เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 789
บทที่789 เพี้ยน
อะ อะไรนะ?
หานมู่จื่อคิดว่าตนเองนั้นฟังผิดไปหรือว่าตัวเธอนั้นเกิดภาพหลอน ไม่งั้นเย่โม่เซินจะมาอยู่ที่ประตูทางเข้าใต้อาคารอพาร์ตเมนต์ของเธอได้อย่างไร? และยังพูดคุยกับเธออีกและขอให้เธอพาขึ้นไปยังชั้นบน?
“ยืนซื่อทำอะไร? ไม่ไปหรือไง?”
เมื่อหานมู่จื่อยังคงยืนงุนงงอยู่เช่นนั้น เย่โม่เซินก็กล่าวอีกครั้ง น้ำเสียงของเขานั้นเย็นชาและหนาวเหน็บไม่มีความอบอุ่นใด เมื่อมองไปยังสายตาของเขานั้นดวงตาสีดำคู่นั้นไม่แสดงถึงอารมณ์ใดๆ
อืม เป็นเขาจริงๆไม่ใช่ภาพหลอน
ถ้าหากเป็นภาพหลอนของเธอ เย่โม่เซินจะต้องไม่มีท่าทางแบบนี้ จากนั้นเธอพยักหน้าและเดินไปด้านหน้าพร้อมกับเปิดประตูอย่างเงียบๆ
เจอเขาปรากฏตัวที่นี่นั้นช่างเหนือความคาดคิด
เพราะเมื่อตอนที่เธอและเฉียวจื้ออยู่ที่ร้านอาหาร เธอก็ไม่เห็นเขา เฉียวจื้อไม่ใช่คนที่โกหกเก่งและเธอไม่ใช่เด็กผู้บอกว่าเขาไม่ได้อ่านข้อความ แต่ว่าเฉียวจื้อไม่ใช่คนที่โกหกเก่งและเธอไม่ใช่เด็กผู้ที่หลอกง่ายอีกต่อไปแล้ว เธอจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเฉียวจื้อกำลังปิดบังอะไรอยู่
ดังนั้นการที่วันนี้เขามาปรากฏตัวที่นี่นั้น เป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมายของหานมู่จื่อจริงๆและเธอเองก็ตกใจเล็กน้อย
เมื่อเธอเดินเข้ามาในประตู เย่โม่เซินเองก็เดินตามเธอเข้ามา
เย่โม่เซินเดินนำเย่โม่เซินไป ในขณะที่รอลิฟต์ก็พบกับเจ้าของบ้านที่ลงมาพอดี เมื่อเห็นชายร่างสูงที่อยู่ด้านหลังของเธอ เขาหรี่ตามองและถามด้วยรอยยิ้ม “แฟนเหรอ?”
ใบหน้าของหานมู่จื่อร้อนผ่าวและเธอส่ายหน้าไปมาอย่างเกร็งๆ
เจ้าของบ้านคิดว่าเธอนั้นอายจึงยิ้มและเดินผ่านไป
หานมู่จื่อเปิดประตูและเดินเข้าไป
เธอก้มลงและหยิบรองเท้าสไตล์หญิงสาวออกมาคู่หนึ่งจากนั้นวางไว้ตรงหน้าเขา เย่โม่เซินขมวดคิ้ว
“เธอจะให้ฉันใส่อันนี้เหรอ?”
หานมู่จื่อ “ขอโทษด้วยประธาน เอ่อ คือที่นี่มีเพียงแค่คู่นี้เท่านั้น”
เย่โม่เซินเหลือบมองไปที่ตู้รองเท้า จริงๆ มีเพียงรองเท้าภายในบ้านคู่นี้เท่านั้นและคู่อื่นๆก็เป็นรองเท้าของเธอทั้งหมด
เพียงแวบเดียวเย่โม่เซินก็ละสายตาออกและหัวใจของเขาค่อนข้างสับสน
มีเพียงรองเท้าแตะหนึ่งคู่ งั้นหมายความว่าภายในห้องของเธอไม่เคยมีใครเข้ามา และเขา..อาจเป็นคนแรก
เมื่อคิดได้เช่นนี้ เย่โม่เซินจึงมองไปยังหานมู่จื่อด้วยความรู้สึกพอใจมาก
“ด้านล่างมีซุปเปอร์มาร์เก็ตอยู่ไม่ไกล ถ้าเช่นนั้นคุณรอฉันหน่อยได้ไหม? ฉันจะไปซื้อคู่ใหม่มาให้คุณ?”
เย่โม่เซินขมวดคิ้ว เขาดูเป็นคนเย่อหยิ่งเช่นนั้นเลยหรือ?
“ไม่ต้อง รองเท้านี้เธอใส่เถอะ เดี๋ยวฉันก็กลับแล้ว”
เขาถอดรองเท้า ก้าวตรงไปที่พื้นโดยสวมเพียงถุงเท้าแล้วเดินเข้าไป หานมู่จื่อจึงสวมรองเท้าจากนั้นก็เดินตามเขาเข้าไป
เธอไม่รู้จริงๆว่าทำไมเย่โม่เซินถึงมาปรากฏตัวที่นี่ ภายในใจของเธอนั้นสับสนมาก แต่เธอก็ไม่กล้าที่จะถามเขา เพราะดูอารมณ์เขาในตอนนี้นั้น…ค่อนข้างแปรปรวน
รู้สึกว่าถ้าเธอถามอีกคำถามหนึ่ง เขาอาจจะหงุดหงิดมากจนสามารถกระโดดชกใครก็ได้เลย
หลังจากที่เย่โม่เซินเข้าไป เขาก็พบว่าห้องนี้ถูกเธอทำความสะอาดไว้อย่างดี อาจเป็นเพราะเธออาศัยอยู่เพียงคนเดียวและภายในห้องนั้นมีกลิ่นหอมจางๆ เขาเดินดูรอบๆและพบกับกระถางกล้วยไม้จำนวนมากที่ระเบียง
ไม่น่าแปลกใจที่มีกลิ่นหอมอยู่ในห้อง ที่แท้เธอก็มีงานอดิเรกคือการปลูกต้นไม้
หานมู่จื่อเดินไปยังห้องครัวเพื่อชงกาแฟให้เย่โม่เซิน เย่โม่เซินจิบกาแฟและได้ยินหานมู่จื่อถามเบาๆว่า “คุณ มาหาฉันมีธุระอะไรหรือเปล่า?”
ดังนั้น การดื่มกาแฟของเย่โม่เซินจึงหยุดลง
ใช่แล้ว เขามาหาเธอทำไม? หรือจะบอกว่าตัวเขาเองนั้นก็ขับรถมาที่นี่โดยไม่รู้ตัว??
นั่นไม่ได้เลย
เย่โม่เซินเม้มริมฝีปากของเขาอย่างครุ่นคิด
หลังจากที่ถามไปหานมู่จื่อก็เห็นว่าอีกฝ่ายนั้นหยุดดื่มกาแฟราวกับว่าเขากำลังคิดอะไรบางอย่าง
เขาไม่รู้ตัวเลยว่าเมื่อเวลาเขาคิดเรื่องต่างๆ คิ้วของเขาจะขมวดโดยไม่รู้ตัวและเขาจะเม้มริมฝีปากแน่น
หรือว่าเขากำลังคิดว่าจะตอบคำถามของเธอว่าอย่างไรดี? แม้แต่คำถามนี้เขาก็ยังต้องคิด เป็นไปได้ไหม….
สมองของหานมู่จื่อกำลังทำงาน ทันใดนั้นเธอก็ได้ยินเย่โม่เซินพูดกับตัวเองเบาๆ “เอามา”
“อะ อะไร?” หานมู่จื่อสะดุ้งจากนั้นดึงสติกลับมาและมองเขาอย่างตกตะลึง
เอาอะไรมา?
เย่โม่เซินแสดงสีหน้าไร้อารมณ์ “เสื้อ”
หานมู่จื่อ “…..”
การแสดงออกบนใบหน้าของเย่โม่เซินนั้นราวกับว่าความอดทนกำลังจะหมดลง เพราะว่าการแสดงออกของหานมู่จื่อนั้นเหมือนกับกำลังคิดอะไรบางอย่าง เขารู้สึกว่าความคิดของเขาดูเหมือนจะถูกมองออกและในน้ำเสียงของเขานั้นเหมือนมีความกังวล “ชุดสูท เธอไม่ได้บอกว่าจะส่งซักแล้วคืนให้ฉันเหรอ?”
เมื่อได้ยินแบบนั้นหานมู่จื่อก็นึกขึ้นได้
ที่แท้เขาก็พูดถึงชุดสูท แต่ หานมู่จื่ออดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว ก็วันนั้นเขาก็บอกเองว่าเขาเป็นโรครักความสะอาดและเขาไม่ต้องการแจ็คเก็ตตัวนั้นแล้ว
แล้วทำไมวันนี้ถึงได้มาขอชุดสูทนั้นกับเธอ?
“ทำไม?” เย่โม่เซินเห็นเธอยืนอยู่ที่เดิมด้วยความงุนงงพร้อมกับสีหน้าที่สับสน เขาไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่จึงกล่าวออกมาอย่างขบขัน “คงไม่ใช่ว่าเธออยากจะเอาชุดสูทไปเป็นของตัวเองหรอกนะ?”
เมื่อความคิดของเธอถูกจับได้ หานมู่จื่อจึงมีท่าทางเก้ๆกังๆและโบกไม้โบกมือไปมา
“เปล่านะ เปล่าเลย ฉันจะไปทำแบบนั้นได้อย่างไร? ชุดสูทนั้นส่งซักเรียบร้อยแล้วตอนนี้แขวนเอาไว้อยู่ ฉันจะไปเอามาให้คุณเดี๋ยวนี้แหละ”
พูดจบ หานมู่จื่อก็หมุนตัวไปยังตู้เสื้อผ้าที่อยู่ภายในห้อง
เมื่อเธอหันกลับมาสีหน้าของเธอก็ดูหดหู่ใจในทันที
ชุดสูทนั้น ตอนที่เย่โม่เซินบอกว่าไม่เอาแล้ว เธอจึงแขวนเอาไว้ในตู้เสื้อผ้าของเธอเพื่อที่ทุกวันเปิดมาจะสามารถมองเห็นมันได้ เธอยังคิดว่าเขาไม่เอาเธอก็จะเก็บไว้
แต่คาดไม่ถึงว่าวันนี้จู่ๆเขาจะมาทวงชุดสูทคืน
นี่มันไม่เหมือนกับที่เขาพูดเอาไว้เลย
เธอเข้าไปในห้องเพื่อเอาชุดสูท แต่ไม่รู้ว่าทำไมเย่โม่เซินถึงลุกขึ้นและเดินตามเธอเข้ามา แต่เมื่อถึงหน้าประตูห้องเขาก็หยุดลง
หานมู่จื่อเปิดตู้เสื้อผ้า ภายในใจยังคงรู้สึกหดหู่ แต่ทันทีที่เธอเงยหน้าขึ้นเธอก็ตะลึง
เมื่อคืนก่อนนอนเธอได้แขวนชุดชั้นในไว้ที่ชั้นวางสูทและตอนนี้ชุดชั้นในแขวนอยู่บนสูท
สีหน้าของหานมู่จื่อเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน เมื่อคิดจะปิดประตูตู้เสื้อผ้าก็สายเกินไปแล้ว
เนื่องจากมีเสียงฝีเท้าดังอยู่ด้านหลังเธอ เธอจึงหันกลับไปมอง เธอเห็นเย่โม่เซินกำลังขมวดคิ้วและก้าวเข้ามา
เมื่อพิจารณาจากใบหน้าและดวงตาของเขาแล้ว เขาน่าจะเห็นภาพฉากนี้แล้วแน่ๆ หานมู่จื่อกัดริมฝีปากแน่นและแทบอยากจะขุดหลุมฝังตัวเองในเวลานี้
ต้องโทษเธอ โทษที่มือเธอนั้นวางของมักง่าย วางตรงไหนไม่วาง ไปวางบนชุดสูท
และเมื่อเธอเปิดตู้เสื้อผ้าในตอนเช้า เธอก็ไม่ได้คิดว่ามันจะมีอะไร
แต่เมื่อครู่นั้นเธอเองก็ลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท
ในที่สุด เย่โม่เซินก็เดินไปตรงหน้าเธอและหรี่สายตามองเธอ
หานมู่จื่อเงยหน้าขึ้นมองเขาจากนั้นก็หลบสายตาด้วยความรู้สึกผิดในทันที
เย่โม่เซินยังจำฉากนั้นได้ ชุดชั้นในสีแดงชิ้นหนึ่งแขวนอยู่บนสูท ฉากนั้นที่เขาได้เห็นตรึงตราเกินกว่าที่เขาจะลืมมันได้ลง
“เธอโรคจิตหรือเปล่า?”