เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 1542
บทที่1542 ใจของเขาเป็นของฉันหมดแล้ว
“เสี่ยวไป๋ ผม…..”
“ไม่ต้องพูดแล้วค่ะ ใช้ชีวิตสงบแบบนี้ต่อไปเถอะ ต่อไปคุณไม่ต้องทำพวกนี้ให้ฉัน ปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติ ได้มั้ยคะ?”
จิตใจและกำลังของคนมีจำกัด ใช้มากไปจะหมดก่อนกำหนดได้
ถ้าเวลาครึ่งปีนี้คือให้เธอคิดพิจารณา สู้บอกว่าเป็นโอกาสที่ยอมถอยเพื่อก้าวไปข้างหน้ามากกว่า เพราะมีแค่แบบนี้ เธอถึงอาจจะอยู่ต่อ ทุกอย่างล้วนสามารถเปลี่ยนอันตรายให้เป็นความสงบ
ในใจของเจียงเสี่ยวไป๋ก็รู้ดี ดังนั้นเธอจึงยิ่งสงบมาก
ในเมื่อจะใช้ชีวิตด้วยกัน งั้นก็ต้องใช้ชีวิตดีๆ ทำไมต้องให้เขาทำเพื่อตัวเองมากขนาดนี้ ตัวเองไม่ใช่คนพิการสักหน่อย
เซียวซู่รับปากเธอทุกอย่าง
หลังจากเจียงเสี่ยวไป๋คิดได้ ก็ได้ส่งวีแชทให้เสี่ยวเหยียนที่ไม่ได้ติดต่อมานาน
หลังจากเสี่ยวเหยียนได้รับวีแชทจากเธอ ยังนึกว่าตัวเองกำลังฝันอยู่ ถ้าไม่อย่างงั้นเสี่ยวไป๋จะเป็นฝ่ายส่งวีแชทให้เธอเองได้ยังไง ถึงขั้นยังชวนเธอออกไปเที่ยวด้วย
เธอก็เลยพิมพ์ข้อความตอบกลับด้วยความระมัดระวัง
{จะออกไปเที่ยวจริงๆเหรอ? จะนัดเจอกันที่ไหนล่ะ?}
ตอนที่เห็นข้อความนี้ เจียงเสี่ยวไป๋ไม่ต้องจินตนาการก็รู้เลยว่าเสี่ยวเหยียนมีสีหน้ายังไง เธอยิ้มพร้อมส่ายหัวอย่างจนปัญญา จากนั้นตอบข้อความ
{เธออย่าตื่นเต้นขนาดนี้สิ นัดเจอกันที่ไหนก็ได้ หรือเธออยากกินอะไร เราพาลูกออกมาเจอหน้ากัน}
{โอเคๆ งั้นเราไปสวนสนุกกันเถอะ}
ดังนั้นสถานที่นัดเจอกันก็เลยเป็นสวนสนุก
แต่พอไปถึงสวนสนุกถึงพบว่าลูกของพวกเธอยังเล็กเกินไป เครื่องเล่นของด้านในไม่เหมาะกับพวกเธอเลยด้วยซ้ำ ทั้งสองก็เลยอุ้มลูกเดินไปที่ร้านอาหารอย่างลำบากใจ
เดินไปไม่กี่ก้าว เจียงเสี่ยวไป๋มองเสี่ยวเหยียนด้วยความขำ
“เธอนี่ลำบากจริงๆ”
เพราะเสี่ยวเหยียนแบกไว้คนนึง อุ้มไว้คนนึง เผชิญกับเสียงหัวเราะเยาะของเสี่ยวไป๋:“ทำไงได้ ใครใช้ให้ฉันมีลูกฝาแฝดล่ะ?”
แถมเป็นลูกชายทั้งสองคนด้วย แต่โชคดีที่ซนแค่คนเดียว ดังนั้นคนที่ค่อนข้างซนจึงได้อุ้มไว้ในอ้อมกอด เพื่อเขาจะได้ไม่ขยับไปมั่ว
“ลูกฝาแฝดไม่เลวเลยนะ คลอดครั้งเดียวเท่ากับคนอื่นคลอดสองครั้ง เธออ่ะได้กำไรแล้ว”
“ใช่หรอ? แต่ฉันอยากได้ลูกสาวคนนึงหนิ ใครจะไปรู้คลอดครั้งเดียวก็ลูกชายสองคนเลย นี่มันหลอกลวงฉันเกินไปแล้ว”
“ช่วยไม่ได้ งั้นต่อไปเธอก็คลอดลูกสาวอีกคนสิ จากนั้นพี่ชายสองคนคอยประคบประหงมน้องสาว แบบนี้ก็ได้ผลดีทั้งสองด้านแล้วไง?”
“ที่พูดมันก็ใช่น้อ”
“อืม เพราะฉะนั้นเธอก็ขยันปั๊มอีกคนนะ”
“แล้วเธอล่ะ? เธอกะจะมีลูกกี่คน?”
“ฉันหรอ? คนเดียวก็พอแล้ว ฉันกลัวมีลูกเยอะแล้วจะสอนได้ไม่ดี ลูกคนเดียวเลี้ยงง่ายกว่า”
ตอนที่ทั้งสองพูดคุยกันปกติจนไม่เหมือนคนที่ไม่ได้เจอกันครึ่งปี กลับกันเหมือนคนข้างบ้านที่มาเที่ยวหากันตลอดมากกว่า ทำตัวตามสบายแต่ก็ผ่อนคลายมาก
ในที่สุดก็หาร้านอาหารที่เหมาะสมเจอร้านนึง เจียงเสี่ยวไป๋ผลักประตูเข้าไปก่อน เสี่ยวเหยียนมองดูเงาของเธอแล้วโล่งอกทีนึง
เธอยังนึกว่าตอนที่เจอหน้ากันทั้งสองจะไม่มีอะไรพูด ถึงเวลาจะอึดอัดมากเสียอีก
หลังจากเข้ามาในร้านอาหาร เสี่ยวเหยียนวางลูกลงที่เก้าอี้ข้างๆ หานย่างเชินกับหานจื่อซีตัวโตพอสมควรแล้ว เสี่ยวเหยียนก็เลยเอาหานจื่อซีที่เชื่อฟังนั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆตัวเอง และก้มหน้าพูดเสียงเบากับเขา:“นั่งดีๆ อย่าวิ่งไปมั่ว รู้มั้ยครับ?”
ถึงแม้หานจื่อซียังเด็กอยู่ แต่กลับพยักหน้าอย่างเชื่อฟังมาก: “รู้แล้วครับ หม่ามี๊”
“เด็กดี!”เสี่ยวเหยียนดีใจปุ๊บ ก็ได้ก้มหน้าจูบหน้าผากเขาทีนึง
หลังจากจูบเสร็จเธอก็นึกถึงเสี่ยวหมี่โต้วในตอนนั้น คิดไม่ถึงว่ามีลูกเป็นของตัวเองแล้วจะเป็นความรู้สึกแบบนี้
“พวกเราอุ้มลูกไว้ทานข้าวก็ไม่สะดวก เพราะฉะนั้นสั่งอะไรที่ทานง่ายๆหน่อยเถอะ?”
“ได้สิ เธอสั่งเลย”
ต่อมาเจียงเสี่ยวไป๋ก็ได้สั่งอาหารและผลไม้
ปรากฏทั้งสองแค่ชิมไม่กี่คำก็ไม่มีอารมณ์ทานแล้ว เพราะทั้งสองไม่ได้ออกมาเพื่ออาหารรสเลิศ
“อ้อใช่ เธอตั้งชื่อให้ลูกเธอหรือยัง?”
“ตั้งแล้ว”
“ชื่ออะไรหรอ?”
“ชื่อเซียววั่งจือ”
“เซียววั่งจือ?”เสี่ยวเหยียนอึ้งไปครู่นึง จากนั้นแววตาเริ่มระยิบระยับขึ้นมา รอยยิ้มบนใบหน้าได้กลายมาฝืนยิ้มเล็กน้อย เธอได้แต่พูดว่า: “ชื่อเพราะดี”
เจียงเสี่ยวไป๋เงยหน้า สายตาหล่นอยู่ที่บนใบหน้าเธอ: “เธอตื่นเต้นอะไร?”
“ฉันไม่ได้ตื่นเต้นหนิ”เสี่ยวเหยียนยิ้มแห้งๆ“ฉันตื่นเต้นที่ไหน? ฉันแค่รู้สึกว่าเธอมีความสามารถด้านวรรณกรรมมาก ตั้งชื่อได้เพราะขนาดนี้”
“มีความสามารถด้านวรรณกรรมที่ไหนกัน? มันก็เป็นแค่สภาพจิตใจตอนนั้นของฉันเฉยๆ”
เจียงเสี่ยวไป๋ตรงไปตรงมา พูดความในใจของตัวเองออกมาอย่างชัดเจน ไม่ได้ปกปิดอะไร จู่ๆเสี่ยวเหยียนไม่รู้จะพูดอะไรต่อ รักษารอยยิ้มบนใบหน้าไม่ไหวอีกต่อไป สักพักเธอถึงก้มหน้าพูดว่า: “ฉันขอโทษ”
“ขอโทษอะไร?”
“ฉันขอโทษ ขอโทษจริงๆ เป็นความผิดของฉันเอง ถ้าไม่ใช่……”
“เสี่ยวเหยียน”เจียงเสี่ยวไป๋เรียกชื่อของเธอ เสี่ยวเหยียนเงยหน้า มองเธอด้วยดวงตาแดงก่ำ
“วันนี้ที่ฉันนัดเธอออกมา ที่จริงก็มีส่วนนึงที่มาเพราะเรื่องนี้ ถ้าเธอยังคิดไม่ได้ งั้นฉันก็จะพูดกับเธอให้ชัดเจนเอง ถ้าเธอคิดได้แล้ว งั้นฉันก็ไม่ต้องพูดแล้ว แต่ตอนนี้ดูท่าเธอน่าจะยังคิดไม่ได้อีกเช่นเคย”
เจียงเสี่ยวไป๋ยกน้ำผลไม้ขึ้นมาดื่มคำนึง จากนั้นคงเพราะรู้สึกหวานเลี่ยนเกินจึงได้วางลงมาอีก
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเธอ ที่จริงคนที่ควรจะพูดขอโทษคือฉันมากกว่า”
“อะไรนะ?”เสี่ยวเหยียนมองเธอด้วยความประหลาดใจ: “ทำไมเธอถึงพูดแบบนี้? ทั้งๆที่ฉันเป็นคนทำให้เธอสองคนเกือบจะหย่ากัน เธอ…..”
“ไม่”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มอ่อนๆพลางพูด:“ไม่ใช่เธอทำหรอก ภายนอกดูเหมือนเธอเป็นคนทำ ที่จริงคือฉันกับเซียวซู่ไม่รับผิดชอบเลยก่อให้เกิดปัญหาเฉยๆ อีกอย่างตอนนั้นทั้งๆที่เธอได้รับบาดเจ็บ แค่รีบไปโรงพยาบาลเฉยๆ ส่งเธอไปโรงพยาบาลเป็นเรื่องที่ปกติมาก แต่ฉันกลับทำให้เธอทนรับกับความรู้สึกผิด ความละอายใจ และโทษตัวเองเพราะเรื่องนี้”
“เรื่องนี้เธอมีส่วนผิดมั้ย? ไม่เลย เธอแค่เจอเขาโดยบังเอิญ และบังเอิญได้รับบาดเจ็บ ถึงแม้เรื่องนี้ฉันได้รับผลกระทบ แต่ตั้งแต่แรกจนจบเธอก็ไม่ได้ผิดเลยสักนิด เพราะฉะนั้นเธอไม่ต้องรู้สึกผิดต่อฉันหรือไม่สบายใจ เรื่องนี้ ถ้าสืบสาวราวเรื่องขึ้นมาจริงๆ ที่จริงทุกคนไม่ผิดเลย อาจจะเวลากับเรื่องราวเกิดขึ้นได้บังเอิญกินไป โทษใครไม่ได้เลย”
ถ้าจะโทษก็ต้องโทษตัวเธอเอง ตอนที่เซียวซู่ยังจัดการความรักตัวเองไม่เสร็จเธอก็อยู่กับเขาแล้ว
ไม่ ผิดที่เหล้าแก้วนั้น
วันนั้นถ้าเธอไม่ดื่มหนัก บางทีทั้งสองก็อาจจะไม่เกิดความสัมพันธ์อะไร ย่อมไม่มีเรื่องทั้งชุดของภายหลัง
สวรรค์กลั่นแกล้งคนจริงๆ คงจะเพราะชาติที่แล้วต่างก็ติดค้างกันมั้ง ชาตินี้ถึงได้ใช้วิธีนี้มาอยู่ด้วยกัน
เสี่ยวเหยียนคิดไม่ถึงว่าเธอจะคิดเรื่องราวได้ทะลุปรุโปร่งขนาดนี้ เธอช็อคจนพูดไม่ออกในชั่วขณะ ผ่านไปสักพักถึงพูดว่า: “แล้วต่อไปเธอวางแผนจะทำยังไง?”
“ต่อไป? ก็ใช้ชีวิตแบบนี้แหละ งานก็แต่งไปแล้ว ลูกก็มีแล้ว ฉันเองก็ยังรักเขาอยู่ ไม่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันแล้วยังจะทำยังได้ล่ะ?”
พอพูดจบ เจียงเสี่ยวไป๋เป็นคนหัวเราะขึ้นมาก่อน “เพราะยังไงซะตอนนี้หัวใจทั้งดวงของเขาได้เป็นของฉันหมดแล้ว”