เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 650
บทที่650 ความลับที่เป็นของพวกเขาทั้งสอง
เย่โม่เซินไม่คิดจะปล่อยเธอ จับมือขอบเธอไว้ “อยากจะจับไม่ใช่เหรอ จับสิ”
เธอจะกล้าทำสักที่ไหน ถ้าจับครั้งหนึ่ง เกรงว่าตัวเองคงต้องชดใช้อย่างมากมายแน่ๆ
จนถึงตอนนี้เธอก็ยังรู้สึกไม่สบายตัวอยู่ คงจะทนแรงกระแทกของเย่โม่เซินอีกไม่ไหว อย่าว่าแค่ไม่กี่ครั้งเลย แค่ครั้งเดียวเธอก็ยังรู้สึกว่าตัวเองคงรับไม่ไหวแน่
พอคิดถึงตรงนี้ เธอก็ยิ้มอย่างเลิ่กลั่ก ตอนที่พยายามดึงมือกลับมาก็พูดขึ้นว่า “คือว่า……ปล่อยตัวเกินไป ก็ไม่ค่อยดี ฉันว่าช่างมันดีกว่านะ……”
ปลายประโยคยังไม่ทันได้ออกเสียง เย่โม่เซินก็ดึงมือเธอไปจับใบหูที่แดงของเขาแล้ว
หานมู่จื่อชะงักอยู่กับที่ มองดูเย่โม่เซินที่อยู่ตรงหน้าอย่างตะลึงงัน
คนๆนี้……เป็นโจรหรือไง? ? ?
“จับก็จับแล้ว ยังจะช่างอีกเหรอ ?”
เย่โม่เซินเบียดลงมา ริมฝีปากบางเย็นเฉียบประทับลงบนซอกคอของเธอ ลมหายใจค่อยๆร้อนขึ้น
“เรื่องยุ่งยากพวกนี้ก็คลี่คลายแล้ว ตอนนี้เธอคงเชื่อใจฉันแล้วใช่ไหม”
หานมู่จื่อชะงักไปครู่หนึ่ง มือเผลอโอบรอบคอของเย่โม่เซินโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะพูดเสียงเบาว่า “ที่จริงแล้ว……”
“อืม ?”
เธอลังเลอยู่ครู่ใหญ่ แต่ก็ไม่ได้พูดออกมา
“ไม่มีอะไร”
“เป็นอะไรไป ?” คำพูดของเธอหยุดไปทำให้เย่โม่เซินกังวลใจขึ้นมาอีกครั้ง คิดถึงเมื่อคืนตอนที่เธอหลับไปพร้อมกับคราบน้ำตา เขาก็ร้อนรนขึ้นมาอีกครั้ง ความร้อนรุ่มก็ลดลงตามหลายระดับ
เขาถอยออกมา แล้วมองจ้องตาเธออย่างจริงจัง
“มีเรื่องอะไร ก็บอกฉันมา”
หานมู่จื่อส่ายหน้า “ไม่มีอะไรจริงๆ เมื่อกี้ฉันก็แค่เหม่อ”
ที่จริงเธอคิดจะพูดว่า เธอเชื่อเขามาตั้งแต่แรกแล้ว แต่ก็รู้สึกว่าในสถานการณ์แบบนี้พูดไปก็คงไร้ความหมาย เธอก็เลยไม่อยากพูดออกมา
เงียบอยู่สักพัก เธอก็พูดอีกว่า “ฉันเชื่อคุณนะ”
เย่โม่เซินจ้องเธออย่างจริงจัง เหมือนว่ากำลังกังวลอะไรอยู่
“แล้วเรื่องเมื่อคืน……”
“เมื่อคืนทำไมเหรอ ?”
เห็นแววตาเธอชัดเจน เช้านี้ก็แสดงออกอย่างกระตือรือร้น เย่โม่เซินเลยรู้สึกว่าตัวเองอาจจะคิดมากไปก็ได้
เพราะใส่ใจมากเกินไป เลยกังวลได้ขนาดนี้อย่างนั้นหรือ
ในโลกธุรกิจ เขามองกลยุทธ์ออก แต่พออยู่ต่อหน้าผู้หญิงที่ตัวเองรัก เย่โม่เซินกลับมองอะไรไม่ออกเลย
ความคิดของผู้หญิง……
เย่โม่เซินสูดหายใจเข้าลึกๆครั้งหนึ่ง แล้วดึงเธอเข้ามาสู่อ้อมกอด น้ำเสียงหดหู่ “ไม่มีอะไร”
ซุกอยู่ในอ้อมกอดเขา หานมู่จื่อกะพริบตาปริบๆ “ตั๋วเครื่องบินขากลับ คุณซื้อหรือยัง”
“ยังไม่ได้ซื้อ”
“คุณไม่คิดจะกลับไปเหรอ” หานมู่จื่อเงยหน้า คิ้วงามเลิกสูงขึ้น “ถ้ายังไม่กลับไปอีก บริษัทของคุณจะไม่วุ่นแย่เหรอ”
“ที่บริษัทมีเซียวซู่อยู่ ไม่เป็นไรหรอก”
แต่ว่า……”
“กว่าจะได้มาที่ๆเดียวกับฉันไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลยนะ ไม่คิดจะออกไปดูหน่อยเหรอ”
เย่โม่เซินเริ่มล่อลวงเธออีกแล้ว
ความหมายของเขาก็คือ ให้ไปเที่ยวกับเขาสินะ ถ้าไปเที่ยวกันสองคนล่ะก็ ที่จริงแล้วหานมู่จื่อก็รู้สึกใจเต้นอยู่บ้าง แต่ว่า……ตอนนี้เธอเพิ่งคืนดีกับเขาได้ไม่นาน คงไม่สามารถทิ้งเรื่องของบริษัทกับเรื่องที่บ้านไว้ได้หรอก
พอคิดถึงจุดนี้ หานมู่จื่อก็ส่ายหน้า “ครั้งหน้าเถอะ ครั้งนี้……ไม่ค่อยสะดวก ฉันออกจากประเทศมากะทันหัน มีเรื่องหลายอย่างที่ยังจัดการไม่เสร็จ”
“เรื่องอะไร ให้ฉันช่วยเธอจัดการไหม”
หานมู่จื่อ “……ไม่ต้องหรอก ฉันจัดการเองก็พอ”
“มู่จื่อ……” เย่โม่เซินพิงอยู่ตรงซอกคอของเธอ เรียกชื่อเธอด้วยเสียงทุ้มต่ำ เขาจงใจกดเสียงแหบพร่าของตัวเองให้ต่ำลง ในน้ำเสียงก็มีความเย้ายวนแฝงอยู่
ดังนั้นเสียงนี้จึงเหมือนเสียงของไวน์เข้มข้นกลิ่นหอมหวานที่ไหลผ่านลำคอ ทำให้คนไม่สามารถหยุดยั้งได้
หัวใจของหานมู่จื่อสั่นสะท้าน อยากจะยืนยันความคิดของตัวเอง
“ไม่ ไม่ไปแล้ว จริงๆนะครั้งหน้าค่อยไปกันเถอะ”
“ไม่ไปจริงๆเหรอ โอกาสไม่ได้หาได้ง่ายๆนะ……”
หานมู่จื่อไม่คิดจะฟังเขาพูดต่อ เลยผลักเขาออก จากนั้นก็เข้าไปในห้องนอน
พอเข้ามาในห้องแล้ว หานมู่จื่อก็ตรงเข้าไปในห้องอาบน้ำทันที จากนั้นก็ใช้สำลีเช็ดเครื่องสำอางออก ยังไงวันนี้ก็ไม่มีเรื่องอะไรให้ทำอยู่แล้ว เธอไม่ชินกับการมีเครื่องสำอางติดอยู่บนหน้า มักจะรู้สึกเหมือนกำลังใส่หน้ากากอยู่ตลอดเวลา ทำให้รู้สึกไม่สบายตัว
พอล้างเครื่องสำอางออกแล้ว หานมู่จื่อก็ไปเก็บของ แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูตั๋วเครื่องบิน
และเย่โม่เซินก็เดินเข้ามาพอดี หานมู่จื่อเลยพูดกับเขาว่า “ตั๋วห้าโมงเย็นยังเหลืออยู่ จองเลยดีไหม”
เธอก็แค่ถาม แต่ไม่ได้หันกลับไปมอง ก็เลยไม่เห็นว่าเย่โม่เซินกำลังขมวดคิ้วอยู่
“ทำไมถึงรีบร้อนขนาดนั้น”
“ฉันบอกแล้วไง ว่าครั้งนี้มันกะทันหันไป มีหลายเรื่องที่ยังจัดการไม่เรียบร้อย คุณจะให้ฉันอยู่ต่อจริงเหรอ”
เย่โม่เซินฟังออกว่าน้ำเสียงของเธอเริ่มเบื่อหน่าย สุดท้ายเลยรู้สึกว่าตัวเองพยายามเรียกร้องมากเกินไป เขาถึงได้รู้ตัว
“ได้ ฉันจะให้คนไปจองตั๋วเครื่องบิน”
“ไม่ต้องหรอก คุณเอาบัตรประจำตัวคุณมาสิ ฉันจะได้จองให้เลย”
เย่โม่เซินเดินเข้าไป แล้วแจ้งเลขประจำตัวให้เธอ
หานมู่จื่อรวดเร็วมาก ตั๋วทั้งสองใบถูกจองไว้เรียบร้อยแล้ว เธอเบ้ปากอีกครั้ง “ถ้ารู้ว่าจะต้องออกจากบ้านตอนบ่ายคงไม่ล้างเครื่องสำอางแล้ว”
“ตอนบ่ายค่อยแต่งใหม่ก็ได้ ยังไงจะแต่งหน้าหรือไม่แต่งก็ไม่ได้มีอะไรแตกต่าง”
หานมู่จื่อคิดไปคิดมา ก็รู้สึกว่าไม่แต่งหน้าดีกว่า ถึงตอนนั้นก็สวมหน้ากากก็พอ ยังไงก็ไม่ได้ไปทำงานอยู่แล้ว
พอถึงเวลา ทั้งสองคนก็ไปเช็คเอาท์ แล้วไปสนามบิน
ก่อนจะกลับไป หานมู่จื่อก็ส่งข้อความไปให้เสี่ยวเหยียน บอกว่าตัวเองขึ้นเครื่องตอนห้าโมงเย็น อาจจะถึงบ้านช่วงกลางดึก
เสี่ยวเหยียนได้ยินว่าเธอจะกลับมา ก็รีบส่งข้อความมาหาเธอ บอกว่าเสี่ยวหมี่โต้วอยากได้ของฝาก
ของฝาก ?
พอเห็นคำนี้แล้ว หานมู่จื่อก็ชะงักไป ครั้งนี้เธอออกมาอย่างรีบร้อน จะเอาเวลาที่ไหนไปเลือกซื้อของฝากให้เสี่ยวหมี่โต้ว ?
หานมู่จื่อกำลังคิดจะพิมพ์ข้อความปฏิเสธกลับไป จู่ๆด้านข้างก็มีมือยื่นมา หยิบโทรศัพท์ของเธอไป จากนั้นก็พิมพ์ข้อความไปสองคำ
โอเค
หานมู่จื่อ “…..คุณทำอะไรเนี่ย”
เธอคิดจะแย่งโทรศัพท์กลับมา “ตอนนี้พวกเราอยู่ในสนามบินแล้วนะ จะมีเวลาไปหาของฝากสะที่ไหน”
เย่โม่เซินขยับปาก ท่าทางลึกลับ
“ฉันซื้อแล้ว”
“คุณ……คุณซื้อแล้ว?” หานมู่จื่อตะลึงเล็กน้อย “คุณไปซื้อของฝากตอนไหน ทำไมฉันถึงไม่รู้ อีกอย่าง……”
“ของฝาก จะให้ตอนที่ผมไปเจอเขา”
เย่โม่เซินกดล็อกหน้าจอ แล้วส่งมือถือคืนให้เธอ ฉวยโอกาสดึงข้อมือเธอเข้ามาในอ้อมอกของเขา
“ยังไงฉันก็เป็นแด๊ดดี้ของเขาแล้ว ก็ต้องเตรียมของขวัญสำหรับการพบหน้าอยู่แล้วสิ”
หานมู่จื่อรู้สึกไม่ชอบมาพากล ทำไมเขาถึงเตรียมของขวัญได้เร็วขนาดนี้ ทั้งๆที่หลายวันที่ผ่านมาพวกเขาอยู่ในโรงแรมด้วยกันตลอด วันนั้นตอนเขาออกไปก็ไม่เห็นว่าเขาจะมีอะไรติดมือกลับมาด้วย
เธอรู้สึกสงสัยเล็กน้อย “คุณเตรียมของขวัญอะไรไว้ ให้ฉันดูหน่อยได้หรือเปล่า”
“ทำไม ?” เย่โม่เซินยักคิ้ว “ของขวัญของลูกชายเธอก็จะแย่งเหรอ”
หานมู่จื่อ “ใครบอกว่าฉันจะแย่ง ก็แค่สงสัยอยากดูนิดหน่อย”
“ไม่ได้” เย่โม่เซินเม้มปาก แล้วค่อยๆยกขึ้น “นี่เป็นความลับระหว่างฉันกับลูก เธอห้ามรู้”
หานมู่จื่อ “……ก็ได้”
เหมือนจะเห็นภาพรางๆ เหมือนว่าถ้าทั้งสองพ่อลูกได้เจอกันแล้ว คนเป็นแม่อย่างเธอคงต้องถูกทิ้งแน่ๆ