เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 607
บทที่ 607 เขาเป็นอดีตสามีของฉัน
แล้วไม่ใช่หรือ?
หานมู่จื่อคิดอยากจะหลบหน้าเขาไปจริงๆ และไม่ไปทางเดียวกันกับเขา
เพราะไม่อย่างนั้นเย่โม่เซินอาจจะเห็นฉากนี้เข้าก็ได้ และคนที่ลำบากที่สุดก็เป็นเธอเอง
เย่หลิ่นหานยิ้มด้วยความขมขื่นเล็กน้อย “วันนั้นก็พูดชัดเจนแล้วนี่ ว่าต่อจากนี้เราจะเป็นเพื่อนกัน ถึงจะบังเอิญเจอกันในซุปเปอร์มาเก็ต คุณก็อย่าหลบหน้าผมเหมือนผมเป็นงูอย่างนั้นสิ ผมดูน่ากลัวขนาดนั้นเลยหรือ?
หานมู่จื่อ “…”
เธอกัดริมฝีปากล่างโดยไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไรดี
“ก่อนหน้านี้ผมก็เตรียมจะเดินอ้อมไปแล้ว แต่ในเมื่อคุณพูดแบบนี้ งั้นผมคงต้องเดินไปทางเดียวกับคุณเพื่อที่คุณจะได้ปรับความคิดไม่หลบผมอีก”
เย่หลิ่นหานกลับมายิ้มอีกครั้งหลังจากพูดเสร็จ สายตาของเขามองไปที่ใบหน้าของเธอผ่านเลนส์แว่นตา
“มู่จื่อ ผมไม่ใช่คนเลว ห้าปีก่อนไม่ใช่ ตอนนี้ก็ไม่ใช่ อนาคต…ก็ไม่ใช่ ถ้าคุณยินยอม จะรับผมเป็นพี่ชายก็ได้นะ ไม่ว่าตอนนี้ระหว่างคุณกับโม่เซินจะมีความสัมพันธ์อะไรกัน…ผมจะไม่ทำอะไรให้คุณลำบากใจ”
อย่างไรก็ตามสำหรับหานมู่จื่อแล้ว ไม่ว่าเย่หลิ่นหานจะทำให้เธอลำบากใจหรือไม่ก็ตาม ถ้าเพียงเย่โม่เซินมาเห็นเธอยืนอยู่กับเขาแบบนี้ อาจจะทำให้เกิดเรื่องเลวร้ายขึ้นก็ได้
พอคิดดังนี้เธอก็เม้มริมฝีปากและพูดออกไปอย่างช่วยไม่ได้ “คุณจะตามฉันมาแบบนี้จริงๆใช่ไหม? คุณบอกว่าบังเอิญ แล้วสองครั้งนั้นล่ะ? ก็บังเอิญงั้นหรือ? มันจะบังเอิญขนาดนี้ได้อย่างไร ฉันไม่ได้มาซุปเปอร์มาเก็ตตั้งนานแล้ว พอฉันมาที่นี่ก็บังเอิญเจอคุณอีก คงไม่ใช่เพราะคุณเลือกเวลาที่เหมาะเจาะหรอกนะ?”
แววตาเย่หลิ่นหานเปลี่ยนเป็นเรียบนิ่ง
“มู่จื่อ ถ้าคุณมาซุปเปอร์มาเก็ตที่นี่ทุกวัน คุณก็น่าจะบังเอิญเจอผมเพราะผมพักอยู่แถวนี้ใกล้ๆกับที่พักของคุณ”
หานมู่จื่อหยุดพูดและอ้าปากเล็กน้อย
“คุณ คุณบอกว่าไงนะ?”
“มันอาจจะดูน่าเหลือเชื่อ ถ้าคุณไม่เชื่อล่ะก็ จะส่งคนไปตรวจสอบดูก็ได้ ผมย้ายมาอยู่ที่นี่ก่อนคุณเสียอีก มีพนักงานแคชเชียร์หลายคนของซุปเปอร์มาเก็ตแห่งนี้รู้จักผมดี แต่เพราะผมพักอยู่คนเดียว ผมจึงต้องมาเดินซุปเปอร์มาเก็ตทุกวันเพื่อซื้ออาหารสด ผมบอกคุณมาขนาดนี้แล้ว คุณยังคิดว่าผมจงใจเข้าหาคุณอีกหรือไม่?”
หานมู่จื่อหายใจอย่างเงียบๆ ใบหน้าเริ่มซีด
สุดท้ายแล้วเธอคิดมากเกินไปและทำให้คนอื่นเข้าใจผิด?
“ผมยอมรับว่าผมอยากติดต่อกับคุณ แต่ผมไม่ได้มีเจตนาแอบแฝง”
“เอาล่ะ ไม่ต้องพูดแล้ว” หานมู่จื่อพูดตัดบทพลางมองต่ำ “ฉันเข้าใจคุณผิดเอง งั้นต่อไปก็ต่างคนต่างอยู่เถอะ คุณยังต้องไปซื้อของนี่ ฉันเองก็ต้องไปซื้อของของฉันบ้าง ฉันไปก่อนนะ”
พอพูดเสร็จ หานมู่จื่อก็เดินไปข้างๆพี่สาว พี่สาวมองเธอ “เป็นไงบ้าง?”
หานมู่จื่อเม้มปากไม่ตอบคำถามของเธอ ได้เพียงแต่เข็นรถเข็นไปข้างหน้า
พี่สาวดูสถานการณ์แล้วจึงรีบตามไป “เกิดอะไรขึ้นกันแน่? ตอนที่เห็นเธอคุยเมื่อกี้นี้ดูสีหน้าไม่ค่อยดีเลย เขาพูดอะไรไม่เข้าหูหรือเปล่า?”
“ไม่ใช่หรอกค่ะ” หานมู่จื่อส่ายหน้า “เขาก็แค่บอกว่า…เขาไม่ได้ตามพวกเรา แค่เป็นทางเดียวกัน”
เมื่อได้ยินเช่นนี้พี่สาวก็นึกขึ้นได้
“แบบนี้นี่เอง แต่ฉันดูแล้ว…ทำไมยังคิดว่าเขาตั้งใจเดินตามเธอมานะ? เฮ้อ เขารู้หรือยังว่าเธอมีสามีแล้ว?”
ในตอนนี้หานมู่จื่อก็หยุดเท้าชั่วคราว แล้วหันไปมองคนด้านข้าง
“คุณอยากรู้จริงๆหรือ?”
พี่สาวพยักหน้าด้วยความอยากรู้อยากเห็น จากนั้นก็ยิ้ม “เห็นแก่ที่เราเป็นเพื่อนบ้านกัน เธอบอกฉันมาเถอะ”
หานมู่จื่อครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง พี่สาวพูดถึงเรื่องนี้มาสักพักแล้ว ในตอนนี้มันอาจจะเป็นการดีที่จะบอกไปตรงๆ พอคิดได้เธอก็บอกว่า “อันที่จริงเขาไม่ใช่สามีของฉันหรอกค่ะ”
ตอนแรกพี่สาวฟังไม่เข้าใจ แต่พอเธอได้สติกลับมา ดวงตาเธอก็เบิกกว้าง “เธอ เธอบอกว่าเขาไม่ใช่สามีเธอ งั้นเมื่อกี้…”
“ฉันก็แค่เออออไปกับคุณ”
พี่สาวเงียบ
ผ่านไปหนึ่งนาทีเธอก็กุมมือหานมู่จื่อไว้ “น้องสาวเธอก็แสนดีเกินไป นึกไม่ถึงเลยว่าเพื่อที่จะเออออตามน้ำกันไป เธอถึงกับต้องทำเป็นยอมรับผู้ชายคนหนึ่งเป็นสามี พวกเราต้องไปมาหาสู่กันบ่อยๆนะ ไม่ใช่สามีก็ไม่เป็นไร พวกเธอเป็นแฟนกันหรือ?”
“นั่นก็ไม่ใช่ค่ะ” หานมู่จื่อส่ายหน้า
“ไม่ใช่? ?” พี่สาวตกใจ “งั้น งั้นพวกเธอเป็นอะไรกัน? ฉันเห็นว่าเขา…”
“เขาเป็นอดีตสามีของฉันเอง”
พี่สาว “…”
ข้อมูลเหล่านี้หนักหนาจนพี่สาวไม่สามารถตอบสนองไปชั่วขณะ ทันใดนั้นเส้นประสาทในสมองก็เหมือนลัดวงจร พอเธอกลับมามีสติอีกครั้ง หานมู่จื่อก็ได้ยิ้ม
“นี่ไม่ใช่เรื่องตลกใช่ไหม? ก็เห็นๆกันอยู่ว่าไม่ใช่สามีภรรยากันแล้ว แต่เขาก็ทำเป็นไขสือ”
พอพูดถึงตอนท้ายหานมู่จื่อก็ลดสายตาลงราวกับอยู่ในอารมณ์หดหู่
“แค่กๆ นี่ไม่ใช่เรื่องตลกนะ อย่าเป็นเสียแบบนี้สิ” พี่สาวคว้าเเขนเธอแล้วเดินไปข้างหน้า ในขณะเดียวกันก็หันไปมองเย่หลิ่นหาน “จริงๆแล้วอดีตสามีของเธอดีกว่าอีก”
“อะไรนะคะ?” หานมู่จื่อไม่เข้าใจความหมายของเธอ “อดีตสามีของเธอดีกว่าอย่างไรล่ะ?”
“ใช่สิ ถ้าเป็นอดีตสามี งั้นก็เเปลว่าตอนนี้เขากำลังตามจีบเธอ เขาอยากกับมาคืนดีกับเธอสินะ?”
หานมู่จื่อนิ่งไปสักพัก จากนั้นก็พยักหน้า “ค่ะ ใช่แล้ว…”
ที่เขาทำมาทั้งหมดก็เพราะอยากกลับมาคืนดีกับเธอ?
“ใช่สินะ ทำไมเธอถึงไม่มั่นใจแบบนั้นล่ะ? ถ้าฉันสวยแบบเธอ ฉันคงมั่นใจตัวเองไปตั้งนานแล้ว ตอนนี้เขากลายเป็นอดีตสามีของเธอแล้ว งั้นก็แปลว่าคนอื่นก็ยังมีโอกาสน่ะสิ อย่างเช่น…คนที่อยู่ด้านหลัง”
ด้านหลัง?
หานมู่จื่อขมวดคิ้ว พอหันกลับไปมองก็พบว่าเย่หลิ่นยังคงเดินตามพวกเธอมาอีก
“ชายหนุ่มรูปหล่อสองคนตามจีบเธอในเวลาเดียวกัน เธอชอบคนไหนล่ะ?”
หานมู่จื่อ “…”
“ไม่ชอบก็ไม่เป็นไร เธอสวยเสียขนาดนี้ยังมีโอกาสอีกมาก ค่อยๆเลือก ค่อยๆพิจารณา ผู้ชายเย็นชาคนนั้นก็ไม่เลว ดูก็รู้เเล้วว่าเป็นคนที่ประสบความสำเร็จ แต่…ถ้าเย็นชาเกินไปก็ไม่ใช่เรื่องดี อย่างเช่นเรื่องบนเตียง ถ้าเขายังเย็นชาอยู่แบบนั้น แล้วต้องให้เธอเป็นฝ่ายรุกอยู่บ่อยๆล่ะก็ มันจะทำให้เธอมีความอึดอัดทางอารมณ์ได้”
หานมู่จื่อหน้าถอดสี พูดเบาๆ “ไม่คุยเรื่องนี้ได้ไหมคะ?”
“พูดเรื่องนี้แล้วมันทำไม? ก็เป็นผู้ใหญ่กันหมดเเล้ว เอ๊ะ…ฉันสงสัยว่าพวกเธอหย่ากันทำไม เป็นเพราะเขาไร้น้ำยาใช่ไหม?”
หานมู่จื่อ “…”
เย่โม่เซินไร้น้ำยางั้นหรือ?
เป็นไปได้อย่างไร? ถ้าเขาได้ยินแบบนี้จะโมโหไหมนะ? เมื่อก่อนตอนที่เขาพิการนั่งอยู่บนรถเข็น ทุกคนต่างก็คิดว่าเขากลายเป็นคนไร้สมรรถภาพ มีเพียงเธอผู้เป็นภรรยาเท่านั้นที่รู้ว่าเขามีความสามารถมากแค่ไหน
แต่ตอนนี้พอเขาลุกขึ้นมาได้ กลับมีคนคิดว่าเขาเป็นคนไร้น้ำยา?
ก็เพราะสีหน้าและแววตาคู่นั้นหลอกลวงคนอื่นได้ แต่เห็นได้ชัดว่าเธอไม่อาจต้านทานความเร่าร้อนและการรุกรานของเขาได้ เขาจะเป็นคนไร้น้ำยาได้อย่างไร?
ส่วนสาเหตุที่เธอหย่ากับเย่โม่เซินงั้นหรือ?
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ดวงตาของหานมู่จื่อก็ดูเยือกเย็นอีกครั้ง ใครจะรู้ว่าชีวิตแต่งงานของพวกเขาไม่เคยมีอยู่จริง? เมื่อห้าปีก่อนเธอเป็นเพียงผู้หญิงคนหนึ่งที่แต่งงานกับเขาในนามเสิ่นโย่ว