เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 627
บทที่ 627 ตอนนี้ยังไม่ใช่แฟน
ในที่สุดก็หมดเวลาทำงาน ถึงเวลาพักแล้ว
หานมู่จื่อจัดเก็บข้าวของ ขณะที่กำลังเตรียมจะลงไปทานข้าวที่โรงอาหาร กลับเห็นชายคนหนึ่งยืนยิ้มอยู่ที่หน้าประตู
“เลิกงานแล้วเหรอ?”
เมื่อเห็นเย่หลิ่นหาน หานมู่จื่อเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเขานัดทานอาหารกลางวันไว้
หล่อนมองเขาด้วยความเลิ่กลั่กทำตัวไม่ถูก คงเป็นเพราะมัวแต่คิดมากอยู่ตลอด จึงทำให้ลืมนัดอาหารกลางวันที่เย่หลิ่นหานเชิญหล่อนไปอย่างสนิท
“อื้ม” หานมู่จื่อพยักหน้าลง
เย่หลิ่นหานกลับหลังหันเดินออกไป เมื่อเดินไปไม่กี่ก้าวกลับไม่เห็นหานมู่จื่อเดินตามมา จึงหันไปมองหล่อน : “ยังไม่ไปอีก?”
“ค่ะ” หานมู่จื่อตั้งสติขึ้นมาได้ จำใจรีบเดินตามเขาไป
หลังจากเข้าไปในลิฟต์ คนหนึ่งยืนข้างหน้า ส่วนอีกคนยืนข้างหลัง หานมู่จื่อคอยรักษาระยะห่างระหว่างตัวเองกับเย่หลิ่นหานไว้เป็นอย่างดี เมื่อลงไปถึงด้านล่างก็ยังคงเดินตามหลังเขาเช่นเดิม
เย่หลิ่นหานกลับไม่พูดอะไร เดินตรงไปเปิดประตูให้หล่อนด้วยความเป็นสุภาพบุรุษ หานมู่จื่อลังเลสักพัก พูดขึ้น : “จะไปไกลรึเปล่าคะ?
ดูเหมือนว่าแถวนี้จะมีร้านอาหาร หรือว่า…หาอะไรทานแถวนี้ก็พอแล้ว? ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เย่หลิ่นหานยิ้ม พูดด้วยเสียงแผ่วเบา : “แม้จะมีคำที่กล่าวว่าอาหารกลางวันไม่ได้สำคัญเท่าอาหารเช้า แต่ก็อย่าถือคติทำอะไรก็ได้แบบนี้เลย ผมว่าห้าปีที่ผ่านมานี้คุณผอมลงไปเยอะเลยนะ ไม่ค่อยได้ทานข้าวดีๆเลยเหรอ? ”
หานมู่จื่อ:“……”
“ไปกันเถอะ ผมจองโต๊ะไว้แล้ว ถ้าไม่ไปคงเสียดายแย่”
เขาพูดมาขนาดนี้แล้ว เห็นได้ชัดว่ากำลังกดดันหล่อนอยู่ หล่อนยังมีเหตุผลที่จะไม่ขึ้นรถได้อีกหรือไม่?
หลังจากที่หล่อนขึ้นไปบนรถ เย่หลิ่นหานแทบจะโน้มตัวลงมารัดเข็มขัดนิรภัยให้หล่อน สีหน้าของหานมู่จื่อเปลี่ยนไปเล็กน้อย รีบพูดขึ้น : “ฉันทำเองได้ค่ะ”
เย่หลิ่นหานก็ไม่ได้ฝืนบังคับหล่อน จึงยิ้มให้ “ครับ”
หลังจากนั้นเขาเดินอ้อมไปอีกด้านหนึ่ง ขึ้นไปนั่งที่คนขับ
ขณะที่นั่งอยู่ในรถของเย่หลิ่นหาน หานมู่จื่อกลับรู้สึกสับสน อึดอัดใจ เย่หลิ่นหานคอยชวนหล่อนคุยตลอดเวลาทีละคำสองคำ
หานมู่จื่อเหลือบมองดูเวลา อดไม่ได้ที่จะถามขึ้น : “ไกลมากงั้นเหรอ?”
เย่หลิ่นหานไม่ตอบ แต่ขับรถเลี้ยวเข้าไป จากนั้นพูดขึ้น : “ถึงแล้วครับ”
หานมู่จื่อตกใจตะลึง ตั้งสติขึ้นมา
“ผมจะขับรถไปจอดที่โรงจอดรถก่อน ตรงนั้นอากาศไม่ค่อยดีเท่าไหร่ คุณลงไปรอผมด้านในก่อนนะ”
“ค่ะ” หานมู่จื่อตอบกลับ จากนั้นลงจากรถเข้าไปรอเขาในร้านอาหาร
หลังจากนั้นประมาณสามนาที เย่หลิ่นหานก็กลับมา พร้อมกับกุญแจรถในมือ “เข้าไปกันเถอะ”
ดูเหมือนว่าเย่หลิ่นหานเป็นลูกค้าประจำของที่นี่ เมื่อเขาเดินนำหานมู่จื่อเข้าไป มีพนักงานเดินตรงเข้ามาหาทันที ทั้งสองเดินตามหลังพนักงาน หานมู่จื่อเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าต้องรักษาระยะห่างกับเขา แต่เขากลับเดินชะลอเพื่อจะเดินพร้อมหล่อน จนทำให้หานมู่จื่อรู้สึกเกรงใจ จึงต้องยอมเดินอย่างปกติ
หลังจากที่เข้าไปในห้องรับรองพิเศษ เย่หลิ่นหานยิ้มและพูดขึ้น : “ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาที่อยู่ต่างประเทศ คงทานแต่อาหารตะวันตกใช่ไหมครับ? รู้สึกไม่คุ้นชินบ้างไหม?”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หานมู่จื่อส่ายหน้า : “ไม่นะคะ อันที่จริงฉันทานอาหารจีนเยอะกว่า”
“ผมทราบดีครับ” เย่หลิ่นหานอดขำไม่ได้ : “คุณชอบอาหารจีนมากกว่า คงไม่รู้สึกอยากทานอาหารตะวันตกหรอก”
หานมู่จื่อเหลือบตามองเขา ไม่พูดอะไรต่อ
พนักงานกลับยิ้มกรุ้มกริ่มออกมา พูดขึ้น: “นี่ถือเป็นครั้งแรกที่คุณหานพาแฟนมาทานข้าวนะคะ”
เย่หลิ่นหานยิ้ม ไม่ปฏิเสธ
แต่หานมู่จื่อกลับขมวดคิ้ว สายตามองไปที่พนักงานอย่างไม่พอใจ : “ขอโทษนะคะ ฉันไม่ใช่แฟนของเขา”
พนักงานตกใจตะลึง สีหน้าเจื่อนหันไปมองเย่หลิ่นหาน
แต่เย่หลิ่นหานกลับไม่โกรธ อธิบายให้หานมู่จื่อฟังด้วยสายตาที่อ่อนโยน : “ตอนนี้ยังไม่ใช่แฟน”
คำพูดอันแสนธรรมดา กลับทลายความไม่ลงรอยของพนักงานกับหานมู่จื่อได้อย่างลงตัว
“ขออภัยด้วยนะคะ ทั้งสองท่านรับอะไรดีคะ?”
หานมู่จื่อนั่งลง ครุ่นคิดถึงคำพูดของเย่หลิ่นหาน
สิ่งที่เย่หลิ่นห่านพูดเมื่อวาน แข่งขันการอย่างเท่าเทียบกัน หรือว่าเขาตั้งใจ?
เขาจะเริ่มจีบตัวเองแล้ว? ไม่เช่นนั้น จู่ๆเขาจะมาถึงที่บริษัทเพื่อเลี้ยงข้าวกลางวันหล่อน?
หานมู่จื่อสั่งอาหารแบบไม่ตั้งใจมากนัก จากนั้นยื่นเมนูให้เย่หลิ่นหาน
เมื่อเทียบกับหล่อนแล้ว ตอนเย่หลิ่นหานสั่งอาหาร เขาดูตั้งใจมาก เขาชี้ไปที่อาหารหลากหลายอย่าง จากนั้นปิดสมุดเมนูลงและเดินไปกำชับพนักงานบางอย่าง
“รับทราบค่ะ คุณหานและคุณผู้หญิงรอสักครู่นะคะ”
หลังจากที่พนักงานออกไป เย่หลิ่นหานก็ลุกขึ้นรินน้ำชาให้หานมู่จื่อ พลางพูดขึ้น : “เมื่อก่อนผมมาร้านนี้บ่อย แต่ทุกครั้งก็มาตัวคนเดียว วันนี้ถือเป็นครั้งแรกที่พาผู้หญิงมาด้วย จึงทำให้พนักงานเข้าใจผิดไป”
นี่เขากำลังอธิบายให้หล่อนฟังอยู่เหรอ?
หานมู่จื่อส่ายหน้า “ไม่เป็นไรค่ะ ยังไงฉันก็อธิบายไปชัดเจนแล้ว”
เย่หลิ่นหานมองหล่อน จู่ๆทั้งสองก็เงียบกริบ ผ่านไปสักพักเขาจึงพูดขึ้น : “อันที่จริง คุณไม่จำเป็นต้องรีบปฏิเสธและอธิบายหรอกนะ”
“หมายความว่ายังไง?” หานมู่จื่อไม่เข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายพูดขึ้น
“เพราะผมเริ่มจีบคุณอย่างเป็นทางการแล้ว แม้ว่าตอนนี้คุณไม่ใช่แฟนของผม แต่ต้องมีสักวัน ที่จะเป็นไปได้”
หานมู่จื่อ : “…”
เห็นได้ชัดว่าชัยชนะอยู่ที่เย่โม่เซินอยู่แล้ว จู่ๆจะมาอยู่ที่เย่หลิ่นหานได้อย่างไร? สายตาของเขามองดูแล้วช่างอ่อนโยนมาก แต่เมื่อพูดออกมากลับดูเข้าข้างตัวเองเกินไป
เมื่อเป็นเช่นนั้น หานมู่จื่อยิ้มด้วยริมฝีปากแดงแจ๋ : “งั้นเหรอ? คุณมั่นใจว่าฉันจะคบกับคุณขนาดนั้นเลย?”
“ผมไม่ได้มั่นใจ แต่ผมจีบคุณอย่างจริงใจจริงๆ ผมอยากปกป้องคุณ มู่จื่อ”
หานมู่จื่อ : “…”
เดิมทีคิดว่าเขาคิดเข้าข้างตัวเอง แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะพูดกับตัวเองเช่นนี้ ทำให้หานมู่จื่อถึงกับหมดคำพูดไปทันที
หล่อนก้มหน้าลง มองดูช้อนส้อมบนโต๊ะ ไม่พูดอะไรต่อ
“ถ้าคุณคบกับผม ผมจะไม่ทำให้คุณถูกทำร้ายจากเรื่องใดๆ ไม่ว่าคุณ หรือเสี่ยวหมี่โต้ว ผมจะพยายามดูแลให้ดีที่สุด”
หานมู่จื่อเงยหน้าขึ้น จ้องหน้าเขา
“คุณก็รู้ว่าเสี่ยวหมี่โต้วเป็นลูกของโม่เซิน ทำไมคุณถึง…”
“ผมไม่ถืออะไร” เย่หลิ่นหานสะบัดข้อมือ รินชาให้ตัวเองหนึ่งถ้วย จากนั้นจิบด้วยท่าทางสง่างาม
“ห้าปีที่ผ่านมาผมไม่เคยคิดถือสาอะไร คุณคิดว่าห้าปีต่อไปผมต้องสนใจด้วยเหรอ? สิ่งที่ผมสนใจมีแค่คุณเท่านั้น”
“แต่ฉันไม่ใช่” หานมู่จื่อพูดแทรกขึ้น “ตอนนี้สิ่งที่ฉันให้ความสนใจไม่ใช่ตัวเอง แต่คือลูกของฉัน”
เย่หลิ่นหานหยุดชะงักไป ลองถามขึ้น : “คุณกลัวว่าผมจะปฏิบัติตัวกับเขาไม่ดี?”
หานมู่จื่อไม่พูดอะไรต่อ แต่หล่อนรู้สึกว่า บนโลกนี้จะมีใครที่ไม่อยากมีลูกเป็นของตัวเองไหม? ใครจะไปเลี้ยงลูกของคนอื่นแทนพ่อแม่ที่แท้จริง มากไปกว่านั้นบุญคุณของเย่หลิ่นหานกับเย่โม่เซินมีมากจนไม่สามารถพูดได้ทั้งหมด
คิดถึงตอนนี้ หานมู่จื่อส่ายหน้า
“ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ฉันหมายความว่า…”
“โอเค ตอนทานข้าวไม่พูดเรื่องนี้กันแล้วนะ ผมจะดูแลคุณอย่างไร ต่อไปคุณก็จะรู้เอง ความจริงใจต้องใช้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ ต่อไป…ผมยังมีเวลาให้คุณได้พิสูจน์อีกเยอะแยะมากมาย”