมู่จื่อช่วยชีวิตเธอไว้ได้ แต่ในขณะเดียวกันเขาก็ต้องสูญเสียการมองเห็นแสงสว่างไปตลอดชีวิต
คุณนายหานรู้สึกผิดต่อเขามาก และก็เป็นตอนนั้นที่ทำให้เธอตื่นจากความฝัน แล้วเสนอตัวจะเป็นคนดูแลบิดาของมู่จื่อไปตลอดชีวิต ในตอนนี้บิดาของมู่จื่อคิดว่าตัวเองกลายเป็นคนพิการไปแล้ว จึงไม่อยากสร้างความลำบากให้อีกฝ่าย ดังนั้นจึงให้คุณนายหานจากไป
การตัดสินใจนี้ไม่เพียงแต่จะทำให้คุณนายหานยิ่งรู้สึกเสียใจ แต่ยังทำให้เธอตัดสินใจไม่จากไป บิดาของมู่จื่ออยากบีบให้เธอจากไป จึงพูดคำพูดที่รุนแรงออกไป
ประมาณว่า คุณเลือกเอาเองว่าจะจากไปตอนนี้ หรือจะแต่งงานกับผม
ความจริงแล้วคำพูดนี้เขาไม่ได้คิดจะบีบบังคับให้อีกฝ่ายแต่งงานกับตนเอง แต่เขาแค่อยากให้เธอจากไป แต่คิดไม่ถึงเลยว่ามารดาของมู่จื่อจะยอมตกลงที่จะแต่งงานกับเขา
งานแต่งงานของทั้งสองคนถูกจัดขึ้นอย่างรวดเร็ว ถึงแม้พ่อของมู่จื่อจะสูญเสียการมองเห็นไป แต่เขากลับได้รับสิทธิ์ที่จะได้อยู่เคียงข้างเธอไปตลอดชีวิต
หลังจากนั้นคุณนายหานก็ตั้งท้อง แล้วคลอดมู่จื่อออกมา
บิดาของมู่จื่อรักและเอ็นดูลูกสาวคนนี้มาก และแน่นอนว่าเขาเองก็รักหานชิงมากเช่นกัน ส่วนหานชิงเองก็เป็นเด็กดี ไม่มีอาการปฏิเสธ ทำให้ทุกคนในครอบครัวใช้ชีวิตกันอย่างมีความสุข
จนวันที่มู่จื่อหายตัวไป แล้วเครื่องบินที่พ่อของมู่จื่อเกิดอุบัติเหตุ
จนถึงตอนเสียชีวิต ที่จริงแล้วพ่อของมู่จื่อรู้ดีอยู่แก่ใจว่าแม่ของมู่จื่อไม่เคยรักเขาเลย ที่ยอมแต่งงานกับเขาก็แค่ทดแทนบุญคุณที่เขาเคยช่วยชีวิตไว้เท่านั้นเอง
เขาไม่พูด แต่มารดาของมู่จื่อีก็รู้ดี จนถึงวันที่เขาจากไป
“ที่จริงแล้ว…” พูดถึงตรงนี้ หานชิงก็ซบศีรษะลงบนไหล่ของเสี่ยวเหยียน ทำให้น้ำเสียงที่เขาพูดดูอึดอัดมาก “ก่อนที่ท่านจะสิ้นลม ท่านได้บอกกับผม ว่าท่านรู้สึกผิดต่อพ่อของผมมาก ตลอดชีวิตนี้คนที่ท่านรู้สึกผิดด้วยมากที่สุดก็คือพ่อของผม ตอนที่ผมได้ยิน ผมก็เข้าใจความหมายของคำพูดนั้นทันที”
เพราะคำสัญญาที่เคยสาบานว่าจะรักมั่นไปตลอดชีวิต แต่เธอกลับควบคุมความรู้สึกของตัวเองไม่ได้ และเผลอรักพ่อของมู่จื่อไปแล้ว
ดังนั้นเธอถึงบอกกับหานชิงว่า ตนเองรู้สึกผิดต่อพ่อของเขามาก