เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ / เจ้าสาวมือสองของคุณชายพิก… - ตอนที่ 846
บทที่846 ความลับเปิดเผย
เรื่องครั้งที่แล้ว มันเป็นเรื่องที่ไม่คาดคิดมาก่อนจริงๆ
แต่ปัญหานี้ดูเหมือนว่าจะข้ามผ่านไปไม่ได้แล้ว ที่ว่ากันว่าก้าวพลาดไปครั้งนึงก็จะเสียใจไปตลอดชีวิตก็คือเหมือนอย่างเธอตอนนี้นั่นเอง
ในเมื่อมันเป็นเรื่องที่ไม่คาดคิดมาก่อน ก็จะต้องไม่ใช่การส่งซิกอะไรให้เขาอยู่แล้ว ในตอนนั้นพวกเธอสองคนไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรต่อกันเลย เธอจะทำการส่งซิกอะไรพวกนั้นไปทำไมกัน?
แต่เห็นได้ชัดว่าเย่โม่เซินไม่ได้คิดอย่างนั้น เขาซุกอยู่ตรงบริเวณลำคอของเธอ ริมฝีปากของเขาพาดผ่านลำคอขาวนุ่มของเธอไปเหมือนกับทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจ ลมหายใจร้อนที่เป่ารดลงมาเหมือนกับปุยขาวของเมล็ดหลิวที่กำลังลอยฟุ้งออกมาไม่มีผิด
มือที่โอบตรงบริเวณเอวของเธอนั้นจู่ๆก็เคลื่อนขึ้นมาข้างบน จากนั้นหานมู่จื่อก็รับรู้ได้ว่าการสูดหายใจของเย่โม่เซินเริ่มถี่ขึ้นมา
หานมู่จื่อกะพริบตาออกมาอย่างตื่นกังวล ริมฝีปากอ้าออกมาอย่างไม่รู้ตัว “ไม่…ไม่ได้…”
แต่สิ่งที่เขาตอบกลับมาก็คือ ริมฝีปากของเย่โม่เซินที่ได้ประกบลงมา
ปัง!
“ท่านประธาน เมื่อกี้ฉันลืมบอกท่านประธานเกี่ยวกับ…”
ในตอนที่ตัวหานมู่จื่อนั้นขาแทบจะอ่อนลงเต็มที จู่ๆประตูห้องทำงานก็ถูกผลักเข้ามา พี่หลินพูดเสียงดังลั่นออกมาพลางเดินเข้ามาในห้อง ผลก็คือเห็นเข้ากับภาพที่ชวนให้ตื่นตาตื่นใจเข้า
พี่หลินเบิกตากว้างออกมาอย่างไม่อยากที่จะเชื่อออกไป
นี่เธอเห็นอะไรเข้าเนี่ย??
ท่านประธานที่เห็นผู้หญิงเหมือนไส้เดือนกิ้งกือคนนั้น นึกไม่ถึงเลยว่าจะ…กอดจูบผู้หญิงอยู่อย่างนี้ได้?
หานมู่จื่อได้ยินเสียงพี่หลิน ก็ตื่นตกใจจนมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างมาก ยกมือขึ้นมาใช้แรงผลักร่างของเย่โม่เซินออกไปทันที เซถอยออกไปหลายก้าวกว่าจะทรงตัวได้
เย่โม่เซินถูกผลักออกไป แววตาก็มืดครึ้มเผยความรู้สึกหงุดหงิดจากอารมณ์ที่คั่งค้างออกมา เขาขมวดคิ้วมองไปยังคนที่เข้ามาโดยที่ไม่เคาะประตู สีหน้าที่แสดงออกมานอกจากจะไม่มีความกระดากอายที่ความลับถูกเปิดเผยแม้แต่น้อยแล้ว แต่กลับยังถามออกไปอีกว่า “ทำไมไม่เคาะประตู?”
พี่หลิน “…”
เธอนิ่งอึ้งอยู่หลายวิ แล้วเอ่ยขอโทษออกไป จากนั้นก็ถอยออกไปทันที
หานมู่จื่อที่ยืนอยู่ข้างๆนั้น ก็ได้รู้สึกอับอายจนอยากพลิกแผ่นดินหนีอยู่แล้ว เดิมทีเธอไม่กล้าที่จะให้คนอื่นรู้ แต่นึกไม่ถึงว่าจะทำให้พี่หลินต้องมาเห็นฉากนี้เข้าเสียได้ ความจริงการจูบกันของคู่รักมันก็เป็นเรื่องที่ปกติมาก แต่ถ้าถูกคนรู้จักมาบังเอิญเห็นเข้า ก็จะน่าอายเป็นอย่างมาก
เธอกัดลงไปบนริมฝีปาก มือกุมเข้าด้วยกัน หลังจากนี้เธอจะไปเจอกับพี่หลินได้ยังไง?
ในตอนที่เธอกำลังคิดสับสนอยู่นั้นเอง เย่โม่เซินก็ได้พูดกับเธอออกมาว่า
“เข้ามา”
หานมู่จื่อ “???”
เย่โม่เซินเอ่ยออกมาด้วยสีหน้านิ่งเรียบดังเดิม “ต่อ”
เธอจึงตอบกลับไปอย่างไม่ต้องคิดเลยแม้แต่น้อยว่า “ถูกพี่หลินเห็นเข้าอย่างนั้นแล้ว คุณยังมีอารมณ์จะต่ออีก?”
เห็นเธอยืนอยู่ตรงที่เดิมไม่ขยับ เย่โม่เซินจึงเม้มปากตัวเองแล้วเดินเข้าไป จับลงไปใต้คางของเธอแล้วโน้มเข้าไปเตรียมที่จะจูบลงไป กลิ่นอายความรุ่มร้อนได้ล้อมรอบร่างของหานมู่จื่อเอาไว้ทันที
เธอกะพริบตาถี่ออกมาอย่างประหม่า แทบจะเห็นแม้กระทั่งรูขุมขนของเย่โม่เซินได้อย่างชัดเจน การถูกเปิดเผยอย่างกะทันหันเมื่อสักครู่ ได้ทำเอาเธอไม่มีอารมณ์ที่จะทำต่ออีกแล้วจริงๆ
ดังนั้นแล้วในตอนที่เย่โม่เซินเตรียมที่เข้ามาประกบปากเธอนั้น หานมู่จื่อก็ได้ผลักร่างเขาออกไป
“นี่เป็นเวลาทำงานนะคะ”
เย่โม่เซินที่ถูกผลักออกไป มองเธอมาด้วยแววตานิ่งขรึม
หานมู่จื่อถอยออกไปสองก้าว “ก่อนหน้านี้คุณก็เคยบอกฉันนี่คะว่าไม่ให้ฉันยั่วคุณในเวลาทำงาน อย่างนั้นแล้ว…คุณก็อย่ามาพูดอย่างนั้นกับฉัน ฉันขอตัวก่อนนะคะ!”
พูดจบ เธอก็ไม่สนว่าเย่โม่เซินจะมีปฏิกิริยาอะไรออกมา รีบก้าวขาเดินออกไปข้างนอกทันที
เมื่อออกมาจากห้องทำงานของเขาแล้วนั้น หานมู่จื่อรู้สึกได้ถึงความเยือกเย็นตีเข้ามาบนใบหน้า รีบเข้าไปยังห้องน้ำที่อยู่ข้างๆทันที
และก็เป็นไปอย่างที่คิดเพราะหลังจากที่หานมู่จื่อมองไปในกระจกที่อยู่ในห้องน้ำนั้นก็เห็นว่าใบหน้าของเธอแดงก่ำไปทั่วทั้งใบหน้า แต่ที่แย่ยิ่งกว่านั้นก็คือ…ตรงลำคอของเธอยังมีรอยแดงประทับอยู่อย่างสามารถเห็นได้อย่างชัดเจน
หานมู่จื่อยกมือขึ้นมาถูแล้วถูอีก แต่รอยนั้นกลับไม่หายไปเลย
อยากจะบ้าจริงๆ
ทั้งๆที่รู้ดีอยู่แล้วว่าวันนี้เธอไม่ได้สวมเสื้อคอเต่าหรือเสื้อคอตั้งอะไรพวกนั้นมา แต่ก็ยังทำรอยทิ้งไว้บนลำคอของเธออีก
ในมือของเธอตอนนี้ก็ไม่มีรองพื้นกับคอนซีลเลอร์อะไรอยู่เลยสักอย่าง สุดท้ายก็ได้แต่ทำเพียงปล่อยผมลงประบ่า โชคดีที่ปิดรอยแดงนั้นได้พอดี
หลังจากที่จัดการเรียบร้อยแล้วนั้น หานมู่จื่อก็ได้ก้าวกลับออกไปยังห้องเลขาด้วยความกล้าๆกลัวๆ
ภายในห้องเลขา พี่หลินที่กำลังโทรศัพท์อยู่นั้น ในตอนที่หานมู่จื่อเดินเข้ามาเธอไม่แม้แต่จะมองเข้ามาเลย หานมู่จื่อลอบร้องดีใจออกมา รีบพุ่งเข้าไปยังที่นั่งของตน หยิบกระเป๋าขึ้นมาหาสิ่งที่จะเอามาปกปิดรอย
ทันทีที่เธอหยิบแท่งคอนซีลเลอร์ออกมา ทางด้านพี่หลินก็ได้วางสายโทรศัพท์ไปแล้ว จากนั้นเธอก็ลุกขึ้นหยิบเอกสารชุดหนึ่งเดินเข้าไปทางหานมู่จื่อ
หานมู่จื่อเห็นอย่างนั้นแล้ว จึงจำต้องเก็บแท่งคอนซีลเลอร์กลับไป หลังจากนั้นก็มีท่าทีที่เหมือนกับนักเรียนที่เจอกับคุณครูออกมาไม่มีผิด หลังเหยียดตรง นั่งมองพี่หลินอยู่ตรงนั้นอย่างว่านอนสอนง่ายเป็นพิเศษ
“มู่จื่อ~” พี่หลินเรียกเธอออกมา ไม่รู้ว่าเซนส์ของหานมู่จื่อผิดพลาดไปหรือเปล่า แต่มักจะรู้สึกว่าการที่เธอเรียกออกมาอย่างนั้นดูเหมือนว่าจะมีความหมายลึกซึ้งเป็นพิเศษ เหมือนราวกับว่าเน้นเสียงออกมาไม่มีผิด
เธอเหยียดหลังตรงกว่าเดิม มองพี่หลินไปด้วยรอยยิ้มที่แข็งเกร็ง ใบหูแอบแดงออกมาเล็กน้อย
“พี่หลิน มีอะไรจะให้ฉันทำหรอคะ?”
พี่หลินเอาเอกสารมาวางตรงด้านหน้าเธอด้วยใบหน้ายิ้มระรื่น “เดี๋ยวเธอก็เอาเอกสารพวกนี้ไปส่งที่ชั้นล่าง แล้วบอกพวกเขาด้วยว่าขอช่วงบ่าย ให้พวกเขาเร่งมือทำหน่อย ถ้าทำไม่ทัน ก็อย่าหวังโบนัสเดือนนี้”
หานมู่จื่อพยักหน้าออกมารัวๆเหมือนกับลูกไก่ที่กำลังจิกกินข้าวออกมา “ทราบแล้วค่ะ”
พี่หลินยิ้มออกมาเล็กน้อย หลังจากที่วางเอกสารลงไปแล้วก็หันตัวเตรียมที่จะเดินออกไป หานมู่จื่อผ่อนลมหายใจออกมา ดูเหมือนว่าพี่หลินจะไม่ใช่คนขี้เม้าท์จำพวกนั้น เธอไม่ต้องคิดหาคำอธิบายให้เปลืองสมองเลย…
แต่ลมหายใจยังไม่ทันได้ผ่อนออกไปจริงๆเลย จู่ๆพี่หลินก็หันกลับมา สายตาเหล่มองมายังเธอ
“มู่จื่อ เธอกับท่านประธาน…”
หานมู่จื่อเหยียดหลังตรงออกมาอีกครั้ง มองพี่หลินไปอย่างตื่นกังวล
ท่าทางอย่างนั้นของเธอ ได้ทำเอาพี่หลินอดไม่ได้ที่จะหลุดยิ้มออกมา “อย่ากังวลไปเลย คนหนุ่มสาวมั้ยล่ะ ฉันเข้าใจได้น่า”
มุมปากของหานมู่จื่อกระตุกออกมาเล็กน้อย ไม่รู้ว่าจะพูดตอบออกไปยังไง
“คือฉันคิดไม่ถึงเลยจริงๆว่า เธอจะไวไฟขนาดนี้” ในระหว่างที่พูดพี่หลินก็ได้ถือโอกาสนั่งลงข้างๆเธอ ใบหน้ายิ้มระรื่นออกมา “พี่หลินขอเม้าท์หน่อยได้มั้ย? ก่อนที่เธอยังไม่เข้ามา ท่านประธานเมินใส่ผู้หญิงทุกคน แต่ทำไมพอเธอมาก็คว้าเขาไปได้อย่างรวดเร็วขนาดนี้ได้กัน? อีกทั้ง…”
ภาพเหตุการณ์ในห้องทำงานเมื่อกี้นั้น ถึงแม้ว่าเธอจะเข้าไปเห็นโดยบังเอิญ แต่ก็สามารถมองออกได้ว่าคนที่เป็นฝ่ายรุกเข้าไปก่อนระหว่างพวกเขาทั้งสองคนนั้นเห็นได้ชัดว่าจะเป็นเย่โม่เซิน
จุดที่ทำให้พี่หลินแปลกใจนั่นก็คือท่านประธานคนนี้รุกเสียจนน่ากลัวเสียจริง อีกทั้งยังไม่มีท่าทีที่จะกลัวใครพบเห็นออกมาเลยอีกต่างหาก
แต่หานมู่จื่อนั้น กลับดูตื่นตระหนกตกใจจนทำอะไรไม่ถูก เหมือนราวกับว่ากำลังกลัวว่าจะถูกใครพบเห็นเข้า
สมองของพี่หลินประมวลผลอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นเองก็นึกถึงเรื่องที่นายท่านมาที่บริษัทขึ้นมาได้ เธอเบิกตากว้างอย่างเข้าใจเรื่องราวที่เกิดขึ้นขึ้นมาทันที “นายท่านมาที่บริษัทวันนี้ หรือว่าจะเป็น…”
ในเมื่อความลับถูกเปิดเผยออกมาแล้ว หานมู่จื่อก็ไม่ได้ปฏิเสธออกมาอีกต่อไปเช่นกัน ทำเพียงพยักหน้าออกไปเล็กน้อย “ค่ะ คุณตาของเขามาเพราะเรื่องนี้ พี่หลิน ฉันไม่อยากให้คนอื่นในบริษัทรู้เรื่องนี้ พี่รับปากฉันได้มั้ยคะ?”
ได้ยินดังนั้นแล้ว พี่หลินก็อดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือมาดีดลงบนหน้าผากเธอไปหนึ่งที
“ดูพูดเข้าสิ พี่หลินดูเป็นพวกคนพูดมากหรือไง? ถึงแม้ว่าจะชอบอยากรู้เรื่องพวกนี้ แต่ก็ไม่ใช่คนปากมากเสียหน่อย ฉันก็แค่อยากรู้ว่าเธอคว้าท่านประธานมาได้ยังไง ถึงได้พัฒนาความสัมพันธ์กันเร็วขนาดนี้เท่านั้นเอง”
หานมู่จื่อยิ้มออกไปเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
เดิมทีเธอกับเย่โม่เซินก็รู้จักกันอยู่แล้ว ที่ได้คบกันในครั้งนี้ก็พึ่งโชคชะตาทั้งนั้น เธอจะพูดอะไรออกไปได้ล่ะ?