เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 770
บทที่770 ผู้หญิงของนายอยู่บนรถฉัน
ก็จะได้เจอหน้าเย่โม่เซินงั้นสิ?
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้แล้ว หานมู่จื่อเผลอยกมือขึ้นมาลูบหน้าท้องตัวเองเบาๆ เธอหิวมาก ทั้งๆที่ก็รู้อยู่ว่าตอนนี้เป็นเวลาที่ควรจะต้องกลับบ้านกินอะไรสักหน่อยแล้วก็อาบน้ำนอนแล้ว เพราะถึงอย่างไรคนท้องถ้านอนดึกไปก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก
แต่…เมื่อเทียบกันดูแล้ว ดูเหมือนว่าแรงดึงดูดของเย่โม่เซินจะมีเยอะกว่ามากหน่อย
โอ๊ย เธอนี่มันเห็นผู้ชายดีกว่าลูกเสียจริง
เห็นสีหน้าของเธอดูอ่อนลงบ้างแล้ว เฉียวจื้อก็รับรู้ได้เลยว่าเขาพูดถูกจุดเข้าแล้ว ก็ได้ยกยิ้มออกมาให้กับความสำเร็จของตัวเอง
“โอกาสหายากเลยนะ เธอจะไม่ไปจริงๆหรอ?”
หานมู่จื่อมองไปยังเฉียวจื้อ ใบหน้าแสดงความสงสัย เหมือนราวกับว่ากำลังเคลือบแคลงใจเล็กน้อย
เฉียวจื้อกลัวว่าเธอจะไม่เชื่อ จึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาให้เธอดู “เมื่อกี้ฉันเพิ่งโทรชวนยู่ฉือไปกินมื้อดึกเอง เขาตอบตกลงมาแล้ว คืนนี้พวกเธอทำโอทีกันใช่มั้ยล่ะ? กี่โมงกี่ยามแล้ว เธอไม่หิวหรือไง? ไปเถอะ กินเสร็จ พวกเราไปส่งเธอกลับเอง”
เขาเอ่ยพูดออกมาอย่างใจกว้าง เข้าใจเรื่องบริษัทอย่างแจ่มแจ้ง อีกทั้งเขากับเย่โม่เซินก็ยังดูเหมือนกับว่าจะมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน
หานมู่จื่อยอมรับว่าตัวเองหวั่นไหวไปกับข้อเสนอนี้ของเขา
เธออยากจะมีปฏิสัมพันธ์กับเย่โม่เซินให้มากขึ้นอีกสักหน่อย ถ้าเป็นอย่างนี้ ก็จะกระตุ้นความทรงจำให้กับเย่โม่เซินได้ ความทรงจำก็จะกลับมาได้เร็วขึ้นอีก?
“แต่…” ถึงแม้ว่าจะมีใจเอนเอียงไปกับคำพูดของเขา แต่เธอก็ยังลังเลเล็กน้อย เพราะถึงอย่างไรเธอก็เป็นเพียงแค่พนักงานบริษัท ถ้าออกไปกินมื้อดึกตอนนี้ล่ะก็ คงจะแปลกน่าดูล่ะมั้ง?
“แค่อะไรกันล่ะ? จะไปคิดเยอะไปทำไมกัน เวลาไม่คอยใครหรอกนะ รีบขึ้นรถเถอะ”
เฉียวจื้อไม่เหลือโอกาสให้เธอได้คิด เข้าไปคว้าแขนของเธอมา จากนั้นเปิดประตูรถแล้วผลักร่างของเธอเข้าไป
การกระทำของเขายังนับว่าอ่อนโยนอยู่นัก หานมู่จื่อก็ได้ขึ้นรถไปอย่างกึ่งยอมกึ่งต้าน จากนั้นเฉียวจื้อก็ปิดประตูรถลง แล้วไปนั่งลงบนที่นั่งคนขับ เพียงไม่นาน ก็เอ่ยออกมาด้วยใบหน้ายิ้มกริ่ม “อย่างนั้นพวกเราก็เตรียมออกเดินทางกันดีกว่า”
หานมู่จื่อพยักหน้าออกไปเล็กน้อย ไม่ได้ตอบอะไรเขาออกไป
รถเริ่มทะยานออกไปบนถนนใหญ่ หานมู่จื่อมองภาพแสงไฟนีออนด้านนอกหน้าต่าง
ความจริง ภาพแสงไฟเหล่านี้ ไม่ได้ต่างอะไรจากตอนที่อยู่ในประเทศเลย
ต่างกันเพียงแค่คนที่อยู่ข้างๆเท่านั้น
ในขณะที่เฉียวจื้อขับรถอยู่นั้น ก็ได้เหลือบสังเกตมองหานมู่จื่อผ่านกระจกมองหลัง จากนั้นก็พบว่าความจริงผู้หญิงคนนี้สวยกว่าที่เขาคิดไปเยอะมาก
เธอไม่ใช่ผู้หญิงจำพวกที่ว่ามองแล้วจะต้องตื่นตะลึงพวกนั้น ที่จะทำให้คุณต้องรู้สึกตกตะลึงในครั้งแรกที่เห็น แต่เธอนั้นจะเป็นคนที่ทำให้คุณค่อยๆรู้สึกถึงความสวยขึ้นมาเรื่อยๆในทุกครั้งที่เจอ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งนัยน์ตาที่เรียบนิ่งจนดูไร้อารมณ์คู่นั้น ก็เหมือนกับแอ่งน้ำอันแสนสงบเยือกเย็น
ถึงแม้ว่าจะเยือกเย็น แต่ทว่ากลับใสกระจ่างนิ่งสงบ ทำให้ภายในใจเกิดความถวิลหาขึ้นมา
มีบางอย่างที่…อยากจะกวนน้ำในแอ่งน้ำแห่งนี้ให้ไม่สงบ แต่ก็มีความรู้สึกจำพวกที่ว่าทำไม่ลงขึ้นมาเหมือนกัน
ฮู้
เฉียวจื้อบ่นอุบอิบในใจ เป็นอย่างที่คิดผู้หญิงที่ทำให้ยู่ฉือเซินหันไปมองได้ ไม่ง่ายขนาดนั้น
เดิมทีเขาเคยคิดว่าเป็นเพียงแค่ผู้หญิงที่มีหน้าตานับว่าไม่เลว รูปร่างที่สุดยอดคนนึง แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าตอนนี้มันจะเปลี่ยนไปหมดแล้ว
เธอเองก็นิ่งสงบเป็นอย่างมาก ไม่เดือดไม่ร้อนออกมาเลย
เมื่อคิดมาจนถึงตรงนี้แล้ว เฉียวจื้ออดไม่ได้ที่เกิดความอยากรู้ที่มีต่อเธอขึ้นมา
“เธอรู้จักยู่ฉือมานานแค่ไหนแล้ว?”
หลังจากที่เธอขึ้นรถมา ภายในรถก็เงียบมาสงบมาตลอดทาง หานมู่จื่อเองก็ไม่มีความคิดที่จะสนทนากับอีกฝ่าย ดังนั้นแล้วจึงเอาแต่มองด้านนอกหน้าต่างมาตลอดทาง กำลังคิดอยู่ว่าอีกเดี๋ยวเมื่อเจอกับเย่โม่เซิน เธอจะพูดอะไร หรือทำอะไรดี
เรื่องพวกนี้ก็เพียงพอที่จะสามารถทำให้เธอคิดจนสติล่องลอยได้แล้ว
จู่ๆ เสียงชายหนุ่มภายในรถก็ดังขึ้นมา เรียกเอาสติของที่หลุดลอยของหานมู่จื่อกลับมา เธอร้องห๊ะออกมาเล็กน้อย จากนั้นก็หันไปตามเสียงนั้น
เฉียวจื้อเห็นเธอมีแววตาที่ดูงุนงงออกมาเล็กน้อย เหมือนกับว่าในตอนนี้เพิ่งจะนึกถึงการมีอยู่ของเขาขึ้นมาได้ยังไงอย่างนั้น
เฉียวจื้อ “…”
อยากจะโมโหออกไปอย่างมาก ทำยังไงดี? ทั้งๆที่เขาเป็นคนชวนเธอขึ้นรถมา แต่ผลก็คือหลังจากที่เธอขึ้นรถมาแล้วนั้นก็ดูเหมือนว่าจะไม่รู้สึกถึงการมีอยู่ของเขาเลยงั้นสิ? ทำไมถึงได้มีนิสัยเหมือนยู่ฉือเซินอย่างนี้ได้กัน?
แต่หานมู่จื่อก็ดีกว่ายู่ฉือเซินเยอะมาก หลังจากที่เธอเรียกสติกลับมา เฉียวจื้อก็เห็นเธอเม้มริมฝีปากของตัวเองออกมา ฝืนยิ้มแห้งๆออกมา
“หมายความว่าอะไรกันคะ?”
เฉียวจื้อเห็นภาพนี้แล้ว ภายในใจก็ร้องอุทานออกมา ในตอนที่ยิ้มออกมาช่างสวยเสียจริง
เขาแลบเลียริมฝีปากด้วยจิตใจฟุ้งซ่าน “เลิกแสดงเถอะน่า เธอกับยู่ฉือถ้าไม่รู้จักกันมานาน พวกเธอจะทำอย่างนั้นกันได้ยังไง?”
หานมู่จื่อ:“……”
หานมู่จื่อ “…”
“ถึงแม้ว่าฉันจะรู้จักยู่ฉือได้ไม่นาน แต่ฉันก็รู้ว่า…ในสายตาของเขาแต่ไหนแต่ไรมาก็มีทิฐิกับผู้หญิงมาตลอด เธอเป็นคนแรกที่ฉันเคยเจอ”
เมื่อฟังมาจนถึงตรงนี้แล้วนั้น หานมู่จื่อไม่รู้ว่าเธอควรจะดีใจหรือว่าควรเสียใจดี ว่ากันตามหลักแล้วนั้นลักษณะนิสัยของเย่โม่เซินนั้นได้เปลี่ยนกลับไปจากเมื่อก่อน แต่เธอก็รู้สึกยินดีเล็กน้อยที่นิสัยของเย่โม่เซินเป็นแบบนี้
ไม่อย่างนั้น…ถ้ามีผู้หญิงเข้ามาแล้วเขาไม่ปฏิเสธออกไป อย่างนั้นแล้วตอนนี้เธอจะต้องมีศัตรูหัวใจไปตั้งเท่าไหร่กัน?
“ฉันพูดออกไปอย่างนั้นแล้ว เธอไม่มีความคิดเห็นอะไรเลยงั้นหรอ?” เฉียวจื้อเดิมทีคิดว่าหลังจากที่เขาพูดออกไปอย่างนั้นแล้ว อีกฝ่ายจะรู้สึกตื่นเต้นออกมา หรือไม่ก็มีความรู้สึกตื่นเต้นดีใจขึ้นมาบ้าง
แต่ไม่นึกเลยว่าอีกฝ่ายจะยังนั่งเงียบอยู่ตรงนั้นดังเดิม ก้มหน้าก้มตา ขนตางอนยาวนั้นได้ปิดบังนัยน์ตาสวยของเธอ เหมือนราวกับว่ากำลังจะคิดอะไรอยู่
ได้ยินเฉียวจื้อเอ่ยถามออกมา เธอก็ได้เงยหน้าขึ้นไปอีกครั้ง “ฉันจะไปออกความคิดเห็นอะไรได้? ฉันกับเขา ไม่ใช่อย่างที่คุณคิดหรอกค่ะ”
เธอรู้ว่า เฉียวจื้อจะต้องคิดว่าเธอเป็นหนึ่งในผู้หญิงที่หลงรักเขาอย่างแน่นอน หรือไม่ก็คิดว่าพวกเธอทั้งสองคบหากันมานานแล้วแน่
เธอยอมรับว่าเธอหลงรักเย่โม่เซินจริงๆ
แต่เธอกับเย่โม่เซินนั้นมีความรู้สึกดีๆให้กัน เพียงแต่ตอนนี้เย่โม่เซินก็แค่สูญเสียความทรงจำไปเท่านั้นเอง
เรื่องมันซับซ้อนอย่างมาก แน่นอนว่าเธอไม่มีทางเล่าและเปิดเผยความจริงกับเฉียวจื้อออกไปแน่
“ไม่ใช่อย่างที่ฉันคิด? แล้วพวกเธอเป็นแบบไหนกัน?” เฉียวจื้ออยากรู้อยากเห็นเป็นอย่างยิ่ง “เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นยู่ฉือทำอย่างนั้นกับผู้หญิงจริงๆ เธอก็อย่ามาหลอกฉันไปหน่อยเลย บอกฉันมาหน่อยสิว่าระหว่างพวกเธอทั้งสองคนตกลงแล้วเป็นอะไรกันแน่ ช่วยตอบสนองต่อความอยากรู้ของฉันหน่อยเถอะนะ”
หานมู่จื่อยิ้มนิ่งๆออกมาต่อ ถ้าเธอไม่ตอบ ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะต้องกดดันเธออย่างนี้ต่อไปอีกแน่
เมื่อได้ลองคิดอย่างละเอียด หานมู่จื่อจึงถือโอกาสเอาคำถามที่ตอบยากนั้นโยนกลับไปให้อีกฝ่าย
“ถ้าคุณอยากจะรู้จริงๆล่ะก็ งั้นฉันก็ไม่คิดว่าคุณจะต้องมาถามฉันนะคะ คำถามนี้คุณควรไปถามยู่ฉือเซินมากกว่านะคะ”
เฉียวจื้อมีสีหน้าเต็มไปด้วยความยากแค้นออกมา “ให้ฉันไปถามเขา?”
ปล่อยฉันไปเถอะ อย่าว่าแต่เขาจะมีความกล้าที่จะถามออกมาไปจริงๆ แต่ประเด็นคือถ้าเขาถามออกไป ยู่ฉือเซินจะบอกเขางั้นหรอ?
ถึงตอนนั้นก็คงทำเพียงแค่ใช้สายตาเยือกเย็นนั้นชำเลืองมองมาเล็กน้อยเท่านั้น จากนั้นก็พูดคำว่าไสหัวไปออกมาอย่างไร้เยื่อใย
พอคิดถึงมันก็ทำให้เจ็บแค้นไม่สบอารมณ์ ขบฟันแน่นออกมา
แต่คืนนี้โอกาสที่จะได้แก้แค้นของเขาก็มาถึงแล้ว
เฉียวจื้อคิดว่าในที่สุดเขาก็เจอจุดอ่อนของยู่ฉือเซินเสียที
เขาไม่ได้พูดอะไรกับหานมู่จื่ออีก แต่ได้ใช้โอกาสในช่วงที่กำลังติดไฟแดงนั้นเองแอบส่งข้อความหาเย่โม่เซินไปเงียบๆ
(ผู้หญิงของนายอยู่บนรถฉัน!)
ส่งเสร็จ เฉียวจื้อก็เก็บโทรศัพท์ไปด้วยสีหน้าภูมิใจในความสำเร็จอย่างร้ายกาจออกมา จากนั้นวางลงไปข้างๆ ภายในใจของเขาตอนนี้ไม่ต้องบอกเลยว่ารู้สึกดีมากแค่ไหน
เพียงยู่ฉือเซินเห็นข้อความนี้ แล้วปรากฏตัวออกมาล่ะก็ ถึงตอนนั้นเขาก็จะได้…ฮึๆๆ