เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 1507
บทที่1507 กังวล
และแล้ว เธอก็เม้มปากของตัวเอง ไม่พูดไม่จา
“เป็นอะไรไป ?”
เห็นว่าเธอไม่พูดอะไรอยู่ครู่ใหญ่ เสี่ยวหมี่โต้วก็นึกว่าเธออารมณ์ไม่ดี ก็เลยถามเธอว่า “เป็นเพราะว่าเมื่อกี้พี่ชายว่าเธอ เธอก็เลยไม่พอใจเหรอ ?”
“ไม่ใช่” ถางหยวนหยวนส่ายหัวน้อยๆอย่างแรงเหมือนกลองป๋องแป๋ง แล้วจิ้มนิ้วชนกัน จากนั้นก็พูดเสียงเบาว่า “ที่จริงวันนี้หนูมาหาพี่ชาย ไม่ได้มากินอาหาร”
พอฟังถึงตรงนี้ เสี่ยวหมี่โต้วก็เข้าใจความหมายของเธอ
“ฉันรู้ แต่พี่ชายอยากเลี้ยงเธอ ไม่ใช่ว่าเธออยากกินเอง แบบนี้ได้ไหม”
อย่างไรถางหยวนหยวนก็ยังชอบอาหารรสเลิศ ตอนนี้ก็เริ่มน้ำลายไหลแล้ว เธอเงยหน้าขึ้น แก้มแดงระเรื่อ “งั้นวันนี้หนูอยากกินไอศกรีมได้ไหมคะ”
“ได้แน่นอนอยู่แล้ว”
“ขอบคุณค่ะพี่ชาย”
จากนั้นเสี่ยวหมี่โต้วก็พาถางหยวนหยวนไปกินไอศกรีม จนตอนกลางคืนคุณนายถางก็มารับถางหยวนหยวนกลับบ้าน
วันที่สองถางหยวนหยวนก็โวยวายจะมาอีก และช่วงวันเวลาหลังจากนั้น ถางหยวนหยวนก็พูดได้เลยว่าได้กลายเป็นลูกสาวของตระกูลเย่ไปครึ่งตัวแล้ว มาทุกวัน และสนิทกับคนในตระกูลเย่มากเป็นพิเศษ
ขนาดเย่โม่เซินเองก็ยังชอบเด็กคนนี้
แน่นอนว่าเหตุผลที่ชอบก็คือ เพราะว่าเธอคอยเกาะเสี่ยวหมี่โต้วแจเลย เสี่ยวหมี่โต้วก็ต้องคอยดูแลเธอ ช่วยเขาลดเรื่องยุ่งยากไปมากมาย
ถึงแม้จะพูดว่าครั้งก่อนสองสามีภรรยาคุยกันเรียบร้อยแล้ว แต่ว่าเย่โม่เซินก็ยังกลัวว่าหานมู่จื่อจะคิดมาก สุดท้ายก็เลยหาเวลาว่างเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์กับหานมู่จื่อ
“ตอนแรกฉันเป็นคนหามาก็จริง แต่ว่าหลังจากนั้นพวกเขาเข้ากันได้ดีมาก ไม่ได้เป็นเพราะฉันนะ”
หานมู่จื่อรู้ว่าเขาหมายความว่าอย่างไร “ฉันก็ไม่ได้พูดว่ามีปัญหาอะไรนี่ คุณจะรีบแก้ตัวไปทำไมกัน”
“ฉันกลัวว่าถ้าฉันไม่พิสูจน์ให้แน่ชัด ถึงเวลาเธอจะมาโกรธฉันอีก”
พอคิดถึงท่าทางตอนที่หานมู่จื่อโกรธในคืนนั้น เย่โม่เซินก็รู้สึกกลัวมาก ทั้งสองคนผ่านเรื่องราวยากลำบากมามากมายแล้ว วันเวลาที่สงบสุขแบบนี้กว่าจะได้มานั้นไม่ง่ายเลย
เขาหวังว่าชีวิตนี้ทั้งสองสามีภรรยาจะไม่ต้องทะเลาะกันอีกตลอดไป
ถึงจะมี เขาก็จะยอมถอย และให้เธอเป็นฝ่ายชนะตลอดไป
“ไม่ได้โกรธจริงหรอก ถึงแม้บางครั้งจะโมโห แต่นั่นก็แค่ชั่วขณะเท่านั้น ตอนนี้เสี่ยวหมี่โต้วเป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน วันนั้นฉันถามเขาแล้ว เขาบอกว่ายัยหนูอวบน่ารักมาก จะดูแลเธอให้เหมือนน้องสาวตัวเอง”
ตั้งแต่ที่เสี่ยวเหยียนมีลูกแล้ว หานชิงก็วิ่งไปกลับระหว่างบริษัทกับที่บ้านตลอด จนพักผ่อนไม่เพียงพอ ถึงแม้เสี่ยวเหยียนจะสงสารเขา แต่หานชิงกลับไม่รู้จักสงสารตัวเอง สุดท้ายก็ทำให้ตัวเองเหนื่อยจนได้
วันนี้ตอนประชุมสีหน้าเขาแย่มาก ซูจิ่วเห็นว่าสีหน้าเขาไม่ดี เลยเป็นฝ่ายเอ่ยถาม
“ประธานหานคะ สีหน้าคุณไม่ดีเลย จะให้ปิดการประชุมก่อนไหมคะ เดี๋ยวฉันพยุงคุณไปพักก่อน”
หานชิงส่ายหน้าเบาๆ “ไม่จำเป็น”
คนอื่นๆเองก็เริ่มเห็นว่าสีหน้าของหานชิงไม่ดี เลยทยอยเข้าไปถามไถ่
“ประธานหาน จะไม่ปิดการประชุมก่อนจริงๆเหรอครับ ประชุมจะมีเมื่อไหร่ก็ได้ ร่างกายสำคัญที่สุด”
“ใช่ครับประธานหาน สีหน้าคุณดูแย่มาก ยังไงก็ไปโรงพยาบาลก่อนดีกว่า ที่นี่ปล่อยให้พวกเราจัดการก็พอ ถ้าได้ผลออกมาแล้ว พวกเราจะไปรายงานให้ประธานหานเอง”
ทุกคนต่างก็มองหานชิงอย่างเป็นกังวล หานชิงกระแอมทีหนึ่ง ใช้มือป้องปากตัวเองไว้
“ไม่เป็นไร ประชุมต่อเถอะ”
เห็นว่าทุกคนยังคงจ้องเขาอยู่ หานชิงเลยทำได้แค่พูดว่า “ร่างกายของฉันเองฉันรู้ดีที่สุด ต่อได้”
รอจนประชุมเสร็จ หานชิงก็กลับไปที่ห้องทำงาน แล้วนั่งปิดตาพักผ่อนบนโซฟาครู่หนึ่ง
พักผ่อนไปเป็นเวลาราวๆหนึ่งชั่วโมง เขาก็เริ่มลุกขึ้นมาทำงานต่อ
ทำงานไปสักพัก เขาก็เริ่มรู้สึกว่าภาพตรงหน้าเริ่มทับซ้อน หานชิงรู้ถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้ รู้สึกว่าวันนี้จะต้องเลิกงานก่อนเวลาแล้วไปโรงพยาบาลสักรอบ
ไม่อย่างนั้น เป็นแบบนี้ต่อไปถึงเวลานั้นเขาคงทำอะไรไม่ได้แน่
ทำไม่ได้ก็ไม่เท่าไหร่ แต่ยังจะทำให้เสี่ยวเหยียนเป็นกังวลอีกด้วย
พอคิดถึงตรงนี้ หานชิงก็เริ่มเก็บข้าวของ ระหว่างนั้นซูจิ่วก็อดไม่ได้ต้องเข้ามาเตือนเขา “ประธานหานคะ คุณรู้สึกยังไงบ้าง จะไม่ไปพักผ่อนก่อนจริงๆเหรอคะ”
“อืม วันนี้ฉันจะเลิกงานก่อนเวลา มีเรื่องอะไรค่อยคุยพรุ่งนี้”
ซูจิ่วเป็นห่วงมาก พอได้ยินว่าเขาจะเลิกงานก่อนเวลา ถึงได้โล่งอกไปเปลาะหนึ่ง เธอเตรียมจะโทรไปหาเสี่ยวเหยียนอยู่แล้ว อย่างไรหากเธอกล่อมไม่สำเร็จ ถ้าเสี่ยวเหยียนมาจะต้องกล่อมสำเร็จแน่
ตอนนี้กลับไม่ต้องแล้ว
“ประธานหานคะ ฉันแนะนำว่าให้คุณไปที่โรงพยาบาลสักหน่อยดีกว่าค่ะ”
“อืม”
“ให้ดิฉันขับรถไปส่งไหมคะ ?”
“สัญญานี่ยังจัดการไม่เรียบร้อย เธอไปจัดการก่อน ฉันจะระวังตัวเอง”
“ก็ได้ค่ะ” ซูจิ่วไม่มีทางเลือก ทำได้แค่รับสัญญามาจากมือของหานชิง แล้วพูดย้ำเตือนอีกว่า “ถ้างั้นประธานหานต้องระมัดระวังตัวให้ดีนะคะ ถ้าหากรู้สึกไม่สบาย ก็โทรมา อย่าขับรถเองเลยค่ะ”
“ขอบคุณ”
หลังจากหานชิงไปแล้ว ซูจิ่วก็ไปจัดการเรื่องสัญญา
และในเวลานั้นเองเสี่ยวเหยียนก็ไปที่ซูเปอร์มาร์เก็ต
เด็กสองคนที่บ้านมีหลัวหุ้ยเหม่ยคอยดูแล ดังนั้นเธอเลยใช้โอกาสนี้ออกมาซื้อของใช้เด็กที่ซูเปอร์มาร์เก็ต ผ้าอ้อม นมผง ขวดนมอะไรต่างๆ
เธอยืนเลือกของอยู่ข้างชั้นวาง กระป๋องน้ำตาลที่กองอยู่ตรงหน้าไม่ไกลจู่ๆก็ถูกรถเข็นชนจนล้มลง ถล่มลงมาเต็มพื้น เสียงดังมาก ทำเอาเสี่ยวเหยียนสะดุ้งตกใจ
เสี่ยวเหยียนถูกทำให้ตกใจจนหัวใจเต้นโครมคราม ขนาดเปลือกตาเองก็กระตุกอย่างบ้าคลั่ง เธอยกมือขึ้นจับเปลือกตาตัวเองโดยไม่ตั้งใจ
ตามมาด้วย หัวใจที่เต้นโครมครามอย่างรุนแรง
นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมตอนนี้เธอถึงได้ขี้ตกใจขนาดนี้
เสี่ยวเหยียนสูดหายใจเข้าลึก จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นหยิบของที่ต้องการจากชั้นวางมาไว้ในรถเข็นช็อปปิ้ง แล้วในใจก็เริ่มปวดขึ้นมาตามจังหวะการเต้น
เจ็บจนเธอทนไม่ไหวไปชั่วขณะ จนต้องนั่งลงทันที
ทันใดนั้น เสี่ยวเหยียนก็คิดถึงหานชิง และในใจก็เริ่มว้าวุ่นขึ้นมาทันที
ในเวลาเดียวกัน โทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นในเวลานี้ เสี่ยวเหยียนเจ็บปวดมาก ผ่านไปครู่ใหญ่ถึงได้ดึงสติตัวเองกลับมาได้ พอหยิบโทรศัพท์ออกมา พอเห็นว่าบนหน้าจอเป็นชื่อของหานชิง ความวิตกกังวลในใจเธอก็ไม่ได้หายไป แต่กลับยิ่งทวีคูณขึ้นกว่าเดิมหลายระดับ
เธอกดรับสาย อีกฝั่งของโทรศัพท์มีเสียงของผู้หญิงที่ไม่คุ้นเคยดังขึ้น
“สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่าคุณคือภรรยาของเจ้าของโทรศัพท์เครื่องนี้ใช่ไหมคะ”
ในใจของเสี่ยวเหยียนมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีผุดขึ้นมา ครู่ใหญ่ถึงได้เรียกเสียงตัวเองกลับมาได้
“ใช่ ใช่ค่ะ ไม่ทราบว่าคุณคือ ?”
“รถของสามีคุณชนกับราวกั้นแล้วสลบไป เมื่อครู่เขาถูกนำตัวส่งไปที่โรงพยาบาลแล้ว แต่ว่าโทรศัพท์ตกอยู่บนพื้น ฉันก็เลยเก็บขึ้นมาแล้วโทรหาคุณค่ะ”
ชนกับราวกั้น ?
ใบหน้าของเสี่ยวเหยียนซีดเผือดไปในทันที “ขอโทษนะคะ ที่คุณพูดเมื่อกี้……เรื่องจริงเหรอคะ”
“คุณผู้หญิงคะ ฉันไม่ได้ล้อเล่นกับคุณค่ะ ตอนนี้รถของสามีคุณยังจอดอยู่ที่นี่อยู่เลย”
“โรงพยาบาลไหนคะ”
จู่ๆน้ำเสียงของเสี่ยวเหยียนดังขึ้น ทำเอาอีกฝ่ายตกใจมาก เธอกลั้นอารมณ์ตื่นตกใจของตัวเอง แล้วพูดต่อว่า “ขอโทษค่ะ อารมณ์ฉันขาดการควบคุม ขอถามหน่อยได้ไหมคะว่าเขาถูกส่งตัวไปที่โรงพยาบาลไหน”
“ดูจากสัญลักษณ์แล้วน่าจะเป็นโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด ที่อยู่ตรงปากทางวิทยาเขตตะวันออกค่ะ”
“ขอบคุณค่ะ ฉันเข้าใจแล้ว ฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้ค่ะ”
หลังจากเก็บโทรศัพท์แล้ว เสี่ยวเหยียนก็รีบวิ่งออกไปข้างนอกอย่างรีบร้อน ปรากฏว่าชนเข้ากับคนๆหนึ่งเข้าพอดี