เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 816
บทที่816 ไม่มีอารมณ์ตื่นเต้นเอาซะเลย
เหมือนว่านี่จะเป็นครั้งแรกที่ถูกผู้หญิงเข้ามากอดแบบนี้ เย่โม่เซินยืนตัวเกร็งไม่กล้าขยับตัว
รูปร่างของเธอกับเขาไม่เหมือนกัน เธอตัวนุ่มนิ่มเหมือนสำลี ทำให้รู้สึกอยากจะกอดไว้ไม่ยอมปล่อย
เย่โม่เซินเตรียมจะยกมือขึ้นมากอด แต่กลับถูกหานมู่จื่อผลักเขาออกห่างซะก่อน
“คุณควรจะกลับได้แล้วค่ะ”
เย่โม่เซินหนังตากระตุก ทำไมท่าทีเปลี่ยนไปเร็วขนาดนี้
ยังไม่ทันที่เขาจะได้ตั้งตัว ประตูห้องก็ถูกเปิดออก ก่อนที่เขาจะถูกผลักออกมาจากห้อง หลังจากที่หานมู่จื่อพูดกับเขาว่าลาก่อน เธอก็ปิดประตูลงโดยไม่มีลังเล
บนทางเดินที่มืดมัว มีแค่เย่โม่เซินที่ยืนเปล่าเปลี่ยวอยู่กับเสียงร้องของห้องข้างๆ
“…”
ผู้หญิงใจร้าย
วินาทีก่อนหน้ายังบอกว่าชอบเขาอยู่เลย แต่วินาทีต่อมากลับผลักเขาออกจากห้อง ทำไมถึงได้เดาใจยากแบบนี้นะ
แต่ว่า…
เย่โม่เซินหรี่ตามองไปที่ห้องข้างๆ
เธอพักอยู่ที่นี่ หรือว่าจะต้องทนฟังเสียงแบบนี้ทุกวันเลยเหรอ ถึงแม้จะรู้ว่ามันเป็นเรื่องของคนอื่น แต่เย่โม่เซินก็ยังไม่ชอบใจอยู่ดี
หลังจากที่หานมู่จื่อล็อกประตูเรียบร้อย เธอก็รีบเดินเข้าไปในห้องน้ำ แล้วหยิกแก้มตัวเองตรงหน้ากระจก พอรู้สึกว่ายังความรู้สึกเจ็บอยู่ ถึงได้รู้ว่าเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ไม่ไช่ความฝัน
เย่โม่เซินเปลี่ยนไปเร็วมาก นี่เป็นสิ่งที่เธอเองก็คิดไม่ถึงเหมือนกัน
เธอคิดว่า… เขาจะหมั้นหมายกับคนอื่น แล้วกลายเป็นคนแปลกหน้าต่อกันซะอีก
พอมองตัวเองในกระจก หานมู่จื่อก็ค่อยๆระบายยิ้มออกมา
แต่รอยยิ้มนั้นก็หายไปในเวลาไม่นาน สีหน้าของหานมู่จื่อกลับมาเคร่งขรึมอีกครั้ง เมื่อนึกถึงสิ่งที่ตวนมู่เจ๋อคุยกับเธอเมื่อตอนกลางวันขึ้นมา
ข่าวของเธอกับเย่โม่เซินในต่างประเทศถูกลบข้อมูลทิ้งไปจนหมด นั่นก็หมายความว่าคนที่รู้เรื่องของพวกเธอมีไม่มาก อีกทั้งถึงแม้จะรู้ ก็คงถูกซื้อตัวไปหมดแล้ว
ส่วนคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้เป็นใคร ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะคาดเดา
ในตอนแรกหานมู่จื่อก็เคยคิดถึงวิธีนี้เพื่อเข้าหาเย่โม่เซิน แต่เป็นเพราะตระกูลยู่ฉือยิ่งใหญ่จนเรียกได้ว่ามีอิทธิพลมาก
ไม่มีทางที่ตระกูลยู่ฉือจะไม่รู้เรื่องของเธอกับเขา
ดูท่าทาง เรื่องราวคงจะยากกว่าที่เธอคิดเอาไว้
หานมู่จื่อหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ก่อนจะกดโทรไปหาซูจิ่ว แต่พอมองเวลาก็ลังเลใจ ในเวลานี้เธอน่าจะยังไม่เลิกงานเลยล่ะมั้ง
หานมู่จื่อรู้สึกจนใจ จึงกดพิมพ์ข้อความส่งไปให้ซูจิ่ว บอกให้เธอพรุ่งนี้ว่างแล้วติดต่อกลับมา
หลังจากที่ส่งข้อความเสร็จ หานมู่จื่อก็ตัดการตัวเอง ก่อนจะนอนหลับไป
ในคืนนี้ หานมู่จื่อกลับฝันขึ้นมา
เธอฝันถึงภาพเหตุการณ์ตอนที่เย่โม่เซินผลักเธอชิดบานประตู ก่อนจะจูบเธอ เพียงแต่ว่าเย่โม่เซินในความฝันจะจูบร้อนแรงกว่าในความเป็นจริง ทำให้เธอหมดแรงต้านทาน
ตอนที่หานมู่จื่อลืมตาตื่นขึ้นมา ท้องฟ้าข้างนอกก็สว่างแล้ว เธอกระพริบตาไปมา ก่อนจะพลิกตัว รู้สึกตัวอ่อนไร้เรี่ยวแรง
ความฝันกับความจริงมาบรรจบกัน
ทำให้หานมู่จื่อแยกแยะไม่ถูกว่าอันไหนเป็นความจริง อันไหนเป็นความฝัน
แต่ก็ในเวลานี้ เธอจะต้องรีบลุกขึ้นมาแต่งตัวไปทำงานได้แล้ว
หลังจากหานมู่จื่อแต่งตั้งเรียบร้อย เตรียมตัวจะไปทำงาน ก็เจอเข้ากับคู่รักห้องข้างๆออกมาจากห้องพอดี ฝ่ายหญิงซบตัวฝ่ายชายไว้ แล้วพูดเสียงหวาน “เช้าวันนี้เราจะกินอะไรกันดีคะ”
ฝ่ายชายพูดตอบด้วยสายตารักใคร่เอ็นดู “คุณอยากกินอะไร ผมตามใจคุณทุกอย่างเลย”
ในขณะที่กำลังพูด ฝ่ายหญิงมองมาทางหานมู่จื่อ เพราะเป็นเพื่อนบ้านกัน เธอจึงส่งยิ้มหวานให้หานมู่จื่อ
พอเห็นแบบนั้น หานมู่จื่อก็นึกถึงเสียงที่ได้ยินเมื่อคืนขึ้นมา ใบหน้าของเธอจึงเริ่มรู้สึกร้อน เธอก้มหน้าทักทาย ก่อนจะรีบเดินจากไปทันที
ในขณะที่กำลังเดินทางไปทำงาน หานมู่จื่อก็กดรับสายที่เฉียวจื้อโทรมา
“ฮัลโหล”
“พี่สะใภ้ เมื่อคืน เอ่อ…”
หานมู่จื่อ “…”
“เมื่อคืนยู่ฉือไปหาคุณหรือเปล่า เขาได้อธิบายเรื่องราวให้คุณฟังไหม”
เฮ้อ เฉียวจื้อเป็นพวกชอบอยากรู้เรื่องของคนอื่นจริงๆ
หานมู่จื่อตอบกลับอย่างจนใจ “คุณอยากรู้ถึงขนาดนี้ ทำไมไม่ไปถามเขาตรงๆเลย ไม่เร็วกว่าเหรอคะ”
ทางฝั่งเฉียวจื้อเบะปากทันทีที่ได้ยิน “ไม่เอาหรอกครับ ผมกล้าถามเขาที่ไหนกัน เมื่อคืนหลังจากที่ผมเผลอหลุดปากบอกคุณไป คุณรู้ไหมว่าเขามองผมเหมือนอยากจะฆ่าผมให้ตายเลยล่ะ แต่ว่านะพี่สะใภ้ ยู่ฉือเป็นผู้บริสุทธิ์ เรื่องนี้ผมยืนยันได้”
ผู้บริสุทธิ์ หานมู่จื่อค่อยๆหลับตาลง
เฉียวจื้อยังคงพูดต่อ “เมื่อวานผมไปร้านอาหารที่ตระกูลยู่ฉือกับตระกูลตวนมู่นัดกินข้าวกัน หลังจากที่ยู่ฉือกลับไปได้สักพัก คุณปู่ยู่ฉือกับคุณปู่แห่งตระกูลตวนมู่ก็เดินออกมา คุณรู้ไหมว่าผมเห็นอะไร”
หานมู่จื่อ “… อย่าพูดลับลมคมใน รีบบอกมาตรงๆค่ะ”
“โธ่ พี่สะใภ้นี่ไม่มีอารมณ์ตื่นเต้นกับเขาซะเลย ในเวลาแบบนี้คุณต้องถามผมอย่างแปลกใจและอยากรู้ถึงจะถูกสิ ไม่ใช่พูดเสียงดุขนาดนี้…”
“…”
“ก็ได้ ก็ได้ ผมบอกก็ได้ หลังจากที่ยู่ฉือเดินจากไปไม่นาน ผมก็คิดจะอยู่รอสังเกตการณ์ ตอนที่คุณปู่ยู่ฉือเดินออกมา สีหน้าของเขาดูแย่มาก คุณปู่แห่งตระกูลตวนมู่เองก็มีสีหน้าบึ้งตึง ตวนมู่เสว่เดินตามหลังเขาเงียบๆ ใบหน้าเลอะไปด้วยคราบน้ำตา อุ๊บส์ ผมว่าเธอคงแต่งตัวแต่งหน้ามาอย่างดี แต่น่าเสียดายที่คนบางคนไม่สนใจ”
ตวนมู่เสว่อย่างนั้นเหรอ…
หานมู่จื่อคิดไม่ถึงเลย ว่าชื่อของผู้หญิงคนนี้จะปรากฏขึ้นมาในชีวิตของเธอและเย่โม่เซินอีกครั้ง
หลังจากที่เคยเจอกันก่อนหน้านี้ เธอก็รู้สึกไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายมีแฟนอยู่แล้ว แต่ก็ยังพยายามจะคบกับเย่โม่เซินอีก
เหมือนว่าครั้งนี้…
ถึงแม้เย่โม่เซินจะความจำเสื่อม แต่ตวนมู่เสว่รู้อยู่แก่ใจเรื่องของเธอกับเย่โม่เซิน กลับยังคิดจะหมั้นหมายกับเขาอีก
เหอะ คนสมัยนี้เพื่อความต้องการของตัวเองแล้ว แม้แต่ศีลธรรมของความเป็นคนก็ไม่สนใจแล้วเหรอ
“พี่สะใภ้ ไม่ว่ายังไงผมก็ดูออก ในสายตาของยู่ฉือมีแต่คุณคนเดียว ถึงแม้ว่าพวกคุณสองคนจะรู้จักกันได้ไม่นาน แต่คุณกลับทำให้ยู่ฉือหลงรักได้แบบนี้ จะต้องมีเสน่ห์ของตัวเองแน่นอน ดังนั้น… แหะแหะ หลังจากนี้ไปผมจะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องของพวกคุณสองคนอีกแล้ว”
พอได้ยินเขาพูดแบบนี้ หานมู่จื่อก็นึกขึ้นมาได้ว่าช่วงที่ผ่านมาเฉียวจื้อมักจะสร้างสถานการณ์ให้พวกเธอได้อยู่ด้วยกันตลอด ตอนที่ทั้งสามคนอยู่ด้วยกันเขาก็มักจะพูดกระตุ้นเย่โม่เซินเสมอ
จะบอกว่าเขาว่างมาก ก็ไม่มีความจำเป็นต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจถึงขนาดนี้
หานมู่จื่ออดที่จะถามออกมาไม่ได้ “เฉียวจื้อ ทำไมคุณถึงต้องช่วยเหลือฉันด้วย”
เฉียวจื้อส่งเสียง หะ ออกมา ก่อนจะพูด “ก็ไม่ทำไมนี่ครับ คงจะเป็นเพราะว่าผมว่างมากจนเบื่อล่ะมั้ง”
“ถึงจะเบื่อมากแค่ไหน ก็ไม่จำเป็นต้อง…”
“เอาล่ะครับ พี่สะใภ้ ตอนนี้คุณกำลังเดินทางไปทำงานแล้วใช่ไหม งั้นผมไม่รบกวนคุณแล้ว”
พอพูดเสร็จ อีกฝ่ายก็กดวางสายไปอย่างรวดเร็ว จนหานมู่จื่อตั้งตัวไม่ทัน
พออีกฝ่ายวางสายไป หานมู่จื่อก็นิ่งตะลึงไป ก่อนจะเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋า
เฉียวจื้อคนนี้… ที่เขายอมช่วยเหลือเธอถึงขนาดนี้ เธอรู้สึกว่าเรื่องราวมันไม่ได้ง่ายดายอย่างที่คิด
เขาจะต้องมีจุดประสงค์อื่นแน่นอน
แต่จะเป็นเรื่องอะไร เธอเองก็ไม่รู้ แต่ว่า… เขาไม่ได้คิดร้ายกับเธอแค่นั้นก็พอแล้ว