เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 1674
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
บทที่ 1674 ฉันไม่ใช่สัตว์ประหลาดสักหน่อย
หยวนเย่าหันกับจางเสี่ยวลู่พลันยิ้มร้ายกาจออกมา เลยเดิมตามหลังถางหยวนหยวนไป แต่ว่าก็ยังรักษาระยะห่างจากเธออยู่
“นี่คุณ รอเดี๋ยว”
หลังจากที่ถางหยวนหยวนวิ่งตามชายหนุ่มหล่อเหลาที่ใส่แว่นคนนั้นไปแล้ว พร้อมทั้งวิ่งเหยาะๆ พร้อมทั้งตะโกนเรียกไปด้วย
ชายหนุ่มหล่อเหลาหยุดเท้าทันที พลางหันศีรษะมาหา
“คุณ”
เพราะว่าการรีบตามให้ทัน พอถึงด้านหน้าของเขาแล้ว ถางหยวนหยวนหยุดเท้าไม่ทัน ชายหนุ่มหล่อเหลาคนนั้นพลางยื่นมือออกมาประคองเธอเอาไว้ เมื่อเห็นว่าเธอทรงตัวได้แล้วพลันดึงมือกลับทันที
“ไม่เป็นไรใช่ไหม?”
“ไม่เป็นไร” ถางหยวนหยวนส่ายหน้า พร้อมทั้งรีบเปิดกระเป๋าสตางค์ของตนเองออกพร้อมทั้งหยิบเงินในกระเป๋าส่งให้กับชายหนุ่มหล่อเหลาคนนั้นไป “นี่คือเงินที่คุณจ่ายให้พวกเรา ฉันคืนคุณ”
เธอไม่มีธนบัตรแบงก์ย่อย ดังนั้นเลยเอาธนบัตรแบงก์เงินหน่วยใหญ่ที่สุดของเงินหยวนส่งไปให้
ชายหนุ่มมองธนบัตรเงินหยวนใบสีแดง จากนั้นก็ยิ้มให้เล็กน้อย พร้อมทั้งจับแว่นของตนเองเอาไว้ “นี่คุณ ฉันไม่ได้จ่ายเงินเยอะขนาดนั้น”
เมื่อได้ยิน ถางหยวนหยวนหน้าแดงทันที “ฉันรู้ แต่ว่าฉันไม่มีธนบัตรแบงก์ย่อยแล้ว นายเอาไปก่อนเถอะ”
เมื่อพูดจบถางหยวนหยวนก็เอาธนบัตร 100 หยวนยัดใส่อ้อมแขนของชายหนุ่ม ทว่ามือของชายหนุ่มขวางเอาไว้ มือเรียวเล็กอ่อนนุ่มของเธอพลันชนเข้ากับฝ่ามืออันอบอุ่นของชายหนุ่มทันที
เมื่อเปรียบเทียบของฝ่ายตรงข้ามแล้ว ความอบอุ่นที่อยู่ในมือของตนเองนั้นเย็นเฉียบ ตั้งแต่เล็กจนโต นอกจากยู่ฉือยี่ซูและจงฉู่เฟิงแล้ว และยังมีพี่ชายของตระกูลหานอีกสองคนนั้น ถางหยวนหยวนไม่เคยสัมผัสร่างกายของชายคนอื่นอีกเลย
ดังนั้นตอนที่สัมผัสมือของเขานั้น ถางหยวนหยวนเริ่มหวาดหวั่น สัญชาตญาณสั่งการให้ดึงมือกลับทันที
“ขอ ขอโทษด้วย”
เธอพูดขอโทษด้วยอาการหน้าแดงระเรื่อ เงิน 100 หยวนที่อยู่ในมือก็หล่นลงพื้นทันที
ชายหนุ่มหลุบตาลดแว่นมองเล็กน้อย พลันเห็นว่าเด็กสาวนั้นเกิดอาการกระวนกระวายใจจนหน้าแดงแจ๋ มุมปากจนกระตุกยิ้มเล็กน้อย จากนั้นก็ย่อตัวลงพร้อมทั้งเก็บเงินธนบัตรใบละ 100 หยวนขึ้นมาแทนเธอทันที
“เธอ ฉันไม่ใช่สัตว์ประหลาด ไม่กินคน ฉะนั้นไม่ต้องตื่นเต้นขนาดนี้ก็ได้มั้ง”
ถูกเขาตอกกลับมาเช่นนี้ ถางหยวนหยวนรู้สึกว่าตนเองยิ่งขายหน้าหนักกว่าเก่า ขนาดพูดยังติดขัดเล็กน้อย
เวลาประจวบเหมาะ หยวนเย่าหันกับจางเสี่ยวลู่ที่อยู่ด้านหลังที่คอยมองเหตุการณ์อยู่นานรีบเสนอหน้าเข้ามาทันที “ไอ้หยา สาวน้อยหยวนหยวนของเราน้อยครั้งนักที่จะสัมผัสกับผู้ชาย เธอไม่ได้กลัวนายหรอก แค่เขินอายเท่านั้นเอง”
“แกพูดสิใช่ไม่ใช่ หยวนหยวน?”
ชายหนุ่มหล่อเหลาจ้องมองพวกเธอสามคน พร้อมทั้งยิ้มตอบ “ฉันขอแนะนำตัวหน่อย ฉันเป็นเด็กม.6 ชื่อจงหย่งหรัน”
“อ้อ ที่แท้ก็เป็นรุ่นพี่นี่เอง~~”
“สวัสดีค่ะรุ่นพี่ พวกเราเป็นเด็กม.5 ฉันชื่อหยวนเย่าหัน เธอชื่อจางเสี่ยวลู่ และเธอชื่อถางหยวนหยวน”
ถางหยวนหยวนเหรอ?
จงหย่งหรันมองใบหน้าของถางหยวนหยวนที่กำลังแดงแจ๋ พร้อมทั้งพูดชื่นชม “ชื่อน่ารักเหมือนคนเลย ถางหยวนหยวน ถ้ากินเผ็ดไม่ได้ ครั้งหน้าก็อย่าบังคับตนเองให้กินเลย มันไม่ดีต่อกระเพาะ”
“อืม อืม” ถางหยวนหยวนได้แต่พยักหน้าให้
“อีกอย่าง” จงหย่งหรันเอาเงินธนบัตร 100 หยวนในมือยื่นคืนให้เธอ “ส่วนเรื่องเงินนั้นไม่ต้องให้ฉันหรอก เราต่างเรียนที่เดียวกัน แถมพวกน้องยังเป็นรุ่นน้องด้วย รุ่นพี่เลี้ยงบะหมี่ให้น้องๆ แค่มื้อเดียวมันถือว่าเป็นเรื่องปกติ”
“ไม่ ไม่ได้” ถางหยวนหยวนอยากจะปฏิเสธ พลันมือของจางเสี่ยวลู่หยิบเงินธนบัตร 100 หยวนกลับมา พร้อมทั้งยิ้มหน้าบานตอบกลับ “เข้าใจแล้ว งั้นก็ขอบคุณรุ่นพี่มากค่ะ ครั้งหน้าถ้ามีโอกาส พวกเราจะเลี้ยงคืนนะคะ”
“อืม ถ้ามีโอกาส ฉันยังมีเรียนต่อ ขอตัวก่อน”
“ได้เลยค่ะ ได้เลย ลาก่อนค่ะรุ่นพี่~”
หลังจากที่จงหย่งหรันเดินจากไปแล้วนั้น จางเสี่ยวลู่กับหยวนเย่าหันก็เขย่าแขนของถางหยวนหยวนทันที “ยากมากเลย แกมาที่โรงเรียนนานขนาดนี้แล้ว ครั้งแรกที่เนื้อคู่ส่งมาถึงที่ จริงๆ แล้วฉันก็แปลกใจมาตลอด แกหน้าตาสะสวยซะขนาดนี้ ฐานะทางบ้านก็ดีมาก ทำไมเนื้อคู่เพิ่งจะมาได้ล่ะ?”
“ไม่ใช่ว่าไม่มี” หยวนเย่าหันกอดแขนเอาไว้ “คนพวกนั้นไม่กล้าต่างหาก บริษัทตระกูลถางเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ 1 ใน 3 ของเมืองเป่ย ถึงแม้ว่าพวกเขาคิด แต่ก็ไม่กล้าต่างหาก”
“ในที่สุดตอนนี้ก็มีคนกล้าเดินเข้ามาคนแรกแล้ว แต่ว่าฉันดูแล้วเขาเหมือนว่าไม่ได้จงใจที่จะจีบแกเป็นพิเศษ การแสดงออกตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้นั้นช่างมีเหตุผล แกดูนะเขาไม่ได้ขอเบอร์โทรศัพท์แกด้วยซ้ำ ทั้งหมดมันช่างราบรื่นมาก เลี้ยงบะหมี่แกแล้วแถมยังจ่ายเงินให้ด้วยมันก็แค่บังเอิญเรื่องเท่านั้น ยอดฝีมือจริงๆ”
หยวนเย่าหันพลันยิ้มร้ายกาจออกมา “หยวนหยวนของเรา จะหวั่นไหวไหม?”
ถางหยวนหยวนส่ายหน้าไปมา “พวกแกพูดมั่วๆ ต่อไปคงไม่ได้เจอกันแล้ว”
อีกอย่างในใจของเธอนั้นมีคนที่ชื่นชอบอยู่แล้ว ถึงแม้ว่าทุกคนต่างรู้สึกว่าเธอไม่เคยสัมผัสกับชายหนุ่มคนอื่นถึงได้มีลักษณะเช่นนี้
“เจอหรือไม่เจอพอเถอะ เพราะว่าอีกฝ่ายเขาไม่ได้มีความคิดเช่นนี้ พอแล้ว วันนี้กลับกันก่อน หยวนหยวน แกกับยู่ฉือยี่ซูถ้าไม่มีโอกาสแล้วละก็ ถึงตอนนี้รุ่นพี่คนนี้มาจีบแก แกก็ลองคบกับเขาดูก่อนสิ”
“ลองคบ?”
“ใช่สิ ลองคบ ฉันเห็นว่าเขาก็หน้าตาไม่เลวเลย อีกอย่างดูแล้วก็เป็นคนรักสะอาดมาก แถมยังอบอุ่นเอาอกเอาใจใส่อีกด้วย แกกับเขาอยู่ด้วยกัน ต้องปกป้องคุ้มครองแกแน่นอน แกเชื่อไม่เชื่อ?”
ถางหยวนหยวนพลันนึกถึงยู่ฉือยี่ซูทันที แม้ว่าภายนอกของพี่ชายจะดูไม่อบอุ่นอ่อนโยน หน้าตาของเขาหล่อเหลาจนเหมือนเป็นการจู่โจม ปกติเอาแต่เม้มปากบางไว้พร้อมทั้งตีหน้านิ่งเย็นชาใส่ ไม่ใช่พูดมาก แต่ชอบขมวดคิ้วนิ่วหน้าอยู่ตลอดเวลา
ทว่า เขาก็คอยปกป้องคุ้มครองตนเองอย่างเพียบพร้อมอยู่ตลอด
“ไม่ผิดหรอก แกอย่าได้ไปคว้าก้อนหินแบบนั้น ทั้งเหม็นทั้งแข็งทื่อ แทบจะไม่ใส่ใจแกเลยสักนิด ถ้าจะหาก็หาแบบนี้”
“ฉันรู้สึกว่า ภายนอกไม่สามารถบอกอะไรได้ป่ะ” ถางหยวนหยวนพูดกระซิบ “ภายนอกก็แค่เปลือกนอกของคนเราเท่านั้นเอง”
“หยวนหยวนเอ๊ย แกคิดไปถึงพี่ชายแกทางนั้นแล้วใช่ไหม? เราไม่ได้พูดถึงพี่ชายแกเลย พวกเรากำลังพูดถึงก้อนหินที่มันทั้งเหม็นทั้งแข็งอยู่นี่ พี่ชายแกไม่ใช่ก้อนหินสักหน่อย”
“?”
“ท่าทางแบบนั้นของพี่ชายแกเป็นภูเขาน้ำแข็งแหละ แต่ภูเขาน้ำแข็งมันก็สามารถละลายได้ แต่ก้อนหินมันก็ยังเป็นก้อนหินอยู่วันยังค่ำ มันจะเหม็นเน่าและแข็งแบบนั้นตลอดไป”
ภูเขาน้ำแข็งสามารถละลายได้เหรอ?
ถางหยวนหยวนจะคิดอย่างไร มันยากขนาดนั้นเลยเหรอ? ก้อนน้ำแข็งเล็กๆ ละลายมันก็คงไม่ใช่เรื่องยากอะไร แต่ภูเขาน้ำแข็งเนี่ยนะสิ?
ช่างเถอะ ไม่คิดถึงแล้ว
ถางหยวนหยวนเดินกลับโรงเรียนไปพร้อมกับเพื่อนๆ ประจวบเหมาะจงฉู่เฟิงกำลังมาตามหาตัวเธออยู่พอดี
เขายืนอยู่หน้าประตูโรงเรียนก็เห็นเขาอยู่ไกลๆ หยวนเย่าหันกับจางเสี่ยวลู่คนหนึ่งเกาะแขนซ้ายอีกคนเกาะแขนขวาของเธอเอาไว้ ก็เห็นเขาด้วย
ทั้งสองคนอดไม่ได้ที่พูดจาแขวะขึ้นมา “อีกอย่างฉันเพิ่งรู้ว่าจงฉู่เฟิงคนนี้มีใจให้แก ถ้าแกไม่ได้เป็นไรกับรุ่นพี่จงหย่งหรันคนนั้น ความจริงแล้วก็ลองคบหากับเขาดู”
ถางหยวนหยวน “?”
สองคนนี้ ตกลงว่ากำลังพูดบ้าบออะไรอยู่?
เธอทำได้แต่เอาเรื่องอื่นมาเปลี่ยนหัวข้อพูดแทน
“ตอนนี้ฉันยังไม่อยากคิดเรื่องพวกนี้ รอให้ฉันสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ก่อนค่อยว่ากัน”
“ห๊า รอมหาวิทยาลัยเลยเหรอ? แต่ว่าแกบรรลุนิติภาวะแล้วนะ”
บรรลุนิติภาวะแล้วยังไง? ในสายตาคนบางคนก็แค่เด็กน้อย รอจนให้เธอสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ สักปีสองปีผ่านไปแล้ว ในสายตาของใครบางคนยังจะรู้สึกว่าเธอเป็นเด็กอยู่หรือเปล่า
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ถางหยวนหยวนสะบัดกำปั้นเล็กน้อย
“ถึงอย่างไร ความสัมพันธ์ของฉันกับพี่ฉู่เฟิงนั้นบริสุทธิ์มาก พวกแกพูดเรื่องมั่วๆ แบบนี้ต่อหน้าฉันไม่เป็นไร แต่อย่าเอาคำพูดมั่วๆ ไปพูดต่อหน้าเขา เพื่อหลีกเลี่ยงที่จะทำให้พวกเราทำตัวไม่ถูกตอนเจอหน้ากัน”
ถางหยวนหยวนพูดออกมาเช่นนี้ ทั้งสองคนได้แต่ตอบตกลงกับคำขอร้องของเธอ