เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 1680
แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
บทที่ 1680 พูดให้มันชัดเจน
“แกจะรู้ได้ยังไงว่าเขายังไม่มีแฟน ไม่แน่อาจจะมีมานานแล้ว”
“เป็นไปไม่ได้” ถางหยวนหยวนส่ายหน้าอย่างมั่นใจ
จางเสี่ยวลู่กับหยวนเย่าหันทั้งสองคนเดินมาตรงด้านหน้าเธอ หนึ่งในนั้นยืนกอดอก
“ทำไมแกถึงมั่นอกมั่นใจขนาดนี้? หรือว่าเขาเคยบอกแกแล้วเหรอ? ความจริงแล้วหลายครั้ง ที่แกไม่ต้องไปเชื่อกับคำพูดของผู้ชาย ถึงแม้ว่าจะหลุดออกมาจากปากเขาตรงๆ ก็ใช่ว่าจะเป็นความจริงไปซะทั้งหมด”
“ใช่ๆ นี่คือประสบการณ์ของพวกเราที่เคยผ่านมาแล้ว”
ถางหยวนหยวนทำปากยื่น “ฉันไม่สนใจ เพราะถึงอย่างไรฉันรู้ ว่าพี่ชายของฉันนั้นไม่ใช่ผู้ชายประเภทคนที่พวกแกพูดออกมา ฉันเชื่อมั่นในตัวเขา”
พูดจบถางหยวนหยวนก็เดินตรงปรี่เข้าห้องน้ำ แล้วก็ปิดประตู ทิ้งเสียงสองคนนั้นไว้ด้านนอก
จากนั้นเธอก็เอาแต่ยืนมองตนเองด้านหน้ากระจก นานพอควรถึงได้ยื่นมือออกมาสัมผัสใบหน้าของตนเอง ทำไม? เธอรู้สึกว่าตนเองนั้นช่างน่าผิดหวังจริงๆ ทั้งๆ ที่ถูกทอดทิ้งให้เย็นชามาตั้งนาน ทว่าคืนนี้เมื่อได้ยินคำพูดของยู่ฉือยี่ซูออกมาแล้ว ในใจของเธอพลันยกโทษให้เขาหมดแล้ว
อีกอย่าง คำพูดพวกนั้นที่เขาพูดออกมา จนถึงตอนนี้มันยังสะท้อนอยู่ข้างหู
ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยคิด แต่มันหวาดกลัว กลัวว่าจะทำให้เธอตกใจจนวิ่งหนีเตลิดไป คำพูดตามความจริงนี้พูดในตอนที่เหมาะที่ควร ถางหยวนหยวนรู้สึกว่ามันไพเราะเพราะพริ้งมาก
ตอนที่เธอเดินกลับมานั้น อีกนิดก็จะอดใจไม่ไหวที่ตนเองจะกระโจนลอยไปหา
พอเถอะ ยังไม่ต้องคิดดีกว่า
ถางหยวนหยวนขยี้ศีรษะของตนเอง เพื่อลบทิ้งวิธีการความคิดอันสับสนเหล่านั้นออกไปจากสมอง หลังจากอาบน้ำเสร็จก็พักผ่อนทันที
เช้าวันรุ่งขึ้น
ถางหยวนหยวนก็เจอกับจงหย่งหรันที่ด้านนอกโรงเรียน เพราะว่าเรื่องเมื่อคืนนี้ ดังนั้นยามเมื่อเธอเจอหน้ากับจงหย่งหรันเลยรู้สึกทำตัวไม่ถูกมาก พลางหันตัวกลับเพื่อจะวิ่งหนี
“รุ่นน้อง”
จงหย่งหรันดันเรียกเธอมาทางด้านหลัง เขาไม่อ้าปากพูดก็ยังดี พอพูดแล้วถางหยวนหยวนได้แต่ยืนนิ่ง พลางหันกลับไปมองจงหย่งหรัน
“รุ่น รุ่นพี่”
“เห็นฉันแล้ววิ่งหนี? รุ่นพี่อย่างฉันเปลี่ยนเป็นคนน่ากลัวแบบนี้ไปตั้งแต่ตอนไหนกัน?”
จงหย่งหรันเดินตรงมาด้านหน้าของเธอ พร้อมทั้งจ้องมองเธออย่างเบื่อหน่าย
“ขอโทษด้วยรุ่นพี่ ฉันก็แค่….”
“พอแล้ว คุณไม่ต้องอธิบายอะไร” จงหย่งหรันเอาคำพูดที่เธออยากจะพูดแทนแล้ว “ผู้ชายคนที่มาทีหลังคนนั้น เป็นคนที่คุณชอบใช่ไหม?”
เมื่อได้ยินแล้ว ใบหูของถางหยวนหยวนแดงแจ๋ สัญชาตญาณอยากจะโต้ตอบ
“คุณไม่ต้องรีบร้อนปฏิเสธ มองออกอยู่” จงหย่งหรันยิ้มให้เล็กน้อย “อีกอย่างความสัมพันธ์ของคุณสองคนถือว่าสนิทสนมกันมากใช่ไหม”
ถางหยวนหยวนไม่ได้ตอบ
“ชอบ ก็อย่าปล่อยเลยตามเลย รุ่นพี่ไม่มีความหมายอื่นใด ต่อไปเรายังเป็นเพื่อนกันได้”
“ตกลง” ถางหยวนหยวนพยักหน้าให้
“อย่าได้เก็บกดเอาไว้ มีเรื่องอะไรก็มาหารุ่นพี่นะ”
หลังจากรอให้คนไปแล้ว ถางหยวนหยวนถึงได้ถอนหายใจโล่งอก โชคดีจัง เธอยังคิดว่าจงหย่งหรันจะออกมาพูดคำพูดที่สร้างแรงกดดันให้เธอ ไม่คิดเลยว่าเขาจะไม่พูดอะไรเลย
เพราะว่าคำพูดของยู่ฉือยี่ซูเมื่อวานนี้ ถางหยวนหยวนไม่อาจจะเรียนหนังสือได้ตามปกติ อึดอัดจนทนไม่ไหว ไม่ง่ายเลยที่จะทนจนเลิกเรียน
จางเสี่ยวลู่กับหยวนเย่าหันดึงเธอพร้อมทั้งเตรียมตัวออกจากโรงเรียนไปจับจ่ายซื้อของ
ทว่าเมื่อทั้งสามคนเดินออกจากประตูโรงเรียนก็เจอกับยู่ฉือยี่ซูที่มายืนอยู่ตรงประตูโรงเรียน
เขายืนสะดุดตาท่ามกลางฝูงชน เมื่อเงยหน้าขึ้นก็สามารถเห็นได้
ถางหยวนหยวนมือเรื่องให้คิดอยู่ในใจ ดังนั้นเอาแต่ก้มหน้าก้มตาไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาดูด้านหน้าเลย จนสองคนที่อยู่ด้านข้างหยุดเท้าลง เธอถึงได้สติกลับมา
“พวกแกเป็นอะไร? ไม่ใช่ว่าจะไปซื้อของหรอกเหรอ?”
หยวนเย่าหันกับจางเสี่ยวลู่ใช้สายตาอันสับสนมองเธอมาแวบหนึ่ง “มีคนยืนรอแกตรงประตู ยังจะไปซื้อของ ซื้ออะไรล่ะ?”
คน?
ถางหยวนหยวนถึงได้มองตามสายตาของสองคนนั้นไป พลันเห็นรูปร่างสูงโปร่งยืนตระหง่านอยู่ตรงนั้น
ยู่ฉือยี่ซู?
เขาจะมาทำไมอีก?
“ดูท่าแล้ววันนี้คงซื้อของไม่ได้แล้ว รีบไปเถอะ”
หยวนเย่าหันผลักถางหยวนหยวนออกไป ถางหยวนหยวนเดินไปทางด้านหน้าสองก้าวก็โดนจางเสี่ยวลู่ดึงกลับมา “รอเดี๋ยว แกต้องพยายามให้มากอีกนิดนะ เมื่อคืนแกไม่ใช่พูดว่าพี่ชายแกไม่มีแฟนไม่ใช่เหรอ ถ้าแกยังไม่ยอมแพ้ไปจากเขา แกก็กล้าอีกนิด ไปเอาเขากลับมา”
เอากลับมา?
ถางหยวนหยวนกะพริบตาปริบๆ
“ไปเถอะ ไป ถ้าเขาเป็นแฟนกับแกได้จริงๆ งั้นชีวิตแกทั้งชีวิตก็ถือว่าสมบูรณ์แบบแล้ว”
ถางหยวนหยวนยังคงยืนเซ่อซ่าอยู่ที่เดิม ยู่ฉือยี่ซูกวักมือเรียกเธอแล้ว
จางเสี่ยวลู่กับหยวนเย่าหันยอมเดินจากไปอย่างพร้อมเพรียงกัน รำคาญจริง ถางหยวนหยวนได้แต่เดินไปด้านหน้า จนไปหยุดตรงด้านหน้าของยู่ฉือยี่ซู
เธอเม้มปากเล็กน้อย สุดท้ายแล้วก็พูดออกมา “ไม่ใช่คุณพูดว่า รอให้ฉันคิดให้ดีก่อนค่อยบอกกับคุณไม่ใช่เหรอ?”
“ใช่” ยู่ฉือยี่ซูพยักหน้า เมื่อเห็นท่าทีอันกระตือรือร้นและก็หยุดลงทันที เลยถามกลับ
“เป็นอะไร?”
“ทั้งๆ ที่พูดแล้วว่าจะรอฉันคิดได้แล้วค่อยบอกกับคุณ งั้นวันนี้คุณมาทำอะไร?”
วันนี้เขาไม่น่าจะถามคำตอบของเธอใช่ไหม? ในใจของถางหยวนหยวนมันสับสนมาก ถึงแม้ว่าเธอรู้ว่าสุดท้ายแล้วตนเองจะเลือกอะไร ทว่าเธอก็ยังไม่อยากตอบในตอนนี้ เพราะว่าไม่อยากให้ยู่ฉือยี่ซูรู้สึกว่ามันง่ายดายเกินไป
เมื่อพูดจบ ยู่ฉือยี่ซูก้าวมาด้านหน้าหนึ่งก้าว ลมหายใจที่อยู่บนกายเขาปกคลุมในวินาทีนั้น
“อะไร? การที่ฉันมาในวันนี้มันมีอะไรที่เร่งด่วนเหรอ?”
ถางหยวนหยวนถูกเขาทำให้ตกใจจนต้องก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว อีกนิดก็จะล้มเซอยู่แล้ว ดีที่ว่ายู่ฉือยี่ซูคว้าเธอไว้ได้ทัน
“เป็นอะไรไปถึงทรงตัวไม่ได้แล้ว? เมื่อคืนนอนไม่พอเหรอ?”
ถางหยวนหยวนได้แต่กัดฟันแน่น “คุณนั่นแหละที่นอนไม่พอ ฉันนอนหลับสบายมาก”
ยู่ฉือยี่ซูมองถุงใต้ตาที่มันเป็นสีเขียวปนดำพลางยิ้มเล็กน้อย “โอเค ฉันนอนไม่ค่อยหลับ คุณนอนหลับสบายมาก งั้นเราไปกินข้าวเย็นกัน?”
“ใครจะไปกินข้าวเย็นกับคุณกัน?” ถางหยวนหยวนบ่นเป็นหมีกินผึ้ง
“ไม่กินข้าวเย็นกับฉัน หรือว่าคุณอยากกินข้าวกับเด็กหนุ่มคนเมื่อคืนนี้?”
“ฉันเปล่า!”
“งั้นก็ไปกินข้าวกับฉัน”
พูดจบ ยู่ฉือยี่ซูก็ดึงมือเธอเดินขึ้นหน้าไปอย่างไม่พูดพร่ำทำเพลง ถางหยวนหยวนได้แต่เดินตรงไปด้านหน้ากับเขา การก้าวเท้าของเขานั้นกว้างมาก ถางหยวนหยวนถึงกับต้องวิ่งเหยาะๆ ถึงตามเขาทัน
ผ่านไปชั่วครู่ การก้าวเท้าของยู่ฉือยี่ซูก็เริ่มผ่อนช้าลง ถางหยวนหยวนถึงได้ถอนหายใจออก
จากนั้นหลายวัน ทุกวันยู่ฉือยี่ซูก็จะปรากฏกายตรงหน้าประตูโรงเรียนตรงเวลาทุกวัน พร้อมทั้งมาพาถางหยวนหยวนไปกินข้าวตรงเวลา ทว่าไม่มีการปริปากเอ่ยถามในสิ่งที่เธอกำลังครุ่นคิดอยู่ว่าเรื่องเป็นอย่างไรบ้าง
ทุกวันก็เป็นเช่นนี้ การแสดงออกนั้นสงบเสงี่ยมทำตัวปกติ ราวกับคนที่รีบร้อนจะเป็นถางหยวนหยวนคนเดียว
หลายครั้งที่เธอคิดว่ายู่ฉือยี่ซูจะถาม แต่ทุกครั้งเขาก็เอาคนมาส่งหน้าประตูโรงเรียน แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา ในใจของถางหยวนหยวนนั้นร้อนรนจนทนไม่ไหวแล้ว
แต่พอเห็นว่าเขาไม่ปริปากพูดอะไร ถางหยวนหยวนได้แต่หันหลังให้แล้วเดินกลับเข้าไป
พริบตาเดียว ผ่านไปหนึ่งอาทิตย์
“นานขนาดนี้แล้ว ยังคิดไม่ได้อีกเหรอ?”
เมื่อเจอกันครั้งแรกในวันนี้ ยู่ฉือยี่ซูพลันถามประเด็นหลักขึ้นมาทันที
ถางหยวนหยวนเม้มริมฝีปากเอาไว้ “ไม่ใช่ว่าไปกินข้าวเหรอ? กินข้าวกันก่อนเถอะ”
ตอนที่ทั้งสองคนกำลังกินข้าวกันอยู่นั้น จนกลายเป็นความเคยชิน อีกอย่างถางหยวนหยวนก็รู้สึกว่าอารมณ์ของตนเองนั้นชัดเจนมากแล้ว ถ้าไม่ตอบตกลงแล้วละก็ ทุกวันนี้เธอก็คงไม่ออกมากินข้าวกับเขา
เหมือนรุ่นพี่จงหย่งหรันคนนั้น เธอกลัวมากที่จะได้เจอกับเขา จากนั้นก็โดนบังคับให้ไปนั่งกินข้าวกับเขาอีก ความรู้สึกเช่นนี้มันไม่ดีมากเลย
เมื่อเดินได้สองก้าว ข้อมือของถางหยวนหยวนก็ถูกเขาคว้าไว้แน่น
“พูดออกมาให้ชัดเจนก่อนแล้วค่อยไปกินข้าวกัน