เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 677
บทที่677 อย่าร้องเลย
พอเห็นเขานิ่งเงียบ หานมู่จื่อก็รู้สึกผิดหวังมาก เธอยิ้มเศร้า
“สามวัน เวลาสามวันยังไม่พอให้คุณได้คิดทบทวนอีกเหรอคะ คุณคิดว่าเรื่องนี้สำคัญมากกว่าเรื่องที่พวกเราคบกันอีกเหรอคะ”
เย่โม่เซินเม้มปาก และมองหน้าเธอนิ่ง
หานมู่จื่อหยิบโทรศัพท์ออกมาต่อหน้าเขา ก่อนจะยื่นไปให้เขา “ในเมื่อคุณข้ามกำแพงนี้ไม่ได้ งั้นพวกเราก็…”
“คุณอยากจะพูดว่าอะไร”
เสียงเยือกเย็นดังขึ้นมาขัดคำพูดของเธอซะก่อน หานมู่จื่อเงยหน้าขึ้นมอง พอเห็นสีหน้าของเย่โม่เซินที่เปลี่ยนเป็นวาวโรจน์ มองมาที่เธอนิ่ง
หานมู่จื่อยิ้มย่อง แล้วพูดอย่างเรียบง่าย
“ฉันอยากจะพูดว่าอะไรอย่างนั้นเหรอคะ คุณน่าจะรู้ดีที่สุดนี่คะ หลายวันมานี้… ที่ฉันไม่มาหาคุณ เพราะอยากให้เวลาคุณคิดทบทวนความรู้สึกของตัวเอง ถ้าในเวลาสามวันนี้ยังไม่เพียงพอให้คุณเข้าใจตัวเองอีก ฉันคิดว่าต่อจากนี้ไปคุณก็ไม่จำเป็นต้องคิดแล้วค่ะ อันดับแรกฉันมีเรื่องบางเรื่องต้องพูดกับคุณให้เข้าใจ ฉันเป็นคนคลอดเสี่ยวหมี่โต้วออกมา ถึงแม้คุณจะเป็นพ่อแท้ๆของเขา แต่คุณไม่มีสิทธิ์จะมาแย่งเขาไป”
พอได้ยินอย่างนี้ เย่โม่เซินก็ขมวดคิ้วขึ้น ก่อนจะมองด้วยสายตาโมโห
“คุณพูดอีกครั้งสิ”
ผู้หญิงคนนี้กล้าคิดจะเลิกกับเขาเลยเหรอ
สายตาดุกร้าวของเขา หานมู่จื่อสบตาโดยไม่คิดจะหลบตา
“ฉันพูดผิดตรงไหนเหรอคะ ตลอดห้าปีที่ผ่านมา คุณไม่เคยทำหน้าที่ของพ่อเลย คุณมีสิทธิ์อะไรมาแย่งลูกไปจากฉัน คุณไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะเป็นพ่อของเขาด้วยซ้ำ”
เย่โม่เซิน “…”
ดวงตาสีนิลบอกตาโต สักพัก เย่โม่เซินก็เหมือนจะโมโหจนหัวเราะออกมา “ดังนั้นที่คุณให้เวลาผมคิดทบทวนสามวัน ตอนนี้คุณก็มาบอกว่าจะเลิกกับผม คุณคิดทุกอย่างไว้หมดแล้วอย่างนั้นเหรอ”
หานมู่จื่อไม่ตอบคำถาม เธอกัดริมฝีปากของตัวเองแน่น
เธอไม่ได้จะมาบอกเลิกกับเขา เดิมทีเธอคิดจะมาหาเขา ดูว่าเขาเป็นยังไงบ้าง แต่พอเห็นท่าทางนิ่งเฉยของเขา เธอก็รู้สึกน้อยใจมาก
สามวันมานี้ เขาไม่โทรหาเธอเลย เหมือนหายตัวไปกะทันหัน แล้วเธอล่ะ
มีแค่เขาที่รู้สึกว่าตัวเองเสียใจคนเดียวหรือไง แล้วเธอไม่เสียใจเหรอ มีเรื่องเกิดขึ้นตั้งมากมาย ไม่ใช่จะมีแค่เขาที่ถูกปิดบังเรื่องทุกอย่างอยู่คนเดียว เธอเองหลังจากที่คลอดเสี่ยวหมี่โต้วแล้ว ถึงได้รู้เรื่องนี้ และค่อยๆยอมรับความจริงเรื่องนี้ช้าๆ
พอคิดถึงตรงนี้ หานมู่จื่อก็ขอบตาเริ่มแดง เธอได้สติกลับมา ก่อนจะรีบหันหลังให้เย่โม่เซินไม่กล้ามองหน้าเขาอีก
“ใช่ค่ะ ฉันคิดไว้หมดแล้ว ในเมื่อคุณข้ามกำแพงนี้ไม่ได้ งั้นก็ช่างมันเถอะค่ะ ตลอดห้าปีที่ผ่านมาไม่มีคุณ ฉันก็ยังอยู่ได้ เดิมทีฉันก็ไม่คิดว่าจะได้กลับมาคบกับคุณอีกครั้ง ถ้าไม่ใช่เพราะว่า… อ๊ะ…”
คำพูดยังพูดไม่ทันจบ เย่โม่เซินก็จับไหล่ของเธอ แล้วพลิกกลับมาเผชิญหน้ากับเขา ก่อนจะพูดเสียงเข้ม “เหมือนกับว่าผมเป็นคนบังคับจิตใจคุณมาตลอดใช่ไหม”
ตอนที่เห็นใบหน้าที่แสนงดงามของเธอเต็มไปด้วยน้ำตา เย่โม่เซินก็ชะงักไปทันที ความรู้สึกที่เขาพยายามสร้างเกาะป้องกันขึ้นมาในหลายวันนี้ แตกสลายไปทันทีที่เห็นน้ำตาของเธอ
“คุณ…”
นี่เธอร้องไห้เหรอ
อีกทั้งยังดูเสียใจมาก หรือว่า… ที่เซียวซู่พูดจะเป็นเรื่องจริง คนที่ได้รับความทุกข์ใจมากที่สุด ก็คือเธอ
หัวใจของเขาเหมือนถูกของแหลมคมทิ่มแทง เย่โม่เซินหายใจติดขัด ยังไม่ทันที่เขาจะได้สติ หานมู่จื่อก็ผลักเขาออกห่างแล้ว
“เดิมทีก็เป็นคุณที่บังคับจิตใจฉัน คุณเป็นคนปรากฏตัวต่อหน้าฉันมาตลอด ฉันไม่เคยขอร้องให้คุณวิ่งตามหลังฉัน ตอนไปต่างประเทศ ก็เป็นคุณเองที่พาฉันไป โดยไม่แม้แต่จะถามความคิดเห็นของฉัน คุณบอกว่าอยากจะรับลูกเอง คุณจะไม่สนใจฉันคุณก็ไม่สนใจ… คุณ…”
พอพูดถึงเรื่องที่เสียใจ น้ำตาก็ไหลออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่
เย่โม่เซินยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาให้
แปล๊บ
หยดน้ำตาร้อนสัมผัสเข้าสู่ฝ่ามือของเย่โม่เซิน เหมือนกรีดหัวใจของเขาอย่างรุนแรง
ที่จริงแล้วส่วนน้อยที่หานมู่จื่อจะร้องไห้ต่อหน้าเขา ถึงจะอยากร้องไห้ เธอก็แค่ขอบตาแดง แต่วันนี้เธอกลับร้องไห้ออกมาต่อหน้าเขา ดวงตาแดงเหมือนกระต่ายน้อย หยดน้ำตาเหมือนเม็ดไข่มุกไหลออกมาไม่หยุด
เห็นแบบนี้ ทำให้เย่โม่เซินรู้สึกปวดใจมาก
เขากัดฟัน เริ่มทำตัวไม่ถูก “อย่าร้องเลย”
เรื่องควบคุมอารมณ์ เดิมทีก็เป็นเรื่องที่ยากแล้ว ตอนนี้หานมู่จื่อยังร้องไห้ตรงหน้าเขาอีก พอได้ยินเสียงปลอบประโลมแหบๆของเขา ทำให้น้ำตาของเธอไหลออกมาเหมือนเขื่อนแตก
เธอเองก็ไม่อยากร้องไห้ต่อหน้าเขา เพราะเธอตัดสินใจไว้แล้ว แต่สุดท้ายเธอก็ยังร้องไห้ออกมาเหมือนไม่อยากเสียเขาไปอีก
แต่เธอควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้
เธอทั้งตกใจและอารมณ์เสีย เธอพยายามหลบสายตาของเย่โม่เซิน และผลักเขาออกไป
แต่เย่โม่เซินเร็วกว่า ก่อนที่เธอจะเดินหนีไป เขาก็ก้มหน้าลงมาจูบเธอซะก่อน
หานมู่จื่อเบิกตาโต และทำอะไรไม่ถูก
เขาไม่ได้จูบปากเธอ แต่แค่จูบแก้มเธอเบาๆ เหมือนกำลังจูบเช็ดน้ำตาให้เธออย่างอ่อนโยน
หานมู่จื่อยืนนิ่ง ไม่ขยับตัวไปไหน
คนคนนี้… ทำบ้าอะไรของเขาเนี่ย
ทั้งที่ไม่สนใจเธอเลย แต่พอเห็นเธอร้องไห้ เขาก็มาจูบเช็ดน้ำตาให้เธอ
เธอรู้สึกทำตัวไม่ถูก คิดจะผลักเย่โม่เซินออกห่าง แต่เย่โมาเซินกลับเดาได้ก่อน จึงคว้าสองมือของเธอมาจับไว้ แล้วเอามาวางไว้ตรงหน้าอกของตัวเอง
ตึกตัก
หานมู่จื่อได้ยินเสียงหัวใจของเย่โม่เซินเต้นดังออกมา
ตึกตัก
เสียงหัวใจเต้นดังมาตามฝ่ามือของเธอเรื่อยๆ
เธอยังไม่เข้าใจว่าเย่โม่เซินทำแบบนี้หมายความว่ายังไง ริมฝีปากของเขาเคลื่อนไปจูบดวงตาของเธอ หานมู่จื่อตกใจจนรีบปิดตาลง
สัมผัสที่อ่อนโยนราวขนนกจุมพิตลงมาเบาๆ ฝ่ามือของเย่โม่เซินลูบใบหน้าของหานมู่จื่อไว้ แล้วใช้หัวแม่มือเช็ดน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน
สักพัก เขาก็ถอยออกไป แล้วยืนมองหานมู่จื่อที่ก้มหน้าก้มตานิ่ง
“ถึงแม้สามวันนี้ ผมจะโกรธมาก แต่ผมก็ไม่เคยคิดจะเลิกกับคุณ แต่พอคุณมาถึงกลับบอกว่าจะเลิกกับผม หานมู่จื่อ คุณใจร้ายกับผมมากจริงๆ”
ภายใต้แววตาที่เขามองมา หานมู่จื่อกระพริบตาปริบๆอย่างทำตัวไม่ถูก “ฉัน… ฉันเห็นคุณทำท่าทางเหมือนอยากจะเลิกกัน ฉันก็เลยอยากให้คุณสมหวัง”
พอได้ยินแบบนี้ แววตาของเย่โม่เซินก็เคร่งขรึม ก่อนจะหรี่ตามองด้วยแววตาอันตราย
“ผมดูอยากเลิกกับคุณมากหรือไง”
“หรือว่าไม่ใช่ล่ะ ถ้าหากฉันไม่มาหาคุณ คุณคิดจะมาหาฉันบ้างไหม”
คงเป็นเพราะจูบของเขาได้ผล ตอนนี้หานมู่จื่อหยุดร้องไห้ไปแล้ว และคิดแต่จะเถียงกับเขา
“ใครบอกว่าผมจะไม่ไปหาคุณ”
“แล้วเมื่อตะกี้ตอนที่ฉันเรียกคุณ ทำไมคุณถึงเดินหนีล่ะ”
พูดถึงเรื่องนี้ เย่โม่เซินก็นิ่งเงียบไป
เขาจะบอกกับเธอได้ยังไง ว่าหลายวันที่ผ่านมาเขาคิดถึงเธอมาก ดังนั้นตอนที่ได้ยินเสียงของเธอ เขานึกว่าตัวเองหูฝาดไป
“คุณบอกเองนี่ครับ ว่าผมเป็นคนพุ่งเข้าไปหาคุณก่อน อีกทั้งยังทำตัวติดกับคุณตลอด แล้วผมจะกล้าคิดได้ยังไง ว่าคุณจะมาหาผมเองแบบนี้”