เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 815
บทที่815 ผมไม่มีทางหมั้นหมายกับคนอื่น
“คุณแน่ใจเหรอ ว่าไม่มีอะไรจะถามผม”เขาจ้องหน้าเธอเขม็ง เหมือนนักล่าที่กำลังมองเหยื่อของตัวเอง แค่เขายิงปืนออกไป เธอคงไม่มีโอกาสรอดแน่นอน
พอต้องมาเผชิญหน้ากับแววตาแบบนี้ หานมู่จื่อก็รู้สึกอึดอัดใจมากกว่าช่วงปกติ แต่วันนี้เธออารมณ์ไม่ค่อยคงที่ และอารมณ์เสียมาก จึงยิ้มเยาะให้กับตัวเอง ก่อนจะถามออกมา “คุณถามฉันว่าฉันมีอะไรจะถามคุณไหม ฉันเองก็อยากจะถามเหมือนกันค่ะ คุณอยากจะให้ฉันถามอะไร คุณจะทำอะไร ต้องให้ฉันเข้าไปยุ่งเกี่ยวตลอดเลยหรือไงกัน”
ปฏิกิริยาตอบสนองแบบนี้ ทำให้เย่โม่เซินย่นคิ้วเล็กน้อย
“เหอะ อารมณ์รุนแรงไม่เบาเลยนี่”
หานมู่จื่อลุกขึ้นยืน ก่อนจะเดินไปเปิดประตู “พรุ่งนี้ฉันยังต้องไปทำงานอีกค่ะ”
ความหมายของคำนี้ ก็คือให้เขากลับไปสักที เธอจะพักผ่อนแล้ว
เย่โม่เซินขมวดคิ้วขึ้น เธอรีบร้อนไล่เขากลับไปแบบนี้ ดูท่าทางเธอคงไม่อยากคุยเรื่องนี้กันให้ชัดเจนซะแล้ว
ถ้าอย่างนั้น วันนี้เขาคงรอให้เธอเป็นคนถามออกมาก่อนไม่ได้แล้ว
ทั้งที่เธอทำกับเขาถึงขนาดนี้แล้ว ตามนิสัยที่หยิ่งทระนงของเขา เขาคงจะหันหลังเดินจากไปแล้วถึงจะถูก
แต่เย่โม่เซินมีความรู้สึกว่า ถ้าวันนี้เขาเดินจากไปเลย เขาจะต้องมรู้สึกเสียใจทีหลังแน่ๆ
พอคิดถึงตรงนี้ เย่โม่เซินก็ลุกขึ้นยืน ก่อนจะเดินเข้าไปหาเธอ
หานมู่จื่อนึกว่าเขาเตรียมจะเดินกลับไปแล้ว แต่เธอคิดไม่ถึงว่าเขาจะเดินเข้าหยุดลงตรงหน้าเธอ สายตาของเขาจ้องมองมาที่เธอ ไม่มีท่าทางจะเดินออกไปจากห้อง
รอบตัวของเขาปล่อยกลิ่นไอที่รุนแรงออกมา แล้วเดินเข้าไปใกล้เธอ “ถ้าหากไม่มีอะไรจะถาม แล้วคุณจะอารมณ์เสียทำไม”
หานมู่จื่อย่นคิ้วงาม “ฉันไม่ได้อารมณ์เสียค่ะ”
“อืม…”
ทันใดนั้นเอง มีเสียงกระเส่าดังมาจากตรงทางเดิน
ในตอนแรกหานมู่จื่อยังไม่ได้ยิน พอหลังจากที่ได้ยิน สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปทันที ห้องข้างๆเธอเป็นคู่รักกัน ทั้งคู่ยังเป็นวัยรุ่น อายุยังน้อย อีกทั้งทั้งสองคนจะทำกิจกรรมบนเตียงกันทุกคืนก่อนนอนด้วย
เพราะเป็นห้องพักขนาดเล็ก ระบบเก็บเสียงจึงไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่
และตอนนี้เธอก็เปิดประตูอยู่ เสียงที่ดังออกมาจากห้องข้างๆจึงยิ่งชัดเจนเข้าไปอีก
ดูจากท่าทางขมวดคิ้วของเย่โม่เซิน หานมู่จื่อยิ่งแน่ใจว่าเขาจะต้องได้ยินเสียงแล้วเหมือนกัน หลังจากนั้นเธอก็ไม่รู้ว่าตัวเองคิดได้ยังไง ถึงได้รีบก้าวถอยหลัง แล้วรีบปิดประตูห้องทันที
หลังจากประตูถูกปิดลง เสียงที่ได้ยินก่อนหน้านี้ก็เงียบลงไป แต่เพราะได้ยินไปแล้ว ทำให้เธอรู้สึกเหมือนยังได้ยินอยู่เล็กน้อย
เธอได้ยิน ก็แสดงว่าเย่โม่เซินเองก็ได้ยินเหมือนกัน
ใบหน้าที่เดิมทีขาวผ่องกลับแดงก่ำ หานมู่จื่อเองก็ไม่เคยคิดว่าจะเจอเรื่องแบบนี้ บรรยากาศที่เหมือนกำลังจะทะเลาะกันก่อนหน้านี้ระหว่างทั้งสองคน กลับกลายเป็นทำตัวไม่ถูก
“เอ่อ คือว่า…”
เธอที่เพิ่งจะเอ่ยปากพูด กลับเห็นว่าเย่โม่เซินเดินตรงเข้ามาหาเธอซะก่อน
“คุณแน่ใจว่าคุณไม่ได้กำลังอารมณ์เสียใส่ผมอยู่”
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะคิดไปเองหรือว่าอะไร หานมู่จื่อถึงได้รู้สึกว่าเสียงพูดของเย่โม่เซินฟังดูทุ้มต่ำ แล้วยังแหบพร่าเล็กน้อย
เย่โม่เซินที่เป็นแบบนี้ ทำให้เธอรู้สึกว่าเขาอันตรายมาก
หานมู่จื่อยกมือขึ้นมาผลักเขาโดยสัญชาตญาณ แต่พอมือของเธอผลักที่หน้าอกของเขา ก็ถูกเขาจับมือไว้ไม่ปล่อย ก่อนจะผลักเธอชนบานประตู
เขาทิ้งน้ำหนักของตัวเองมากดทับเธอไว้ ทำให้หานมู่จื่อขยับตัวไปไหนไม่ได้ จึงได้แต่ถลึงตามองเขาอย่างไม่พอใจ “คุณคิดจะทำอะไรกันแน่”
หลังจากพูดจบ ผู้หญิงห้องข้างๆไม่รู้ว่าได้รับแรงกระตุ้นอะไร ถึงได้กรีดร้องไม่หยุด
หานมู่จื่อเห็นแววตาของเย่โม่เซินเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม และเหมือนมีอารมณ์บางอย่างที่เธอมองไม่ออกว่ามันคืออะไร ยังไม่ทันที่เธอจะตั้งตัว เขาก็ก้มลงมาจุมพิตริมฝีปากของเธออย่างเร่าร้อน
“อื้อ”
เธอเบิกตาโตอย่างตกใจ พยายามผลักเขาออกไป แต่มือของเธอกลับถูกเขาจับล็อกไว้ จนขยับไม่ได้เลย
เย่โม่เซินจูบเธอได้สักพัก ถึงจะถอนตัวออกมา ใช้หน้าผากของตัวเองชนกับของหานมู่จื่อ แล้วพูดด้วยเสียงแหบพร่าจนฟังแทบไม่เข้าใจ
“ผมไม่คิดจะทำอะไรหรอก แค่อยากจะถามอะไรคุณสักหน่อยเท่านั้นเอง”
หานมู่จื่อมองหน้าเขาด้วยท่าทางตื่นกลัว น้ำเสียงที่พูดออกมาจึงสั่นเทาไปด้วย
“ปะ ปัญหาอะไรคะ”
“เรื่องที่เฉียวจื้อ บอกคุณ คุณเชื่อแล้วเหรอ”
หานมู่จื่อขบเม้มริมฝีปาก พยายามสบตากลับ แต่ไม่ตอบคำถาม
เย่โม่เซินเองก็ไม่เร่งเร้าเอาคำตอบของเธอ แล้วถามต่อ “และที่คุณอารมณ์เสียก็เป็นเพราะผมใช่ไหม”
คำถามนี้ถามได้แทงใจหานมู่จื่อมาก เธอรีบพูดแก้ตัวออกมาทันที
“ใครอารมณ์เสียเรื่องของคุณกัน อย่ามั่นใจในตัวเองหน่อยเลย ทำไมฉันจะต้อง…”
พอพูดได้ครึ่งหนึ่ง เขาก็ขยับหน้าเข้ามาใกล้ ก่อนจะถอยออกไป “ปฏิกิริยาตอบสนองรุนแรงแบบนี้ ยังจะปากแข็งอีก”
“ฉัน…”เธอจะพูดอะไรออกมาอีก แต่กลับถูกเขาจูบอีกครั้ง
จนสุดท้ายหานมู่จื่อก็ถูกจูบของเขาทำให้มึนงงไปหมด เธอยืนมองหน้าเขาอึ้งๆ ไม่ได้แม้แต่จะต่อต้าน
จนเย่โม่เซินขยับเข้าไปกระซิบที่ข้างหูของเธอ
“ผมไม่มีทางหมั้นหมายกับคนอื่น”
หานมู่จื่อที่เพิ่งดึงสติกลับมาได้ เธอจ้องมองเย่โม่เซินที่ยืนอยู่ตรงหน้าด้วยความรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ “เมื่อตะกี้คุณบอกว่า… คุณจะไม่หมั้นหมายกับคนอื่น แล้วคุณ…”
“คุณฟังไว้เลยนะ ผมจะพูดแค่ครั้งเดียวเท่านั้น”เขาพยุงท้ายทอยของเธอไว้ ก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปใกล้ แล้วกระซิบข้างหูเธอ
“ถึงแม้ผมจะไม่แน่ใจว่าจุดประสงค์ที่คุณเข้ามาทำงานในบริษัทเป็นเพราะผมหรือเปล่า แต่จากการกระทำของคุณที่ผ่านมาทั้งหมด สามารถแน่ใจได้ว่า คุณชอบผมอยู่แน่นอน”
“ฉัน ฉันไม่ได้…”ที่จริงแล้วหานมู่จื่อถูกคำพูดของเขาทำให้มึนงงไปแล้วเรียบร้อย เธอนึกว่าเขาจะไปคุยกันเรื่องงานหมั้นหมายกับคนอื่นแล้ว แต่เขากลับมาบอกกับเธอว่าเขาจะไม่หมั้นหมายกับคนอื่น
หมายความว่าช่วงเย็นวันนี้เขาไปเพื่อปฏิเสธการหมั้นหมายสินะ
“คุณกล้าพูดว่าไม่ได้ชอบเหรอ”
หานมู่จื่อ “…”
เธอมองไปทางอื่นอย่างร้อนตัว ก่อนจะพูดออกมาเสียงเบา “คุณบอกว่าชอบก็คือชอบหรือไงกัน”
ทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจว่าชอบแต่ก็ยังปากแข็งไม่ยอมรับ ท่าทางน้อยอกน้อยใจของเธอทำให้เย่โม่เซินหัวใจกระตุก เขาจับคางของเธอให้เงยหน้าขึ้น ก่อนจะหรี่ตามองเธอ
“ชอบก็คือชอบ ไม่ชอบก็คือไม่ชอบ”
สายตาของทั้งคู่สบตากัน ด้วยความที่ระยะห่างมันใกล้กันมากจนมองหน้าอีกฝ่ายไม่ชัด เห็นก็แต่เงาในดวงตาของอีกฝ่าย
ภายใต้สายตาที่มองมาของเขา หานมู่จื่อจึงพูดออกมาเสียงเบา “ชอบ”
พอเห็นว่าเธอยอมรับ แววตาของเย่โม่เซินก็อ่อนโยนขึ้นมา นี่เป็นครั้งแรกที่เขาทำสีหน้าแบบนี้ออกมาหลังจากที่ความจำเสื่อมแล้ว
เขายิ้มอย่างพึงพอใจ “คุณพูดออกมาเองนะ ว่าชอบผม หลังจากนี้ไปคุณก็ชอบผมให้มาก ห้ามเปลี่ยนใจเด็ดขาด”
ถึงแม้เขาจะไม่รู้ว่าทำไมตนเองถึงถูกผู้หญิงแปลกๆตรงหน้าขโมยหัวใจไปได้ แต่ในทุกๆวัน พอเขาหลับตาลงก็มีแต่หน้าของเธอลอยมาตลอด
หานมู่จื่อมองไปทางเขาอย่างนึกไม่ถึง ก่อนจะถามออกมาอย่างลังเล “นี่ นี่คุณกำลังสารภาพรักกับฉันอยู่เหรอคะ”
พอได้ยินแบบนี้ สีหน้าของเย่โม่เซินก็บึ้งตึง ทั้งๆที่คนที่บอกว่าชอบเป็นตัวเธอเอง แต่ทำไมถึงกลายเป็นเขาสารภาพรักไปได้ล่ะ
พอเห็นสีหน้าของเขาบึ้งตึง หานมู่จื่อก็ถอนหายใจออกมา คนคนนี้ยังคงปากแข็งเหมือนเดิม ถึงแม้เขาจะไม่ยอมรับ แต่การกระทําของเขามองออกอย่างชัดเจน
ที่เขายอมมาพูดกับเธอแบบนี้ได้ ก็แสดงว่าเขาเองก็ใส่ใจเธอมากเหมือนกัน แค่นี้ก็พอแล้ว
ในที่สุดหานมู่มื่อก็ยื่นมือออกมา แล้วกอดเอวของเขาไว้ ก่อนจะมุดหน้าเข้าไปในอ้อมกอดของเขา
เย่โม่เซินตะลึงจนยืนตัวเกร็ง