เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 669
บทที่ 669 นายกำลังพูดแทนแม่ของนาย
“ไม่โทรแล้วเหรอ?” จางเสี่ยวเหยียนเก็บโทรศัพท์ขึ้นมา “ถ้าเช่นนั้นเสี่ยวหมี่โต้วทำยังไง? คุณชายเย่เขา……”
“ไม่เป็นไร”
หานมู่จื่อยิ้มเล็กน้อย “พาไปก็พาไปเถอะ เขาเพิ่งรู้เรื่องนี้ มักจะต้องการเวลาไปเข้าใจความจริงสักหน่อย อีกทั้ง……เสี่ยวหมี่โต้วก็ไม่ได้โง่ขนาดนั้น อย่างไรเสียไม่ว่ายังไงก็คือพ่อของเขา ก็จะไม่ทำร้ายเขา”
เมื่อได้ฟังหานมู่จื่อพูดเช่นนี้แล้ว จางเสี่ยวเหยียนก็ไม่พูดอะไรอีก ทำได้เพียงพยักหน้าแล้วพยักหน้าอีก
“ก็ได้ ในใจตัวเธอเองมีการตัดสินใจก็ได้”
“ไปนอนเถอะ อย่าวิ่งออกมาอีกแล้ว”
“ก็ได้ ราตรีสวัสดิ์”
จางเสี่ยวเหยียนได้ลูบคลำโทรศัพท์ไว้และเดินกลับไป เดินไปแล้วกี่ก้าวก็ได้ยินถึงเสียงของหานมู่จื่อที่อยู่ด้านหลังดังขึ้น
“เธอจำไว้ ห้ามแอบส่งข่าวเรื่องนี้ไปบอกพี่ชายฉัน ฉันรู้ว่าเธอทำเพื่อฉัน เพียงแต่ว่า……เรื่องของฉันไม่ต้องบอกเขาทุกครั้ง”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ จางเสี่ยวเหยียนรู้สึกว่าหลังของตัวเองได้แข็งทื่อไปแล้วครู่หนึ่ง หลังจากนั้นเธอก็พยักหน้าแล้วพยักหน้าอีก
“ฉันรู้แล้ว!”
*
เย่โม่เซินเพิ่งจะเอารถขับออกไป เสี่ยวหมี่โต้วที่ได้นั่งอยู่ตรงเบาะข้างคนขับก็ได้เปิดปากแล้วด้วยน้ำเสียงที่เหนียวนุ่ม
“คุณอาต้องการพาฉันไปไหน?”
มือที่ได้กุมพวงมาลัยรถของเย่โม่เซินอยู่ได้สั่นไปแล้วครู่หนึ่ง เขาได้เอียงลูกตาดำมองไปยังคนรุ่นเล็กที่นั่งอยู่เบาะข้างคนขับแวบหนึ่ง น้ำเสียงก็ได้มีความอ่อนโยนโดยที่ตัวเองก็ไม่ได้ค้นพบ
“ไม่ใช่ว่าพูดแล้วเหรอ? ไม่ต้องเรียกคุณอา ต้องเรียกว่าพ่อ”
เสี่ยวหมี่โต้วได้กะพริบตาและมองเขาไว้ด้วยใบหน้าที่ไร้เดียงสา
“อืม? เรียกพ่อคำหนึ่งมาฟังๆ?” หลังจากที่พูดประโยคนี้จบ เย่โม่เซินก็รู้สึกว่าความถี่ของลมหายใจของตัวเองได้เพิ่มขึ้นมาไม่น้อยแล้ว แต่ว่าก็ได้กลั้นลมหายใจรอไปนานมากแล้ว ก็ไม่ได้ยินถึงน้ำเสียงที่เหนียวนุ่มว่าพ่อแม้แต่คำหนึ่ง ที่มีก็มีเพียงการเงียบไม่พูดกับความเงียบสงบ
เย่โม่เซินอดไม่ไหวได้เอียงลูกตามองไปทางเสี่ยวหมี่โต้วแวบหนึ่ง
“ทำไมไม่ส่งเสียงออกมา?”
เสี่ยวหมี่โต้วได้เม้มปากเล็กๆแล้วเม้มอีก หลังจากนั้นก็ได้พูด: “ฉันไม่เรียก”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เย่โม่เซินรู้สึกหายใจไม่สะดวก
“ทำไม?”
“แม่ไม่ได้บอกว่าคุณคือพ่อ เสี่ยวหมี่โต้วไม่สามารถเรียกมั่วๆได้”
ที่แท้เป็นเช่นนี้ เย่โม่เซินได้หัวเราะแล้วหัวเราะอีกอย่างจืดจาง: “แต่ว่าแม่ของนายก็ไม่ได้พูดว่าฉันไม่ใช่พ่อของนาย อีกทั้งนายดูพวกเรามีรูปร่างหน้าตาเหมือนกันเช่นนี้ หากว่าฉันไม่ใช่พ่อของนาย ยังมีใครที่เป็นพ่อของนายอีก?”
เมื่อพูดประโยคนี้จบ หนุ่มน้อยก็ได้เข้าใกล้จ้องมองเขาไว้อย่างละเอียดจริงๆ มองแล้วมองอีก หลังจากนั้นก็กลับไปนั่งแล้ว และมือเล็กๆได้กอดอกไว้ เป็นภาพท่าทางของผู้ใหญ่ตัวเล็ก
“ไม่ได้ ก็แม้ว่าคุณกับเสี่ยวหมี่โต้วจะมีรูปร่างหน้าตาเหมือนกันไม่มีผิด เสี่ยวหมี่โต้วก็ไม่สามารถเรียกคุณว่าพ่อได้”
“……นี่……ก็คือทำไม?”
“เชอะ ก็แม้ว่าคุณจะเป็นพ่อของฉันจริงๆ ฉันก็ไม่ต้องการให้คุณเป็นพ่อของเสี่ยวหมี่โต้ว”
คำพูดนี้เหมือนกับลูกธนูด้ามหนึ่งที่ได้แทงเข้าไปอยู่ภายใต้จิตใจของเย่โม่เซิน พอดิบพอดีกับตรงหน้าได้เป็นไฟแดง เขาได้นำรถจอดลงมาแล้ว หลังจากนั้นก็ได้มองไปทางเสี่ยวหมี่โต้ว
“สามารถบอกเหตุผลกับฉันได้ไหม?”
ได้เผชิญหน้ากับใบหน้านี้ที่อยู่ตรงหน้าที่มีหน้านาเหมือนกับตัวเองจนเกินไป ตอนนี้เย่โม่เซินมองก็ยังคงรู้สึกแปลกๆ ในใจก็มีความรู้สึกประเภทที่แปลกประหลาดประเภทหนึ่ง
คนสนิทของเขาที่อยู่บนโลกนี้ มีเหลือเพียงส้งอานคนหนึ่ง
แม้ว่าจะดูเหมือนว่าไม่ได้มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกันตรงๆ แต่……ในสายเลือดก็ได้มีความใกล้เคียงอยู่หน่อยเช่นนั้น
แต่ว่าวันนี้ได้มีหนุ่มน้อยที่ในร่างกายมีเลือดของเขามากขึ้นมาคนหนึ่ง
ความรู้สึกประเภทนี้คือทำให้คนรู้สึกทั้งตื่นเต้นดีใจทั้งมหัศจรรย์จริงๆ
“เชอะ ตั้งแต่ตอนเสี่ยวหมี่โต้วเกิดก็คือแม่ที่ได้ดูแลฉันมาตลอด เสี่ยวหมี่โต้วก็ห้าขวบแล้ว พ่อก็ได้วิ่งออกมาอย่างกะทันหัน ทำไมเสี่ยวหมี่โต้วจะต้องยอมรับคุณเป็นพ่อ? ฉันไม่ต้องการ!”
เมื่อพูดจบ เขาก็บิดหัวไปอย่างแค้นใจ เหมือนกับได้โกรธแล้ว
เมื่อได้ยินคำพูดพวกนี้ของเขา เย่โม่เซินกลับได้เงียบไม่พูดจาอย่างกะทันหันแล้ว
เวลาห้าปี ก็เป็นมู่จื่อดูแลเสี่ยวหมี่โต้วมาโดยตลอด พ่ออย่างเขาคนนี้กลับอยู่ไกลข้ามฟ้า ไม่เคยได้เจอหน้าของลูกชายตัวเอง ไกลจนกระทั่งหน้าที่เพียงน้อยนิดก็ไม่ได้บรรลุถึง
ผู้หญิงคนเลี้ยงดูเด็กคนหนึ่ง……
หากว่าเขาไม่เคยผ่านประสบการณ์ด้วยตัวเอง เย่โม่เซินคือก็จะไม่รู้ว่านี่เป็นเรื่องหนึ่งที่ลำบากมากแค่ไหน
แต่เขาเคยผ่านประสบการณ์มาโดยเฉพาะ เพราะว่าตอนเด็ก แม่ของเขาก็เลี้ยงดูเขาข้ามผ่านชีวิตที่ยากลำบากมีด้วยตัวคนเดียว วันเวลาของตอนนั้นมีความทุกข์ยากแค่ไหนเย่โม่เซินคือรู้
“หนุ่มน้อย” เย่โม่เซินได้ส่งเสียงเรียกเขาออกมาประโยคหนึ่งอย่างกะทันหัน
“ทำอะไรเหรอ?” เสี่ยวหมี่โต้วได้บิดหัวเข้ามา มองเย่โม่เซินไว้
เย่โม่เซินเห็นเขาเป็นแบบนี้ ริมฝีปากปากๆก็ได้ยกขึ้นช้าๆ: “นายนี้คือกำลังพูดแทนแม่ของนาย?”
เสี่ยวหมี่โต้วได้ส่งเสียงไม่พอใจออกมาเสียงหนึ่ง: “แม่ไม่ต้องการให้ฉันพูดแทนแม่ แม่เดิมทีก็ดีมากดีมาก”
“แน่นอนว่าฉันรู้ว่าแม่นายดี” เย่โม่เซินได้พูดออกมาแล้วประโยคหนึ่งด้วยความจนปัญญา
“แต่ว่าพ่อก็ไม่ใช่คนเลว 5ปีก่อนหน้านี้ที่ไม่ได้ดูแลนายก็คือความผิดของพ่อ ดังนั้น……ตอนนี้พ่อได้ผิดไปแล้ว หลังจากนี้จึงได้คิดที่จะดูแลนายด้วยตัวเองเพื่อชดเชย นายจะตอบรับไหม?”
ปึ๋ง——
เสียงพูดเพิ่งจะตกหล่นออก เสียงกดแตรทางด้านหลังก็ได้ส่งเข้ามา ที่แท้คือไฟแดงได้ผ่านไปแล้ว และตอนนี้ได้เป็นไฟเขียวแล้ว แต่ว่าเขาเพราะว่าพูดกับเสี่ยวหมี่โต้วจึงได้แบ่งความสนใจไป
เมื่อคิดถึงตรงนี้เย่โม่เซินก็ได้นำรถขับออกไป และด้านหนึ่งก็ได้พูด: “ได้แล้ว คำพูดพวกนี้รอหลังจากกลับบ้านพ่อค่อยพูดกับนาย นายห้ามเรียกคุณอาอีกแล้ว ต้องเปลี่ยนคำเรียกพ่อ”
เสี่ยวหมี่โต้วนั่งกะพริบตาอยู่ตรงนั้น ดูแล้วก็น่ารักไร้เดียงสา แต่ภายใต้สายตากลับมีความปลิ้นปล้อนเหลี่ยมจัดที่ไม่มีคนรู้หนึ่งข้ามผ่านมา
เชอะ 5ปีก็ไม่ได้บรรลุถึงหน้าที่ของพ่อคนหนึ่ง เมื่อพบหน้าก็ต้องการยอมรับลูกชาย ที่พ่ออย่างเขาคนนี้ทำไม่มาก ที่คิดกลับก็คือสวยงามไปหน่อย
และยังพาเขาออกมา เห็นได้ชัดมากว่าโกรธกับหม่ามี๊อยู่!
แม่ของเขาดีเป็นที่หนึ่งบนโลกนี้
คาดไม่ถึงว่ายังโกรธแม่ของเขา! ผู้ชายเลว!!!
เสี่ยวหมี่โต้วได้ด่าไปแล้วประโยคหนึ่งด้วยความไม่พอใจอยู่ในใจ และได้เคาะตีดั่งดีดลูกคิดรางแก้วอยู่ในใจ
พ่อสารเลว ทำร้ายให้แม่ได้รับความไม่เป็นธรรมมากเช่นนั้น เขาจะต้องคิดเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยแทนแม่ ทวงกลับมาสิบเท่าร้อยเท่า
เห็นได้ชัดว่าคืนนี้ก็ได้ดึกแล้ว แต่ว่าเย่โม่เซินยังคงได้ขับรถนานมาก และนำเสี่ยวหมี่โต้วพาไปที่วิลล่าไห่เจียงแล้ว
คนเฝ้าประตูกี่คนตอนที่ได้เห็นถึงรถของเย่โม่เซินกลับมาแล้วก็ยังมีความประหลาดใจอยู่บ้าง วันเวลานี้ยังไม่ถึงทำไมเขาได้กลับมาที่วิลล่าไห่เจียง? หรือว่าคือได้พาคุณนายน้อยกลับมาแล้ว?
แต่เมื่อหลังจากที่รถได้ผ่านไป พวกเขากี่คนก็ได้ใจลอยอยู่ตรงที่เดิมอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งหลังจากนั้นสิบวินาทีกว่า พวกเขาถึงได้มีปฏิกิริยาตอบโต้กลับมาทั้งหมด
“เห้ย? สายตาของฉันเสียไปแล้วเหรอ? เมื่อกี้มีคนนั่งอยู่ที่เบาะข้างคนขับใช่ไหม? ฉันมองไม่ผิดใช่ไหม?”
“ฉันรู้สึกว่าฉันเจอผีแล้ว……เบาะข้างคนขับของคุณชายเย่ ดูเหมือนว่าจะมีเด็กคนหนึ่ง???”
“เฮ้ย! พูดไม่เป็นมงคลเช่นนั้น คุณชายเย่เป็นถึงมังกรในหมู่ชน เป็นผู้ประสบความสำเร็จ จะเจอผีได้ยังไง? เมื่อกี้……เด็กคนนั้นคือใคร?”
“ไม่ถูก!!!เมื่อกี้เด็กคนนั้นเห็นได้ชัดว่ามีรูปร่างหน้าตาเหมือนกับคุณชายเย่ไม่มีผิด!!!”
“เห้ย!!!หรือว่านี่คือลูกชายของคุณชายเย่??” คนกี่คนได้มองหน้ากันอย่างเลิกลั่น ทันใดนั้นก็ได้เงียบไม่พูดจาแล้ว
ผ่านไปครู่ใหญ่ๆ คนกี่คนก็ได้ส่งเสียงด้วยความตื่นตกใจออกมาในเวลาเดียวกัน
“คุณชายเย่มีลูกชายตั้งแต่ตอนไหน??”
และเวลานี้ รถของเย่โม่เซินก็ได้จอดลงมาแล้ว หลังจากนั้นก็ได้เปิดประตูรถให้กับเสี่ยวหมี่โต้ว ตอนที่เสี่ยวหมี่โต้วลงรถ เขายังได้ยื่นมือขึ้นไปบังหลังคารถเสี่ยวหมี่โต้วอย่างระมัดระวัง เพื่อป้องกันไปโดนเขา