เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 781
บทที่ 781 กลัวว่าจะมีปัญหาใหม่เข้ามาแทรก
อย่างไรก็ตามเธอและเย่โม่เซินก็เกือบจะแต่งงานกันอยู่แล้ว
“โอเค โอเค ฉันสัญญาหลังจากนี้ฉันไม่พูดเรื่องนี้กับคนอื่นอีก พี่สะใภ้ให้อภัยฉันเถอะ ฉันมีเรื่องเล็กๆน้อยๆเกี่ยวกับยู่ฉือเซินมาบอกคุณ”
“เรื่องอะไร?”
หานมู่จื่อถามอย่างสงสัย
จากการบอกเล่าจากเฉียวจื้อทำให้หานมู่จื่อได้รู้เรื่องของยู่ฉือเซินมากมาย แต่…ทั้งหมดล้วนเป็นเรื่องเล็กๆไม่ใช่เรื่องใหญ่มากมายอะไร
หานมู่จื่อมองรอบๆจากนั้นก้มหน้ามองเวลา พี่หลินยังพอมีเวลาอีกประมาณ15นาทีถึงจะเข้างาน เธอน่าจะยังพอมีเวลาถามในเรื่องที่เธออยากรู้
“จริงๆแล้วฉันอยากรู้เรื่องเรื่องหนึ่ง ยู่ฉือเซินเขา… เขาอาศัยอยู่ที่บ้านยู่ฉือตลอดเลยใช่ไหม?”
คำถามนี้เป็นการทดสอบเฉียวจื้อ ท้ายที่สุดเธอรู้ความจริงอยู่แล้ว ถ้าเฉียวจื้อตอบเธออย่างตรงไปตรงมา นั่นแสดงว่าสิ่งที่เขาพูดก็สามารถเชื่อถือได้ แต่ถ้าเขาไม่พูดความจริงออกมา…
แน่นอนว่าหลังจากได้ยินคำถามนี้การแสดงออกทางสีหน้าของเฉียวจื้อเหมือนกับกำลังอยู่ในสภาวะยากลำบาก เขามองมายังหานมู่จื่อเหมือนกับจะพูดอะไรบางอย่างแต่กลับไม่พูด
“ทำไม อธิบายยากงั้นหรือ?” หานมู่จื่อถาม
เฉียวจื้อพยักหน้า สีหน้าของเขาดูสับสน หานมู่จื่อเองก็ไม่รีบร้อนเธอรอเขาอย่างใจเย็น
ผ่านไปชั่วครู่ เหมือนกับว่าเฉียวจื้อคิดได้แล้วเขาประสานมือของเขาและมองหานมู่จื่อ “จริงๆแล้วการที่จะบอกเธอก็ใช่ว่าจะไม่ได้ แต่…..เธอจริงใจกับยู่ฉือเซินใช่หรือเปล่า?”
หานมู่จื่อ “….”
“คุณคิดว่างั้นก็ใช่”
เฉียวจื้อไม่คาดคิดว่าหานมู่จื่อจะตอบแบบง่ายๆสบายๆ ภายในใจมีความไม่พอใจเล็กน้อย แต่ใครใช้ให้เธอเป็นคนที่ชอบกันล่ะ? ด้วยนิสัยของยู่ฉือเซินแล้ว แน่นอนว่าเขาไม่ยอมรับคู่หมั้นที่ทางบ้านจัดหาให้แน่
ดังนั้น เขาคิดว่าสิ่งนี้อาจเป็นไปได้อย่างมาก
“ไม่ใช่ว่าเขาจะอยู่บ้านตลอด เขาเป็นหลานชายที่นายท่านยู่ฉือนำกลับมา”
ใจของหานมู่จื่อเต้นรัว เขาเป็นหลานชายของยู่ฉือจินจริงๆ
“หลานชายที่นำกลับมา?” หานมู่จื่อกระพริบตาและแสร้งทำเป็นว่าเธอไม่รู้อะไรเลย “หรือว่าก่อนหน้านี้นั้นเขาไม่ได้อาศัยอยู่ที่บ้านยู่ฉือ?พูดตามหลักแล้ว ตระกูลอย่างบ้านยู่ฉือ ใครจะยอมหนีออกจากบ้านกันล่ะ?”
“คุณพูดถูก ครอบครัวอย่างบริษัทตระกูลยู่ฉือ เมื่อผู้คนได้ยินต่างก็พากันอิจฉา แต่ครอบครัวที่เพียบพร้อมนั้นมีคนแปลกๆ ฉันคิดว่านี่อาจเป็นสิ่งที่คนทั่วไปพูดกันว่ามีความสุขอยู่แล้วแต่กลับไม่เห็นคุณค่าหรือเปล่า”
“ก็ใช่” หานมู่จื่อพยักหน้าและคิด “งั้น… นายท่านยู่ฉือไปหาหลานชายคนนี้มาจากที่ไหน?”
เฉียวจื้อกระพริบตาและจ้องมองหานมู่จื่อ
“มีครั้งหนึ่งที่นั่งเรือ…”
เฉียวจื้อกำลังจะเล่าเรื่องราวทุกอย่างออกมา แต่กลับมีเสียงชายผู้เย็นชาดังขึ้นมาจากทางประตู
“ดูเหมือนว่าคุณจะว่างเกินไปจริงๆ อยากจะให้ฉันโทรหาอีกสักสายหรือไม่?”
ทั้งสองคนตัวแข็งทื่อจากนั้นจึงมองไปยังประตู
ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่เย่โม่เซินยืนอยู่ที่ประตูห้องเลขา ในขณะนี้สายตาของเขากำลังมองพวกเขาทั้งสองอย่างเย็นชา
ดวงตาที่เฉียบคมของเขาจ้องมองเฉียวจื้อด้วยสายตาที่เหมือนกับจะฆาตกรรมเขา เฉียวจื้อรู้สึกว่าหนังศีรษะของเขานั้นเย็นเฉียบและชาขึ้นในทันที เขากล่าวเสียงเบา “พี่สะใภ้ ฉันต้องไปแล้ว เรื่องนั้นฉันจะเล่าให้คุณฟังในวีแชท”
เมื่อพูดจบก็ไม่ได้สนใจว่าหานมู่จื่อจะตอบกลับหรือไม่ เฉียวจื้อก็รีบหุนหันเดินจากไป
น่าขำ หากว่าในเวลานี้เขาไม่ยอมไป ยู่ฉือเซินจะต้องโทรหาปู่เขาอีกครั้ง จากนั้นเขาจะถูกทรมานอย่างแสนสาหัสแน่ๆดังนั้นเขาจึงรีบจากไปโดยเร็ว
หลังจากเฉียวจื้อจากไปแล้ว เย่โม่เซินเองก็เดินออกไปเช่นกัน
ไม่นานนักพี่หลินก็เข้ามาทำงานและก็เริ่มทำงานกันโดยปกติ
*
ในที่สุดวันอาทิตย์ก็มาถึง หานมู่จื่อถอนหายใจด้วยความโล่งอก เธอหลับไปและตื่นขึ้นมาเองโดยไม่มีเสียงใดๆปลุกรบกวน เมื่อเธอตื่นก็เป็นเวลาเที่ยงวันแล้ว หลังจากที่เธอตื่นขึ้นมาเธอก็ทำอาหารและหาอะไรกิน เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยเธอก็หยิบโค้ทของเย่โม่เซินและไปยังร้านซักรีดจากนั้นเธอก็แวะซุปเปอร์มาร์เก็ตข้างทาง
เมื่อกลับถึงบ้าน เสี่ยวหมี่โต้วก็ได้คำเชิญวิดีโอคอลมาหาเธอ
หานมู่จื่อพลางเปิดประตูและรับสายวิดีโอคอล เมื่อเห็นหัวเด็กตัวเล็กๆจากปลายสายเธอก็อดที่จะหัวเราะไม่ได้ “ทำอะไรอยู่?”
“หม่ามี๊ คุณไม่คิดถึงเสี่ยวหมี่โต้วบ้างเหรอ? เสี่ยวหมี่โต้วไม่โทรหา คุณก็คงจะไม่สนใจเสี่ยวหมี่โต้สเลย จิตใจของหนูนั้นเจ็บปวดมาก ไม่มีแม้แต่แดดดี๊ที่อยู่ใกล้ๆและแม้แต่หม่ามี๊ก็เริ่มที่จะไม่รักหนูแล้ว..”
เมื่อเขาพูดเช่นนี้เขาก็ก้มหน้าลงเหมือนกับว่าผิดหวังและไม่มีความสุขเลย ดูน่าสงสารมาก
หัวใจของหานมู่จื่ออ่อนยวบลงในทันทีและกล่าวอย่างเจ็บปวด “เด็กดี คุณไม่ได้สัญญากับแม่เหรอว่าจะรอแม่พาพ่อกลับมาบ้าน? นี่ผ่านไปแค่ไม่กี่วันเองทำไมคุณเริ่มอารมณ์ไม่ดีอีกแล้วล่ะ?”
เสี่ยวหมี่โต้วมุ่ยปาก “ก็ใช่ เสี่ยวหมี่โต้วรับปากหม่ามี๊ แต่ในแต่ละวันที่ไม่มีหม่ามี๊อยู่ข้างๆนั้นช่างลำบากเหลือกัน หม่ามี๊ เสี่ยวหมี่โต้วอยากจะไปหาหม่ามี๊ได้ไหม? ก่อนหน้านี้หม่ามี๊ไปไหนก็จะพาเสี่ยวหมี่โต้วไปด้วยทุกที่นี่นา”
“อะไร?” หานมู่จื่อนิ่งไปชั่วขณะ เสี่ยวหมี่โต้วจะมาหาเธอ?
“หม่ามี๊” เสี่ยวหมี่โต้วชูมือขึ้นและแสดงท่าทางถึงความรับรอง “ฉันสัญญาว่าจะไม่สร้างปัญหาให้กับหม่ามี๊ เสี่ยวหมี่โต้วทำอาหารได้ ซักผ้าก็ทำได้ งานบ้านก็ทำได้ทุกอย่างเลยนะ หม่ามี๊ คุณไม่ลองตัดสินใจดีๆอีกครั้งเหรอ?”
หานมู่จื่อกล่าวอย่างน่าขัน “คุณเป็นพี่เลี้ยงตัวน้อยของหม่ามี๊หรือ?”
เสี่ยวหมี่โต้วพยักหน้าอย่างหนัก “หากว่าหม่ามี๊ยินยอมจะให้เสี่ยวหมี่โต้วทำอะไรก็ได้หมดเลย!”
หานมู่จื่อ “โอเค ไม่กวนหม่ามี๊แล้ว ทางนี้หม่ามี๊ยุ่งมาก หวังว่าจะได้ข้ามปีไปกับเสี่ยวหมี่โต้ว ก่อนที่จะปีใหม่ เสี่ยวหมี่โต้วไม่งอแงนะ โอเคไหม?”
เสี่ยวหมี่โต้วพยายามพูดตั้งมากมาย และคิดว่าหานมู่จื่อจะใจอ่อนบ้างแต่คาดไม่ถึงว่าจะโดนปฏิเสธ
“หม่ามี๊ใจร้าย ปีใหม่นั่นอีกตั้งนาน เสี่ยวหมี่โต้วอยากไปหาหม่ามี๊ตอนนี้ เดี๋ยวเสี่ยวหมี่โต้วก็ปิดเทอมฤดูหนาวแล้ว คุณตกลงว่าจะให้เสี่ยวหมี่โต้วไปหาตอนช่วงหยุดฤดูหนาวสิ”
“หม่ามี๊ หม่ามี๊ นะ ได้ไหม? เสี่ยวหมี่โต้วจะเป็นเด็กดีมากๆ”
เสี่ยวหมี่โต้วไม่มีทางเลือก จึงทำได้แค่เปลี่ยนหัวข้อเรื่อง “คุณลุงของคุณล่ะ? แล้วน้าเสี่ยวเหยียนล่ะ? ช่วงนี้พวกเขาเป็นอย่างไรบ้าง?”
เสี่ยวหมี่โต้วนั้นมองออกอย่างชัดเจนว่าแม่ของเขานั้นกำลังเปลี่ยนเรื่อง เขาส่งเสียงหึในลำคอและหันหน้าหนีไม่สนใจเธอ
หากไม่ใช่เพราะว่าเรื่องทางนี้นั้นค่อนข้างซับซ้อนวุ่นวาย หานมู่จื่อเองก็อยากให้เสี่ยวหมี่โต้วมา
แต่ว่า…ไม่ได้
ตามอำนาจของบ้านยู่ฉือแล้ว เป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่รู้จักตัวตนของเย่โม่เซิน แต่เมื่อรู้สถานะของเขาแล้วแถมยังสวมมงกุฎให้เขาอีก นี่แสดงว่าบ้านยู่ฉือนั้นรู้อยู่แล้ว
อำนาจของบ้านยู่ฉือนั้นยิ่งใหญ่ ก่อนที่จะหาแรงจูงใจของอีกฝ่าย เธอรู้สึกว่าตัวเองสามารถเข้าใกล้เย่โม่เซินได้เพียงชั่วคราวเท่านั้นในเวลานี้
ต้องให้ความทรงจำเขากลับมาแล้วค่อยพูด
เพื่อที่จะได้ไม่ต้อง…มีปัญหาอื่นๆเข้ามาแทรกแซง หากว่านายท่านยู่ฉือเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เธอคิดว่าคงเป็นเรื่องยากที่จะพาเย่โม่เซินออกมา
“ที่รัก ไม่ใช่ว่าหม่ามี๊จะไม่พาคุณไป คุณเป็นคนที่เข้าใจผู้อื่นเสมอ ครั้งนี้..คุณเองก็เข้าใจหม่ามี๊ด้วยใช่ไหม?”