เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 1541
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
บทที่1541สมัครใจเอง
คำพูดเหล่านี้พูดจนเสี่ยวเหยียนหน้าแดงหมดแล้ว เธอลืมเรื่องอื่นไปในชั่วขณะ แค่คอยผลักแต่หานชิง
“คุณอย่าทะลึ่งได้มั้ยคะ ฉันกำลังพูดเรื่องจริงจังอยู่นะ”
“ทะลึ่ง?”แววตาของหานชิงลุ่มลึกขึ้นเยอะ แม้แต่เสียงก็แหบตามหลายส่วน: “ทะลึ่งตรงไหน? ไม่ไปพูดคุยเป็นเพื่อนคุณที่บริษัทให้มากๆ ก็ถือว่าทะลึ่ง? หรือว่า….คนที่ทะลึ่งคือคุณ?”
เสี่ยวเหยียน: “คุณไม่ต้องพูดแล้วค่ะ!”
เธอผลักหานชิงออก กลับกันเอามือมอบไปที่ฝ่ามือของเขา เขาจูงมือของเธอไว้ดึงเธอเข้ามาในอ้อมกอด ให้แขนเรียวเล็กทั้งสองของเธอกอดเอวของเขาไว้ และก้มหน้าเข้าใกล้เธอ:“แค่พูดเฉยๆไม่เป็นไรสักหน่อย ช่วงนี้คุณเพิกเฉยผมมานานเท่าไหร่แล้ว? ตอนแรกเพื่อลูก ต่อมาล่ะ? เรื่องของคนอื่นล้วนกลายเป็นเหตุผลที่รบกวนพวกเราหมด? ถึงชีวิตคู่ของเขาจะมีปัญหาจริงๆ นั่นก็เขาหาเรื่องใส่ตัวเอง ไม่เกี่ยวกับคุณ”
เสี่ยวเหยียนทำปากจู๋มองไปที่เขา “ทำไมคุณเย็นชาขนาดนี้? ไม่ว่ายังไงเขาก็ถือว่าเป็นเพื่อนของพวกเรานะ?”
“เพื่อน?”หานชิงถอนหายใจอย่างจนปัญญา: “เขาเป็นเพื่อนกับคุณ แต่ผมกับเขาไม่เคยเป็นเพื่อนกันนะ”
ตอนที่เขาชอบเสี่ยวเหยียน ทั้งสองน่าจะถือว่าเป็นศัตรูหัวใจอยู่มั้ง?
เดิมทีหานชิงก็เป็นคนที่ค่อนข้างเย็นชาอยู่แล้ว ย่อมไม่ค่อยประทับใจเซียวซู่อยู่แล้ว แม้แต่กับน้องเขยตัวเองเย่โม่เซินเขายังเย็นชามากเลย คงจะเพราะสมัยเด็กๆสูญเสียเยอะเกินไป ต่อมาก็ได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่เอง
คนๆนึงแบกรับเยอะเกินไป ก็เลยติดนิสัยแบบนี้ตั้งนานแล้ว
คิดถึงอันนี้ เสี่ยวเหยียนก็ค่อนข้างสงสารเขาอีกแล้ว ได้แต่ยื่นมือกอดเขาให้แน่นยิ่งขึ้น
“คุณอย่าแบบนี้สิคะ คุณต้องลองยอมรับคนอื่น เซียวซู่เขาไม่ได้เป็นปรปักษ์กับคุณสักหน่อย มีเพื่อนเพิ่มคนนึงก็มีความเป็นห่วงเพิ่มขึ้นส่วนนึงนะ”
เอาเสี่ยวเหยียนไว้ข้างกาย นี่ก็เป็นเรื่องเหนือความคาดหมายอย่างนึงแล้ว เป็นเรื่องที่หานชิงเองก็คิดไม่ถึง เรื่องเพื่อนยิ่งไม่ต้องเลย
แต่หลังจากอยู่กับเสี่ยวเหยียน เขาได้เปิดใจกว่าเมื่อก่อนจริงๆ เพราะเมื่อก่อนเขาไม่ชินที่คนอื่นเข้าใกล้เขา ถูกสาวน้อยกอดนอนทุกคืน บางทีเธอถีบผ้าห่มทิ้ง เขายังกลัวเธอเป็นหวัด ดังนั้นก็เลยตื่นขึ้นมาห่มให้เธอ
ที่สำคัญที่สุดคือยังมีลูกสองคน ในที่สุดหานชิงอยู่บนโลกนี้ก็มีคนในครอบครัวเพิ่มขึ้นหลายคนแล้ว
สิ่งที่เสี่ยวเหยียนนำพามาให้เขา ไม่เพียงแต่ตัวเธอเท่านั้น ยังมีลูกและพ่อแม่ของเธอ
หลัวหุ้ยเหม่ยกับพ่อจางก็ได้กลายเป็นพ่อแม่ของหานชิง ตอนนี้พวกเขาจะกำชับหานชิงต้องดูแลสุขภาพ ความรู้สึกที่มีคนคอยเป็นห่วงมันดีจริงๆ
ตลอดมาอยู่ตรงหน้าน้องสาว เขาเป็นคนที่อายุเยอะที่สุด และเป็นฝ่ายที่ไปห่วงใยเธอ
เพราะฉะนั้นสำหรับเขาแล้ว ความเป็นห่วงของพ่อแม่เสี่ยวเหยียน คือความอบอุ่นและความสมบูรณ์
“ที่จริงมีคุณก็พอแล้ว”หานชิงพูด
“ไม่พอค่ะ ชีวิตของคุณจะมีแค่ฉันไม่ได้”เสี่ยวเหยียนส่ายหัว และพูดเหตุผลกับเขาอย่างจริงจัง:“ต้องมีอื่นๆอีก เพราะยังไงซะฉันไม่อาจอยู่เป็นเพื่อนคุณทุกวินาทีได้”
หานชิงฟังแล้วขมวดคิ้ว:“คุณหมายความว่ายังไง?”
“ชีวิตคนเราไม่แน่ไม่นอน อุบัติเหตุกับวันพรุ่งนี้ไม่รู้อันไหนจะมาก่อน ฉันรับประกันไม่ได้ด้วยซ้ำว่าฉันจะมีชีวิตอย่างยืนยาวและปลอดภัยหรือเปล่า ไม่แน่วันไหนฉัน…….”
คำพูดข้างหลังยังไม่ได้พูดออกมา ก็ถูกหานชิงปิดปากไว้ คำพูดที่เสี่ยวเหยียนอยากพูดก็ได้แต่กลืนกลับเข้าไป
เธอจ้องหานชิงไว้
“ห้ามพูดมั่ว”หานชิงขมวดคิ้ว ร่องระหว่างคิ้วลึกมาก: “ต่อไปห้ามพูดแบบนี้อีก”
ญาติของเขาจากไปเยอะขนาดนี้ ถ้าคนรักหนึ่งเดียวก็จะจากเขาไปล่ะก็ เกราะป้องกันทางจิตใจของเขาจะรับไม่ได้
เสี่ยวเหยียนเห็นเขาจริงจัง ได้หัวเราะขึ้นมาอย่างห้ามใจไม่ได้
“คุณตื่นเต้นขนาดนี้ทำไมคะ? ฉันก็แค่พูดเฉยๆ อีกอย่างนี่ก็เป็นความจริงนี่คะ ฉันก็แค่ยกตัวอย่าง ไม่ได้บอกว่าฉันจะเกิดเรื่องจริงๆสักหน่อย ฉันแค่อยากให้คุณยอมรับโลกภายนอกเฉยๆ ฉันไม่อยากให้คุณเดียวดายขนาดนี้ค่ะ”
“โอเค ผมรับปาก ต่อไปห้ามพูดแบบนี้อีกนะ”
เดิมทีคือหานชิงกำลังอบรมสั่งสอนเสี่ยวเหยียน ต่อมากลายเป็นเสี่ยวเหยียนอบรมสั่งสอนเขา ดังนั้นหานชิงก็เลยตัดสินใจ ต่อไปจะไม่คุยเรื่องนี้อีก
เวลาค่อยๆผ่านไป ในที่สุดลูกของเจียงเสี่ยวไป๋กับเซียวซู่ก็มีชื่อของตัวเอง
เซียววั่งจือ
เจียงเสี่ยวไป๋เป็นคนตั้งชื่อให้ลูกเอง ตอนแรกเซียวซู่ได้ยินชื่อนี้ได้อึ้งไปครู่นึง จากนั้นไม่ได้พูดอะไรก็ตอบตกลงเลย
จากนั้นทั้งสองได้ไปทำชื่อให้ลูก เหลียงหย่าเหอกลับไม่ได้คิดมากอะไรเลย แถมยังพูดพลางยังยิ้มแกมปริว่าลูกสะใภ้เธอตั้งชื่อเก่ง ตั้งชื่อของลูกได้เพราะมาก เพราะกว่าชื่อของพ่อเด็กเยอะเลย
เซียวซู่ก็ได้แต่ถอนหายใจอยู่ลึกๆ
เหลียงหย่าเหอไม่สนอะไรเลย ขอแค่สองคนนี้ไม่หย่ากัน หลานชื่ออะไรก็ไม่เป็นไร ถึงชื่อหมาก็ยังได้
ใช้ชีวิตได้อย่างชิวมาก ไหลไปเหมือนสายน้ำ
ผ่านไปหนึ่งเดือน เซียวซู่ยังคงทำเรื่องที่เขาจะยืนหยัดได้ดีมากๆอีกเช่นเคย ดีจนเหมือนหุ่นยนต์ตัวนึง ตอนแรกเจียงเสี่ยวไป๋ไม่สบายใจ ต่อมาก็ค่อนข้างชินกับการดำเนินการประจำวันของเขาแล้ว
ส่วนเธอตระหนักได้ว่า ที่เซียวซู่บอกจะชดเชยให้เธอไม่ได้พูดเล่นๆ
เพียงแต่ช่วงนี้ สาเหตุคงเพราะดูแลเธอ เขาตื่นเช้าหลับดึก จนขอบตาของเซียวซู่ดำหมดแล้ว
เพราะฉะนั้นเช้าวันนึงเซียวซู่เตรียมตื่นเช้าไปเตรียมทุกอย่างให้เจียงเสี่ยวไป๋ มือกลับถูกเธอดึงเอาไว้
เซียวซู่อึ้ง มองเจียงเสี่ยวไป๋ด้วยความเหลือเชื่อ
เขาไม่กล้าคิดมาก แค่เสียงต่ำถามเธอ:“คุณตื่นแล้วเหรอ? ผมได้กวนคุณหรือเปล่า?”
เจียงเสี่ยวไป๋ส่ายหัว จากนั้นมองดูเขาแต่ไม่พูดจา
เซียวซู่ถูกสายตาแบบนี้จ้องจนร้อนตัว ได้แต่หันสายตากลับ: “คุณ…..นอนอีกสักพักเถอะ ผมไปทำอาหารเช้า”
“ไม่ต้องค่ะ”เจียงเสี่ยวไป๋ดึงเขาไว้อีกครั้ง: “ต่อไปคุณไม่ต้องตื่นเช้ามาทำพวกนี้ทุกวันหรอกค่ะ”
เซียวซู่ฟังแล้วหายใจตื่นเต้นขึ้นมา สีหน้าดูแย่ขึ้นมา
“เพราะอะไรครับ? ช่วงนี้ผมทำอะไรผิดอีกแล้วเหรอ? หรือผมทำอะไรให้คุณไม่พอใจอีก? ถ้าคุณไม่พอใจ งั้นผม……”
“ไม่ใช่อย่างนี้! ”เจียงเสี่ยวไป๋ใช้แรงพูดขัดจังหวะเขา เม้มริมฝีปากแดงของตัวเองแล้วหายใจลึกๆทีนึง:“คุณอย่าตื่นเต้น คุณนอนลงมาก่อน ฉันค่อยๆบอกกับคุณ”
สีหน้าเธอค่อนข้างสงบ น่าจะไม่ใช่ไม่พอใจเขา แต่เซียวซู่ตื่นเต้นยิ่งกว่าขึ้นสนามประหารเสียอีก กลับจำเป็นต้องนอนลงมาฟังเธอพูด
หัวใจ เหมือนถูกเผาอยู่บนเตา
“หนึ่งเดือนมานี้คุณทำได้ดีมาก ฉันก็เห็นความแน่วแน่ของคุณแล้ว แต่ทุกครั้งที่คุณทำเรื่องนึง ฉันก็จะคิดอย่างละเอียด ตอนที่คุณทำเรื่องพวกนี้ สำหรับคุณแล้วมันอาจจะไม่ยุติธรรม”
“ไม่หรอกครับ ผมสมัครใจเอง”
“คุณฟังฉันพูดให้จบ”
เซียวซู่เม้มปาก ไม่เปิดปากพูดอีก
“ความรักเป็นสิ่งที่เท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะความรู้สึกหรือด้านอื่นๆ ถ้ามัวแต่ให้อีกฝ่ายทุ่มเท ก็จะเกิดความไม่สมดุลกัน ก็เหมือนเมื่อก่อน ฉันรักคุณมาก แต่คุณรักฉันน้อย เวลานานเข้าก็จะไม่สมดุลกัน ถึงแม้ตอนนี้คุณกำลังชดเชยให้ฉัน แต่เวลานานเข้าก็จะเกิดความสมดุลกัน ดังนั้นฉันได้คิดแล้ว ต่อไปคุณอย่าทำแบบนี้เลยค่ะ”