เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 755
บทที่755 ฉันจำผิดคนจริงๆค่ะ
หลังจากหลัวลี่เดินจากไปแล้ว หานมู่จื่อก็หาเก้าอี้นั่งพัก
เป็นเรื่องจริงที่เธอไม่อยากให้อีกฝ่ายเข้ามาสนิทมากเกินไป และก็เป็นเรื่องจริงที่เธอยืนจนเหนื่อย
หลังจากที่เกิดเรื่องกับเย่โม่เซิน เธอเดินทางอยู่ตลอด คอยวิ่งวุ่นทุกวัน หลายวันมานี้เธอต้องวิ่งวุ่นไม่หยุด เพื่อจะหาวิธีเข้าใกล้เย่โม่เซิน
แต่ว่า เธอเต็มใจที่จะทำ
ตอนนี้เขาอยู่ตรงหน้าเธอแล้ว ตอนที่เธอรู้สึกเหนื่อย เธอสามารถหยุดพักได้บ้างแล้ว
ถ้าดูจากที่สัมภาษณ์งานในวันนี้ เธอน่าจะ… มีโอกาสได้งานนี้มากกว่าครึ่ง
ไม่รู้ว่านั่งอยู่นานแค่ไหน จนคนที่มาสัมภาษณ์งานต่างพากันกลับไปหมดแล้ว หานมู่จื่อตบขาตัวเอง ก่อนจะลุกขึ้นยืน แล้วเดินตรงไปที่ลิฟต์
เธอเดินช้ามาก เพราะเธอไม่มีอะไรต้องทำต่อจากนี้แล้ว เธอแค่ต้องกลับไปรอฟังข่าวก็พอแล้ว
เธอตั้งใจไว้ว่า พอออกจากบริษัท เธอจะเดินไปซื้อวัตถุดิบที่ตลาดใกล้ๆ ก่อนจะกลับไปทำกับข้าวกินเองที่ห้อง
เธอเดินไปเรื่อยๆ หานมู่จื่อรู้สึกผิดปกติ พอเธอเงยหน้าขึ้นมอง ถึงได้รู้ว่าตัวเองเดินมาตรงลิฟต์ที่เธอเคยขึ้นก่อนหน้านี้
เป็นลิฟต์ที่มีขึ้นเพื่อประธานบริษัทโดยเฉพาะ หรือก็คือลิฟต์ส่วนตัวของเย่โม่เซินนั่นเอง
“……”
แย่แล้ว
หานมู่จื่อคิดในใจ ก่อนจะรีบหันหลังกลับ เตรียมจะเดินออกไปจากตรงนี้ จะได้ไม่ต้องเจอกับเขา
แต่คิดไม่ถึงว่าเพิ่งเดินออกไปได้ไม่กี่ก้าว ด้านหลังก็มีเสียงกรุ๊งกริ๊งดังขึ้นมา พอดูแล้วเหมือนเสียงกุญแจกระทบกับอะไรบางอย่างจนเกิดเสียง
แปลกจริง… ทำไมถึงมีเสียงกุญแจดังที่นี่ได้
หานมู่จื่อหันกลับไปมองอย่างแปลกใจ จึงเห็นว่ามีเงาร่างสูงเดินมาทางนี้ รูปร่างสูงโปร่งกับใบหน้าที่หล่อเหลา นัยน์ตาสีเข้มแหลมคมราวอินทรี มองตรงมาที่เธอ
เธอไม่อาจจะหลบสายตานี้ได้ ทำให้ทั้งสองคนสบตากันนิ่ง
หนึ่งวินาที สองวินาที สามวินาที…
หานมู่จื่อรีบหลบสายตาของเขา ก่อนจะรีบหันหลังกลับแล้วเดินออกไป
“หยุดเดี๋ยวนี้”
มีเสียงเยือกเย็นดังขึ้นมาจากข้างหลัง หานมู่จื่อที่กำลังเดินหนีเหมือนถูกคำสาปจนหยุดนิ่งอยู่ที่เดิม เธอไม่ขยับตัว แต่กลับกัดริมฝีปากของตัวเองไว้แน่น
เธอเป็นอะไรไปกันแน่
ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้เธอวิ่งหนีออกไปได้แล้ว แต่ทำไมครั้งนี้… เธอถึงได้พาตัวเองมาส่งถึงหน้าประตูแบบนี้
ทั้งๆที่รู้สึกว่าการสัมภาษณ์สำเร็จไปแล้วเกินกว่าครึ่ง
แต่ตอนนี้พอมาเจอกับเย่โม่เซิน หานมู่จื่อรู้สึกว่า… ความสำเร็จครึ่งนี้ ดูเล็กลงไปอีก
ตอนนี้เขาคือประธานบริษัทบริษัทตระกูลยู่ฉือ ขอแค่เขาไม่พยักหน้า งั้นเธอจะเป็นผู้ช่วยเลขาได้ยังไงกัน
ทำยังไงดี วิ่งหนีไปตอนนี้เลยดีไหม หรือว่า… จะอธิบายกับเขาให้เข้าใจดี
ยังไงซะ วันนั้นหานชิงก็อธิบายให้เขาฟังไปแล้ว ว่าเธอจำคนผิด ถ้าหากตอนนี้เธอพูดยืนยันอีกครั้ง เขาจะเชื่อไหม
เธอรู้สึกเหมือนมีคนเดินเข้ามาใกล้ หานมู่จื่อยิ่งทำตัวไม่ถูก
“หันกลับมา”
เสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มดังมาจากข้างหลังของเธอ หานมู่จื่อเพิ่งจะฟังออก ว่าเสียงของเขาแหบกว่าเมื่อก่อนไม่น้อย
เป็นเพราะผลกระทบหลังจากอุบัติเหตุหรือเปล่า
หานมู่จื่อรู้สึกปวดใจมาก เธอค่อยๆหันกลับมา ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเย่โม่เซิน
เป็นดวงตาที่เหมือนกับดวงตาที่อยู่ในความทรงจําทุกอย่าง
ครั้งนี้ เธอไม่ได้ร้องไห้ และไม่มีท่าทางเจ็บปวด ที่มีอยู่… ก็มีแค่ความเสียใจ
เสียใจกับอะไร
เย่โม่เซินหรี่ตาลง แล้วมองหน้าผู้หญิงตรงหน้า ที่เขารู้สึกแปลกๆ แต่กลับชอบนึกถึงใบหน้าของเธอ
ในแต่ละครั้งที่เจอกันเธอจะมีสีหน้าท่าทางที่ไม่เหมือนกันเลย
ตอนที่หานมู่จื่อมองหน้าเขา แล้วเห็นว่าเขากำลังมองเธอด้วยแววตาค้นหา ถึงได้รู้ตัวว่าเธอเผลอแสดงอารมณ์ออกมาต่อหน้าเขาแล้ว เธอชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะรีบปรับสีหน้าของตัวเองให้เป็นปกติ ก่อนจะกล่าวทักทายเย่โม่เซิน
“สะ สวัสดีค่ะ”
ตอนที่กล่าวทักทายเขา หานมู่จื่อพูดติดอ่างเล็กน้อย
เย่โม่เซินอยากจะมองลึกเข้าไปในดวงตาเพื่อดูอารมณ์ของเธอ แต่มันกลับสลายหายไปอย่างรวดเร็ว
ไม่มีความรู้สึกอะไรภายในแววตา ทุกอย่างดูว่างเปล่า เหมือนน้ำสะอาดบริสุทธิ์ วาวใสระยิบระยับ
“มี อะไรหรือเปล่าคะ”เธอถามกลับ
เย่โม่เซินแสยะยิ้ม “คำถามนี้ ควรเป็นผมที่ต้องถามคุณมากกว่า ไม่กี่วันก่อนคุณเข้าหาผมไม่สำเร็จ ตอนนี้ยังมาที่บริษัท แอบใช้ลิฟต์ส่วนตัวของผม นี่เป็นแผนของคุณอย่างนั้นเหรอ”
หานมู่จื่อ “… ไม่ใช่นะคะ”
เธอรีบอธิบาย “เรื่องในวันนั้น ต้องขอโทษจริงๆค่ะ พี่ชายของฉันอธิบายให้คุณฟังไปแล้ว คงเป็นเพราะว่าฉันสติแตกควบคุมตัวเองไม่ได้ คุณก็เลยได้ยินไม่ชัด ตอนนี้ฉันต้องขอโทษคุณอย่างเป็นทางการ ขอโทษนะคะ… วันนั้นฉันจำคนผิดไป จนทำให้คุณต้องตกใจ”
“……”
บรรยากาศรอบตัวของเขาดูน่ากลัวมาก เขาเดินไปข้างหน้าให้ใกล้กับหานมู่จื่อ
“จำคนผิดอย่างนั้นเหรอ”
หานมู่จื่อเงยหน้าขึ้นมอง ก่อนจะรีบขยับตัวหนีเย่โม่เซิน
ลมหายใจของอีกฝ่ายใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ขอแค่เธอยื่นมือออกไป ก็จะกอดเขาไว้ได้แล้ว
แต่ว่า… ตอนนี้เขาจำเธอไม่ได้แล้ว
เธอจะทำแบบนี้ไม่ได้
พอควบคุมสติได้ หานมู่จื่อก็พยักหน้าภายใต้สายตาที่แหลมคมของเขา
“ขอโทษด้วยจริงๆค่ะ วันนั้นฉันจำผิดคน ถึงได้… ทำแบบนั้นกับคุณ ฉันรับรองค่ะ ว่าฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ”
“หลักฐานล่ะ”ดูเหมือนเย่โม่เซินจะไม่ยอมปล่อยเธอไปง่ายๆ เขายังคงมีท่าทีเหมือนเดิม “ผมจะแน่ใจได้ยังไงว่าคุณไม่ได้หวังจะเข้าใกล้ผม ก็เลยจงใจใช้วิธีนี้”
หานมู่จื่อ “…”
เขาคิดได้ยังไงกัน เขาคิดว่า… เธอตั้งใจจะยั่วยวนเขา วันนั้นก็เลยจงใจทำแบบนั้นอย่างนั้นเหรอ
ไม่รอให้เธอเอ่ยปากพูด เย่โม่เซินก็พูดขึ้นมาก่อน
“ถ้าหากจำผิดคนจริงๆ แล้วที่คุณปรากฏตัวขึ้นที่นี่ในวันนี้ คุณจะอธิบายว่ายังไง”
“ฉัน… ฉันแค่จะมา…”
เธอจะพูดยังไงดี หานมู่จื่อกัดริมฝีปากแน่น ไม่ตอบคำถามของเขา ถ้าหากเธอบอกว่าเธอมาสมัครงานเป็นผู้ช่วยเลขาของเขา เขาจะต้องคิดว่าเธอเข้าใกล้เขาเพราะมีจุดประสงค์อยากจะครอบครองเขาแน่ๆ
แต่ถ้าหากไม่พูด หลังจากนี้ ถ้าเธอได้ทำงานเป็นผู้ช่วยเลขาของเขา แล้วเจอกับเขาอีกครั้งล่ะก็…
“มาทำอะไร”
ในขณะที่หานมู่จื่อยังคิดคำตอบไม่ได้ เย่โม่เซินก็ถามเพิ่มอีก น้ำเสียงของเขาแหบต่ำ แต่ก็ยังมีความรู้สึกอบอุ่น เหมือนมีมายากล
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร หานมู่จื่ออ้าปากพะงาบ ก่อนจะพูดจุดประสงค์การมาของเธอออกไป
“ฉัน ฉันมาสมัครงานค่ะ”
พอได้ยินว่าเธอมาสมัครงาน ใบหน้าหล่อเหลาของเขาจะขมวดคิ้วขึ้น “สมัครงาน ตำแหน่งไหน”
หานมู่จื่อ “… ผู้ช่วยเลขาค่ะ”
พูดจบ หานมู่จือก็กัดลิ้นตัวเอง เธอรีบยื่นมือขึ้นมา ปิดปากตัวเองไว้ ก่อนจะถลึงตาโตมองหน้าเขาอย่างหวาดกลัว
ทำไมถึงได้พูดออกมาแบบนี้
เป็นไปตามที่คาด หลังจากที่เธอบอกว่าผู้ช่วยเลขา เย่โม่เซินก็ยิ่งจ้องมองไปที่เธอนิ่ง สีหน้าของเขา เหมือนกำลังจะบอกว่า ไหนบอกว่าไม่คิดจะยั่วยวนเขาอีก
หานมู่จื่อรู้สึกหมดแรง พูดได้แต่ว่า “ถึงแม้ฉันจะสมัครผู้ช่วยเลขา แต่ว่า… จะได้งานนี้หรือเปล่ายังไม่แน่ใจเลยค่ะ ฉัน…”