เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 330
บทที่330 เธอไม่สงสัยประวัติชีวิตของตัวเองเลย อย่างนั้นหรือ
ตอนนี้กลับมาคิดๆดูแล้ว….ทำไมเสิ่นเฉียวถึงได้ เดินตามเธอขึ้นรถกัน?
เธอยังมีเสี่ยวเหยียนอยู่กับเธอด้วย ถึงแม้ว่าเธอจะ ไปจริงๆ ก็ควรจะไปบ้านของเสี่ยวเหยียน ไม่ใช่…ที่ ตระกูลหานแห่งนี้
“คุณหานมีเรื่องต้องไปจัดการที่บริษัท เขาจะกลับ มาอีกประมาณหนึ่งชั่วโมง คุณหนูเสิ่นสามารถพักผ่อน ไปก่อนได้เลยนะคะในช่วงเวลาหนึ่งชั่วโมงนี้”
“ไม่ดีกว่าค่ะ ฉันต้องไปแล้ว” เสิ่นเฉียวลุกขึ้นยืน ตอนนี้หานเส่โยวไม่อยู่บ้าน เธอกับหานเส่โยวก็ไม่ได้ เป็นเพื่อนพี่น้องกันอีกแล้ว หากอยู่ที่นี่ต่อไปเธอก็คง รู้สึกไม่สบายใจเท่าไรนัก
ว่าแล้วนั้น เสิ่นเฉียวก็โค้งตัวให้ซูจิ๋ว : “วันนี้ ขอบคุณคุณมากนะคะคุณเลขาซู ฉันฝากขอบคุณคุณ หานด้วยนะคะ ฉันขอตัวก่อน เพื่อนของฉันคงกำลังรอ ฉันอยู่”
มองดูท่าทางของเธอ ซูจิ๋วจึงยิ้มออกมา
“คุณแน่ใจหรือคะว่าคุณจะออกไปจริงๆ? คุณหนู เสิ่น คุณหานอาจจะมีเรื่องที่ต้องการจะคุยกับคุณนะ
คะ”
ได้ยินแล้วนั้น เสิ่นเฉียวจึงหยุดชะงักลง : “มีอะไร จะคุย?” “ใช่ค่ะ เรื่องที่สำคัญมากเรื่องหนึ่ง” ซูจิ่วไม่
แน่ใจว่าตอนนี้เธอควรจะเอ่ยเตือนเสิ่นเฉียวดีหรือเปล่า จะเร็วไปไหม ใครจะรู้กันว่าจู่ๆหานชิงจะมีเรื่องสำคัญ ต้องออกไปเสียก่อน เดิมที่คิดว่าจะรอให้เสิ่นเฉียว อารมณ์ดีเสียก่อนถึงจะคุยกับเธอ
“เรื่องสำคัญ… เสิ่นเฉียวก้มลงแล้วคิดหาคำ
21
ตอบอยู่พักหนึ่ง หลังจากนั้นราวกับว่าเธอจะเข้าใจแล้ว
จึงเงยหน้าขึ้นมา : “ฉันน่าจะรู้แล้วว่าพวกคุณจะพูด อะไร “หม?” ชูจิ๋วรู้สึกประหลาดใจ : “คุณหนูเสิ่นรู้แล้ว
หรือคะว่าพวกเราจะพูดอะไร?”
เสิ่นเฉียวมีสีหน้าเย็นชา “ฉันกับหานเส่โยวถึง แม้ว่าก่อนหน้านี้เราจะเป็นพี่น้องกัน แต่….ความ สัมพันธ์ของเราตอนนี้มันพังลงไปแล้วค่ะ ต่อไป …”
“พังแล้ว? ” ซูจิ๋วรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก : “พวกคุณดีต่อกันขนาดนั้นทำไมจู่ๆถึงได้พังลงแบบนี้ ละคะ? หรือว่าคุณรู้อะไรแล้วอย่างนั้นหรือ?”
ได้ยินดังนั้นแล้ว เสิ้นเฉียวจึงเงยหน้าขึ้นมาอย่าง รวดเร็ว มองเธอด้วยความตกใจ
หรือว่าพวกเขาจะสืบค้นอะไรเจออย่างนั้นหรือ? ดังนั้นที่หานชิงหาเธอในครั้งนี้ จึงอยากที่จะคุยเรื่องนี้กับเธอ? ราวกับว่าไม่ต้องคิด เสิ่นเฉียวก็สามารถเดาได้ ว่าหานชิงจะต้องยืนอยู่ทางฝั่งหานเส่โยวอยู่แล้ว ถึงแม้จะหานเส่วจะทำผิดก็ตาม แต่พวกเขาเป็น
ครอบครัวเดียวกัน หานชิง…ก็คงคิดอยากจะเกลี้ย
กล่อมให้เธอออกไปอย่างนั้นสินะ?
คิดมาถึงตรงนี้แล้ว เสิ่นเฉียวจึงกัดริมฝีปากของ ตัวเองอย่างแรง : “วันนี้ขอบคุณคุณหานมากนะคะที่ ช่วยฉัน แล้วพาฉันกลับมาที่บ้านต้อนรับเป็นอย่างดี แต่ ฉันรู้สึกว่าฉันไม่มีอะไรจะคุยแล้ว เรื่องนี้ฉันจะไม่ยอม ถอยหรอกนะคะ”
ซูจิ๋วได้ยินแล้วรู้สึกแปลกใจ เดิมทีเธอคิดว่าเสิ่น เฉียวจะค้นพบความลับเรื่องชีวิตของตัวเองแล้ว แต่ ตอนนี้ได้ยินเธอพูดเช่นนี้….ราวเหมือนกับว่าจะเป็นอีก เรื่องหนึ่ง
หรือจะบอกว่านอกจากเรื่องชีวิตของเธอเรื่องนี้ แล้ว เสิ่นเฉียวกับหานเส่โยวยังมีเรื่องขัดแย้งกันเรื่อง ใหญ่กว่านี้อีก? ถึงได้ทำให้มิตรภาพของพวกเธอแตก สลายกันแบบนี้?
“ไม่รู้ว่า…ฉันขอละลาบละล้วงถามหน่อยได้ไหม คะ ที่คุณหนูเสิ่นกับเธอต้องแตกหักต่อกันเป็นเพราะ เรื่องอะไรหรือคะ?” ได้ยินแล้ว เสิ่นเฉียวก็รู้สึกอึ้งไป เธอมองกลับไปอย่างไม่อยากจะเชื่อ “คุณไม่รู้หรือ คะ?”
“คุณหนูเสิ้นตลกแล้วล่ะค่ะ ฉันจะรู้เรื่องพวกนี้ได้อย่างไรกัน….”
“ถ้าอย่างนั้นเมื่อครู่คุณไม่ได้บอกว่าคุณหานจะมี เรื่องคุยกับฉันหรอกหรือคะ ฉันคิดว่า…”
“คุณหนูเสิ่นอาจจะเข้าใจผิดแล้วค่ะ ที่คุณหานจะ คุยกับคุณหนูเสิน เป็นไปได้ว่าไม่ใช่เรื่องที่คุณหนูเสิ่น คิดอยู่ในใจก็ได้นะคะ แต่…กลับเป็นเรื่องระหว่าง คุณทั้งสองคน”
ได้ยินเช่นนี้แล้ว เสิ่นเฉียวก็รู้สึกสับสนขึ้นมา เกี่ยว กับเธอและหานเสี่ยว แต่กลับไม่ได้เป็นเรื่องที่เธอคิด เอาไว้เรื่องนั้น แล้วเป็นเรื่องอะไรกันแน่?
เสิ่นเฉียวคิดไม่ออก แต่เธอ….ราวกับว่าไม่ได้รู้สึก อยากจะรู้ขนาดนั้น
ถึงอย่างไรต่อไปเธอกับหานเส่โยวก็ไม่อาจจะทำดี ต่อกันได้อีกแล้ว
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้แล้ว เสิ่นเฉียวจึงเอ่ยขึ้นอีก ครั้ง : “ช่างเถอะค่ะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร ฉันก็ไม่ได้ รู้สึกสน ใจขนาดนั้นแล้ว คุณเลขาซูวันนี้ขอบคุณพวก คุณมากๆเลยนะคะ แต่ฉันจำเป็นต้องไปแล้ว”
พูดจบแล้วเสิ่นเฉียวก็เตรียมที่จะเดินออกไปจริงๆ ซูจิ๋วเห็นเธอที่ไม่มีทีท่าว่าจะอยู่ต่อแล้วนั้น ในใจก็รู้สึก ร้อนรนขึ้นมา กว่าจะมีโอกาสที่จะเอาตัวเธอมาถึงบ้าน ได้นี่ช่างยากเหลือเกิน ถ้าหากเป็นครั้งหน้าเธอจะยัง ออกมาอีกหรือเปล่ากัน?
ซูจิ๋วจึงอดที่จะเอ่ยขึ้นมาไม่ได้ : “คุณหนูเสิ่น คุณ อยู่กับตระกูลเสิ่นมาเป็นเวลานานขนาดนี้ คุณไม่เคย สงสัยชีวิตของตัวเองบ้างเลยหรือคะ?”
เพียงประโยคเดียว ทำให้เสิ่นเฉียวซะงักลงได้ สำเร็จ
เธอหันกลับมามองซูจิ๋ว “คุณเลขาซู ที่คุณพูด นี่….หมายความว่าอะไรคะ?”
เห็นว่าดึงดูดเธอได้สำเร็จแล้ว ต่อมาก็เป็นงาน หลักของเธอแล้ว ซูจิ๋วจึงเอ่ยออกมา : “ตระกูลเสิ่น หลายปีมานี้ คุณไม่เคยได้รับความรักมาตั้งแต่ไหนแต่ ไรอยู่แล้ว แม่ของคุณรักน้องสาวของคุณมาตลอด ส่วนคุณเองก็ต้องรับบทเป็นพี่สาว แม้กระทั่งคนที่น้อง สาวของคุณไม่อยากจะแต่งงานด้วย แม่ของคุณก็ให้ คุณแต่งงานแทน เรื่องที่ไม่ยุติธรรมพวกนี้ ไม่ได้ทำให้ คุณรู้สึกสงสัยสถานะของคุณเองบ้างเลยหรือคะ?”
เสิ่นเฉียว : “.
ไม่ใช่ว่าเธอไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นลูกที่แม่คลอด ออกมาเองหรือเปล่า
หลังจากที่แม่ทำเรื่องเหล่านั้นแล้ว เธอยังเคยถาม แม่ด้วยซ้ำ ตอนนั้นสีหน้าของแม่เปลี่ยนไป และยังด่า ว่าเธออีก
แต่เธอก็เพียงแค่คิดไปแบบนั้น กลับไม่เคยสืบ เรื่องนี้อย่างจริงจัง
ถึงอย่างไรพ่อกับแม่ก็เลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่เด็ก ถึง แม้ว่าบางทีสิ่งตอบแทนที่ได้รับมานั้นจะไม่ยุติธรรม แต่ ช่วงเวลาที่มากกว่านั้น พวกเขาให้ครอบครัวที่อบอุ่นกับ เธอ และเธอเองก็เป็นพี่..ดังนั้นก็จะต้องดูแลน้องสาว อยู่แล้ว
แน่นอนว่า เธอเคยคิดอยู่หลายครั้ง ถ้าหากตัวเอง ไม่ได้เป็นพี่ แต่เป็นน้องสาวแทน แม่ก็คงจะให้เสิ่นโย่ว ปฏิบัติกับเธอเหมือนที่เธอปฏิบัติกับเสิ่นโย่วเหมือนกัน
หลังจากที่คิดได้เช่นนี้แล้ว ในใจของเสิ่นเฉียวนั้น ก็จะรู้สึกดีขึ้นมาอีกไม่น้อย
ดังนั้นเธอจึงไม่เคยได้สืบเรื่องนี้มาก่อนว่าเป็น อย่างไร
ตอนนี้ซูจิ๋วเป็นคนเอ่ยขึ้นมา จู่ๆเธอกลับรู้สึก ว่า….เรื่องนี้อาจจะ…น่ากลัวกว่าที่เธอคิด?
“คุณหนูเสิ่น คุณไม่เคยคิดเลยจริงๆหรือคะ? เป็น ไปได้ว่า….คุณอาจจะไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆของตระกูลเสี่ นก็ได้?”
เสิ่นเฉียวชะงักไป ร่างกายของเธอนั้นถอยหลังไป อย่างสูญเสียการควบคุม ด้านข้างมีโต๊ะอยู่ หลังของ เธอนั้นจึงพิงอยู่ตรงนั้นพอดี
ซูจิ๋วเห็นท่าทางเช่นนี้แล้ว อดที่จะเดินไปแล้วดึง เธอกลับมาไม่ได้ : “มานั่งตรงนี้เถอะค่ะ สิ่งที่พวกเราจะ ต้องคุยกันอาจจะมีอีกเยอะเลย”
เส้นเฉียวราวกับเป็นหุ่นกระบอกที่ถูกควบคุมให้ เธอเดินมายังด้านหน้า หลังจากที่นั่งลงแล้ว จู่ๆเสิ่น เฉียวก็นึกถึงเรื่องก่อนหน้าไม่นานมานี้ ที่ร้านอาหาร หานชิงได้ไล่ให้จูหยุนและลุงจีนรีบออกไป แล้วหลัง จากนั้นก็พูดกับเธอด้วยคำพูดที่แปลกๆนั่น
เขาบอกว่าเขากำลังตามหาคนๆหนึ่งอยู่ แต่ก็หาไม่ เจอเลยตลอดที่ผ่านมานี้
ทั้งยังให้เธอดูรูปเด็กทารก และยังมีสร้อยยันต์คุ้ม กันนั่นอีก
ประกอบกับต่อมาที่เขาดูเหมือนจะพูดอะไรออก มาแล้วก็หยุดไป เสิ่นเฉียวมักจะรู้สึกว่า ..มาครุ่นคิด พิจารณาดูแล้วดูเหมือนจะมีอะไรแฝงอยู่
“คุณหนูเสินโอเคไหมคะ? เรื่องนี้เป็นเรื่องค่อนข้าง ใหญ่ เดิมที…ฉันอยากจะรอให้คุณหานมาเป็นคน บอกกับคุณเอง ถึงอย่างไร….คุณหนูเสิ่นกับเขาก็เป็น ญาติพี่น้องกัน เรื่องนี้ให้เขาเป็นคนมาพูดกับคุณเองน่า จะเหมาะกว่า”
ญาติพี่น้อง….
ได้ยินคำนี้แล้ว เสิ่นเฉียวรีบเงยหน้าขึ้นมาอย่าง เธอกับหานชิงเป็นญาติพี่น้องกันอย่างนั้นหรือ?
รวดเร็ว
“แต่ว่าคุณหนูเสินยืนกรานว่าจะไปท่าเดียว ดังนั้น ฉันเองก็ไม่มีวิธี จึงทำได้เพียงแค่ต้องบอกคุณก่อน ไม่รู้ว่าคุณหานจะเอ่ยถึงเรื่องนี้กับคุณตอนไหน คุณหนู เสิ่น ฉันพูดตรงๆนะคะ คุณไม่ใช่ลูกสาวของตระกูล เสิ่น คุณเป็นลูกสาวที่คุณนายหานคลอดออกมาเมื่อ ยี่สิบกว่าปีก่อนค่ะ”